คืนทมิฬ
**Spoiled Alert**
ได้ดูสมใจในที่สุด หิหิหิ หนังเรื่องนี้น่าสนใจตั้งแต่ได้ยินว่า Tom Ford ทำหน้าที่กำกับและเขียนบท (ซึ่งดัดแปลงมาจากนิยาย Tony and Susan ) ถ้าใครอยู่ในวงการแฟชั่นและเครื่องสำอางคงต้องเคยได้ยินชื่อนี้มาบ้างแหละ ดีไซน์เนอร์ชื่อดัง ที่ตอนนี้หันมาออกแบบเครื่องสำอางแล้วก็ประสบความสำเร็จมาก ดารานางแบบ บิวตี้บล็อกเกอร์เมืองไทย หลายๆ คนก็ยังต้องมีเครื่องสำอาง Tom Ford เอาไว้ใครครอบครองอย่างน้อยซักหนึ่งชิ้น
เดี๋ยว นี่มันรีวิวเครื่องสำอางหรอ ม่ายยยยช่ายยยย จะบอกว่าความสามารถทางด้านแฟชั่นเนี่ย ได้นำมาใช้ในภาพยนตร์ของเขาด้วย เพราะว่าพร๊อบหลายชิ้น การจัดองค์ประกอบศิลป์และมุมกล้องในหลายๆ ฉาก นอกจากจะได้ภาพที่ออกมาสวยแล้ว จังหวะที่ดีทำให้หนังออกมาเป็น Drama/Thriller ที่ลงตัว
เรื่องราวแบ่งออกเป็น 3 เส้นเรื่องโดยที่ตัวนางเอก ซูซาน มอร์โรว์ (Amy Adams) เป็นคนเดินเรื่องทั้งหมด 1. ชีวิตในปัจจุบัน ซึ่งเธอเป็นศิลปิน และเจ้าของแกลอรี่ที่กำลังจะถังแตก และชีวิตคู่กับฮัตตั้นก็ไปได้ไม่สวยเท่าไหร่นัก แม้ว่าซูซานจะพยายามเอาใจฮัตตั้น ผู้เป็นสามี ด้วยการไปเที่ยวพักผ่อนด้วยกัน แต่ดูเหมือนว่าเขาจะมีงานยุ่งเสมอ จู่ๆ เธอก็ได้รับพัสดุจาก เอ็ดเวิร์ด สามีเก่าที่เลิกรากันไปเกือบ 20 ปีแล้ว ด้านในคือ นิยายเรื่อง 'Nocturnal Animals' ที่กำลังจะตีพิมพ์ เขาแนบโน้ตมาว่าอยากให้เธอได้อ่านมันก่อนใคร จึงนำมาสู่เส้นเรื่องต่อมา
2. เรื่องราวในหนังสือของ โทนี่ ลอร่าและอินเดีย พ่อแม่ลูกที่กำลังออกเดินทางไปในความมืดมิดของเท็กซัส ทั้งสามควรจะถึงจุดหมายปลายทางอย่างปลอดภัย ถ้าไม่ได้พบกับแก๊งนักเลงขี้เมาบนไฮเวย์เสียก่อน ด้วยเรื่องราวในนิยายทำให้เธอหวนกลับไปนึกถึงอดีตอยู่บ่อยครั้ง จนนำมาที่เส้นเรื่องที่ 3. อดีตในสมัยที่ยังรักกันหวานซึ้งและสาเหตุที่ทำให้ต้องเลิกกันของซูซานและเอ็ดเวิร์ด
