01. บนท้องฟ้าไม่มีอะไรแน่นอนถ้ามองจากมุมนี้
เที่ยวบิน FD-244 ออกจากสนามบินเรียบร้อยแล้ว สัญญาณปลดล้อกเข็มขัดดับวูบลงพร้อมกับเสียงอื้ออึงในหู ดูเหมือนว่าเครื่องจะขึ้นได้อย่างปลอดภัย
บนที่นั่งกว้างคูณยาวขนาดเท่าๆกับคนหนึ่งพอดีมีผู้โดยสารสองคนขนาบข้างผมอยู่ ฝั่งริมหน้าต่างเป็นเพื่อนร่วมทริปของผมตลอดสองสัปดาห์นี้ ส่วนฝั่งติดทางเดินเป็นชายหนุ่มหน้าหวานซึ่งเข้าสู่นิทราตั้งแต่เครื่องบินขึ้นฟ้า (ซึ่งนั้นทำให้ผมเกรงใจไม่กล้าลุกออกไปห้องน้ำ) นอกหน้าต่างคือโลกกว้างที่มองลงไปไม่เห็นผู้คนอีกแล้ว
มองลงไปด้านล่าง พบว่ามนุษย์เป็นเพียงจุด Pixels เล็กๆเท่านั้นหากมองกันในเสกลของโลก ต่อให้ใครซักคนจะทะนงตนถึงความยิ่งใหญ่เพียงไหนก็ไม่ได้ใหญ่ไปกว่าท้องฟ้า หลังคาหลากสีที่เรียงรายกันบนพื้นเมื่อมองจากมุมสูง เหมือนถูกตอกย้ำให้รู้ว่ามนุษย์ตัวจ้อยยังคงต้องการเคหะสถานปลอดภัยไว้พักอาศัย และภายในบ้านซักหลังเบื้องล่างคงมีใครซักคนที่กำลังรอใครบางคนอยู่แน่
ไม่บ่อยนักหรอกที่เราจะได้เห็นก้อนเมฆเรียงตัวกันในระดับสายตา เมื่อก่อน เรามักสงสัยว่าข้างบนนั้นมันจะมีอะไรอยู่ จนเมื่อเติบโตมาและได้รู้ความจริงว่าบนท้องฟ้าไม่มีอะไรเลย ไม่มีเทวดาและไม่มีนางฟ้าวิ่งไล่กัน สิ่งนั้นลดทอนความโรแมนติกไปพอสมควร แต่ความจริงก็คือความจริง สิ่งที่เป็นจินตนาการเวลานี้อาจทำได้เพียงปลอบประโลมใจในวันที่เราต้องการหลีกหนีความจริงบางอย่าง
เวลาบนเครื่องและทิวทัศน์ขาวโพลนภายนอกชวนให้เราได้คิดถึงบางอย่างที่บังเอิญผุดขึ้นมาในความทรงจำ
ช่วงเวลาแสนสั้นบนฟ้าอาจน่าเบื่อสำหรับนักบิน แต่กลับคนที่ต้องออกจากถิ่นกำเนิดแบบผม ช่วงเวลานี้เหมาะทีเดียวสำหรับคิดถึงคนที่จากมา
เมื่อก่อนถ้ามองย้อนกลับไป หากมีใครซักคนพูดขึ้นมาว่าอยากจะบินบนฟ้าเหมือนนก คงถูกคนหาว่าบ้า แต่หลายพันปีต่อมาโลกก็ได้รู้จักกับองค์การนาซ่าและพาเราออกไปไกลกว่าการบินบนฟ้าภายในโลกมนุษย์
จินตนาการที่เป็นความจริงสิ่งนั้นจะยังถูกเรียกว่าจินตนาการอยู่ไหม และหากสิ่งใดที่ยังไม่เกิดขึ้นมา มันมีโอกาสมากแค่ไหนที่จะกลายเป็นความจริง
ผมเกือบจะหลับไปแล้ว หากเสียงเครื่องบินกระตุกฉุดให้ผมตื่นขึ้นมารับกับอาการสั่นไหว และไม่นานต่อมา เสียงใสๆแจ้งว่ากำลังจะถึงปลายทางแล้ว
อีกไม่นานคงถึงจุดหมาย
ผมมองแผนการหลวมๆของตัวเองในสมุด
และคิดว่านี่คงเป็นเพียงจินตนาการเช่นกัน
----
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in