พูดถึงการท่องเที่ยวแล้ว คงไม่ใครคิดว่าจะเป็นกิจกรรมที่หนักหัวใครสักเท่าไหร่
ก็แหม! อยากไปเที่ยวไหนก็ไปได้เลยไม่ใช่เหรอ แต่จริงๆแล้ว แม้จะไม่หนักหัวใคร
แต่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวนี้เป็นอุตสาหกรรมที่ปล่อยคาร์บอนสูง
ถึงร้อยละ5 ของการปล่อยคาร์บอนในทุกอุตสาหกรรมเลยทีเดียว
ลองคิดดูสิว่ากว่าคุณจะออกจากบ้าน ขึ้นรถไปสนามบิน
ขึ้นเครื่องบินไปยังจุดหมาย ทั้งหมดนี้ต้องใช้พลังงานไปมากเท่าไหร่
และปัจจุบันนี้มีงานวิจัยรองรับว่าการคาร์บอนที่อยู่ในชั้นบรรยากาศนี้เอง
ที่เป็นสาเหตุสำคัญของภาวะโลกร้อน
ด้วยตระหนักถึงปัญหานี้ องค์การบริหารการพัฒนา
พื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.)
จึงนำเสนอโปรแกรมท่องเที่ยวแนวใหม่ที่เรียกว่า Low Carbon Tourism
ที่นอกจากจะเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์
ที่จะช่วยเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ให้แก่นักท่องเที่ยวแล้ว
ยังรักษ์โลกไปพร้อมๆกัน โดยทาง อพท.
ได้ร่วมมือกับองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมนี (GIZ)
ในการปลุกปั้น 3 เกาะที่อยู่ตะวันออกสุดของประเทศไทย ซึ่งก็คือเกาะช้าง เกาะหมาก และเกาะกูด
ให้กลายเป็น Low Carbon Destination นำเทรนด์การท่องเที่ยวแบบเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมไปซะเลย

อันที่จริง แม้จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวมาเป็นสิบๆปีแล้ว
แต่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทั้ง 3 เกาะนี้เน้นการท่องเที่ยวแบบโลว์คาร์บอน
เพราะวิถีชีวิตของผู้คนบนเกาะทั้ง 3 เกาะนี้ก็เน้นการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาแต่แรกอยู่แล้ว
เมื่ออพท. เข้ามาโปรโมตเรื่องโลว์คาร์บอน ชาวบ้านก็เข้าใจ
และตอบรับได้ทันทีโดยไม่ต้องเปลี่ยนไลฟ์สไตล์มาก
ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นว่าโรงแรมส่วนใหญ่มักจะขอให้แขกเดิน
หรือใช้จักรยานแทนการใช้รถ เรายังเห็นแผงโซลาร์เซลล์อยู่ทั่วไป
นอกจากนี้ทั้งรีสอร์ต และในชุมชนเองก็มักจะมีบ่อหมักก๊าซชีวภาพเป็นของตัวเอง
และมีระบบการจัดการขยะที่มีประสิทธิภาพด้วย
เนื่องจากทางชาวท้องถิ่นเองก็ให้ความร่วมมืออย่างดี
ทางอพท. คาดว่า พื้นที่พิเศษหมู่เกาะช้างและพื้นที่เชื่อมโยงนี้จะกลายเป็นจุดหมาย
การท่องเที่ยวแบบโลว์คาร์บอนอย่างสมบูรณ์
ได้ในเร็วๆนี้
นอกจากไลฟ์สไตล์จะกรีนกันสุดๆแล้ว ในส่วนของกิจกรรมการท่องเที่ยวก็กรีนไม่แพ้กัน
โดยที่ เกาะกูด นั้นนำเสนอกิจกรรมปล่อยเต่ากระ และปล่อยพันธ์ุปลาเศรษฐกิจ ที่ป่าชายเลน
รวมถึงกิจกรรมปลูกป่าด้วยวิธี Seed Bomb หรือการยิงเมล็ดพันธุ์พืชไปตกในพื้นที่เป้าหมาย
ถัดมาที่ เกาะช้าง ที่บ้านสลักคอกก็ตอบรับนโยบาลการท่องเที่ยวแบบกรีนๆ
ด้วยการผุดไอเดีย “กอนโดล่าแห่งเกาะช้าง” ซึ่งก็อยู่ในรูปของ “เรือมาด”
ที่จะพานักท่องเที่ยวแล่นชมป่าชายเลนอย่างสบายใจ
ด้วยความที่ใช้ไม้ค้ำแบบกอนโดลาในอิตาลี พาหนะชนิดนี้จึงใช้แรงคนแทนการใช้น้ำมัน
ซึ่งแน่นอนว่าช่วยลดการปล่อยคาร์บอนสู่ชั้นบรรยากาศได้อย่างดี แถมยัง “สโลว์ไลฟ์” เข้ากับเทรนด์อีกต่างหาก
ส่วนเกาะหมาก นั้น กิจกรรมที่เป็นไฮไลต์คือกิจกรรมปั่นจักรยานชมเกาะ
และการพายเรือคายัคชมทัศนียภาพทางทะเล
นอกจากจะลดการปล่อยคาร์บอนแล้วยังได้ออกกำลังกายไปพร้อมๆกัน
หรือถ้ามีเวลาก็อาจแวะไปชมพิพิธภัณฑ์เกาะหมากที่รวบรวมของใช้ดั้งเดิมต่างๆมาให้ได้ชมกันด้วย
ดูแล้วอาจจะคิดว่าทำแค่ไหนจะช่วยโลกได้แค่ไหนกันเชียว
แต่จริงๆแล้ว การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ หลายครั้งก็มาจากการเริ่มต้นเล็กๆ แบบนี้นี่แหละ
เขียนโดย คุณชิดสุภางค์ ฉายวิโรจน์
www.mylifeinwander.wordpress.com
ภาพ: องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in