เส้นเรื่องที่สองเป็นตัวหลักในการขับเคลื่อนหนังทั้งหมด ครอบครัวเฮสติ้งถูกจิ๊กโก๋เจ้าถิ่น 3 หน่อ เบียดรถตกข้างทางบนถนนข้ามรัฐที่โคตรจะมืดและเปลี่ยว ตอนแรกดูเหมือนจะเป็นขี้เมาก่อเรื่องธรรมดาก่อนเรื่องราวจะบานปลาย พวกนั้นลักพาตัวลอร่าและอินเดียไป ทิ้งโทนี่ไว้กลางทะเลทราย ซึ่งเขาเอาชีวิตรอดมาได้และไปแจ้งตำรวจ ผ่านไปหลายวันจึงพบศพของภรรยากับลูก ถูกข่มขืนก่อนจะฆ่าตรงบริเวณที่ใกล้กับที่ที่โทนี่ถูกทิ้งไว้ การสืบหาฆาตกรใช้เวลาเป็นปีเพราะหาหลักฐานได้น้อยมาก ซึ่งตลอดเวลานี้ โทนี่โศกเศร้าเป็นอย่างมาก เป็นเพราะเขาคิดว่าไม่สามารถปกป้องลูกและภรรยาได้ จู่ๆ ลู หนึ่งในโจรพวกนั้นก็ถูกจับได้ด้วยข้อหาปล้น บ๊อบบี้ ตำรวจที่ดูแลคดีนี้แจ้งให้โทนี่มาชี้ตัวคดีของเขา ซึ่งโทนี่ก็จำได้ทันที แม้ลูจะไม่ใช่ตัวหัวหน้า แต่ก็สาวไปได้ไม่ยาก พวกเขาหาตัวเรย์ได้อย่างง่ายดาย แต่การจับกุมเรย์ไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากเรย์มีผู้มีอิทธิพลคอยหนุนหลัง และหลักฐานที่มีก็ไม่แน่นหนาพอที่จะตั้งข้อหาได้
บ๊อบบี้ที่กำลังจะตายด้วยโรคมะเร็งออกปากชวนโทนี่ให้กระทำการศาลเตี้ยเพื่อแก้แค้นให้ครอบครัว และโทนี่ที่ไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้วจึงตอบตกลง เรย์และลูถูกจับมาไว้ที่แคมป์ แต่ด้วยความอ่อนแอของโทนี่อีกแหละ ทำให้เรย์หนีไปได้ บ๊อบบี้ยิงลูเนื่องจากพยายามหนี เรย์แอบมาซ่อนที่กระท่อมที่เคยจับตัวลอร่าและอินเดียมาขังไว้ โทนี่ตามมาพบจึงสู้กัน โทนี่บันดาลโทสะยิงเรย์ตาย แต่ตัวเองก็บาดเจ็บจนตาบอด เมื่อพบว่าตัวเองสามารถล้างแค้นให้กับคนที่ทำลายครอบครัวเขาได้สำเร็จ โทนี่จึงยิงตัวตาย
ในขณะที่ซูซานอ่านนิยายไปเรื่อยๆ หลายครั้งที่เธอหวนนึกถึงอดีตของเอ็ดเวิร์ดกับเธอ หนุ่มสาวบ้านเดียวกันมาสานสัมพันธ์เมื่อพบกันอีกครั้งในนิวยอร์ค ตกหลุมรักและแต่งงานกันอย่างรวดเร็ว โดยที่ซูซานไม่สนคำทัดทานของแม่ที่บอกว่าจะเลิกกันเพราะความอ่อนแอของผู้ชาย เมื่อใช้ชีวิตคู่มาได้ระยะหนึ่ง ปัญหาความแตกต่างระหว่างทั้งคู่ยิ่งเห็นได้ชัด ประกอบกับซูซานที่ได้พบรักใหม่กับฮัตตั้น เมื่อซูซานตัดสินใจเด็ดขาด จึงเลิกกับเอ็ดเวิร์ดและไปทำแท้งลูกของเขา ความสัมพันธ์ของทั้งสองจบกันตรงนี้ แม้หลายปีต่อมา ซูซานพยายามโทรหา แต่เอ็ดเวิร์ดก็ไม่เคยรับสาย จนมาถึงครั้งนี้ที่สามีเก่าได้ส่งหนังสือมาให้ ซูซานอ่านหนังสือจบ เธอสะเทือนใจมากจึงติดต่อไปหาเอ็ดเวิร์ดเพื่อพูดคุย แต่พบกับว่าเค้าทำให้เธอคอยเก้อ....จบ!
เดี๋ยวๆ ไรนะ จบจริงหรอออ เดี๋ยวววววว คือยังไงงง เอนด์เครดิตมีมั้ย อย่าเพิ่งดับไฟ มาอธิบายก่อนนนน
เดินออกมาจากโรงหนังด้วยความงงงวย เฮ้ย ขุ่นพระ พี่ทำอะไรกับหนูคะ พี่ทอม ฟอร์ดดดดด สะบัดสะบิ้งอยู่ซักพักเลยมาเปิดรีวิวของคนอื่นอ่าน ต้องบอกก่อนว่าไม่ใช่หนังไม่สนุกนะ สนุกมากกกก ถึงแม้หนังจะแบ่งออกเป็นหลายเส้นเรื่องแต่การตัดต่อและกำกับทำได้เนียนสนิท ไม่รู้สึกโดดหรือสับสน สามารถแยกออกได้ในทันทีว่านี่คือเหตุการณ์ของใคร โดยเฉพาะซีนที่ทะเลาะระหว่างแก๊งกุ๊ยกับโทนี่บีบคั้นมาก ลุ้นฉี่ราด พวกโจรไม่มีปืนก็จริง แต่กลัวความบ้าๆ บอๆ เอาแน่ไม่ได้ แม่งจะทำอะไรอีกวะ แล้วเป็นซีนที่ long time อ่ะ ไม่ใช่วูบๆ แว้บๆ ไป มีไดอะล็อก มีฟีลลิ่งตัวละครที่ส่งมาให้คนดู ยิ่งโทนี่ดูสับสน อยากจะสู้แม่งก็ไม่กล้าสู้ คนดูยิ่งจิกเบาะขาด ลำไยโทนี่ไปสิบกิโลฯ
แถมงานภาพก็สวยมาก อย่างที่บอกตั้งแต่ตอนต้นว่างานนี้ออกแบบโดยดีไซน์เนอร์ชื่อดัง เมื่อสังเกตในหลายๆ ซีน จะเห็นว่าผู้กำกับเอาสีแดงมาใช้ในภาพยนตร์เยอะมาก เช่น กำแพงสีแดงในห้องทำงานของซูซาน ดูแล้วโคตรมีพลัง และซีนที่โดดเด่นสำหรับเราคือซีนพบศพลอร่าและอินเดีย ทั้งสองนอนเปลือยโชว์ผิวขาวผ่องอยู่บนโซฟาสีแดงสด โอ้ยย พลังมาก ยอมใจ
ในหลายๆ องค์ประกอบ เราว่าหนังเรื่องนี้โอเคมาก ทั้งบทภาพยนตร์/การเดินเรื่อง/การตัดต่อ/เสียงประกอบ/นักแสดง แต่ที่ไม่โอเคอย่างเดียวคืออิชั้นนี่แหละข่ะ เราไม่เข้าใจว่ามันเป็นการแก้แค้นยังไง โอเคว่าเรื่องราวในหนังสือสื่อถึงซูซานแน่นอน และซูซานก็รู้สึกได้แหละว่าหนังสือสื่อถึงนาง นางก็เสียใจกับความผิดที่ทำไว้กับเอ็ดเวิร์ด อีกทั้งนางก็เสียศูนย์เมื่อเห็นว่าคนที่เคยรักนางมากๆ กลับไม่ไยดีนางเลยซักนิดในตอนจบของเรื่อง แต่.....อิชั้นก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่ามันจะเจ็บปวดยังไงน้อ เรามองไม่เห็นภาพ ไม่เคยสัมผัสกับความรู้สึกแบบนั้น แค่มันไม่อิน แค่นั้นเอง ถ้าอีกสิบปีข้างหน้าที่ประสบการณ์ชีวิตมากขึ้นแล้วได้กลับมาดูหนังเรื่องนี้อีกครั้ง ไม่แน่ว่าเราอาจจะเข้าใจความเจ็บปวดของทั้งซูซานและเอ็ดเวิร์ดก็เป็นได้
แล้วพบกัน(เมื่อดูหนังเรื่อง)ใหม่.
maeday
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in