เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Between the linesNawat Rattana
“สวรรค์ชั้นประหยัด” อ่านเอารส ไม่ใช่อ่านเอาเรื่อง
  •  
    “หนังสือของวิทวัสเป็นเรื่องที่จะต้องอ่านเอารส ไม่ใช่อ่านเอาเรื่องให้มันจบๆไป” มนันยา, 13 มกราคม 2545

       ย่อหน้าหนึ่งจากบทคำนำ ที่ปรากฏอยู่บนหน้าแรกๆของหนังสือเล่มนี้

       คำพูดนี้ไม่เกินจริงเลย ตั้งแต่ได้รู้จักกับหนังสือเล่มนี้ครั้งแรกที่ห้องสมุดคณะสถาปัตฯ ลาดกระบัง(เมื่อ 7-8 ปีที่แล้ว) ผมละเลียดอ่านมันมาตลอด แม้จะอ่านจบไปแล้ว วางหนังสือกลับคืนชั้นในห้องสมุด ก็ไปตามหาซื้อกลับมาอ่านใหม่อีกรอบ อ่านจบไปรอบแล้วรอบเล่าก็ยังเสพตัวอักษรจากหนังสือเล่มนี้ได้อย่างไม่รู้อิ่ม นอกจากนั้นยังซื้อแจกจ่ายให้คนอื่นไปอีก 2 เล่ม




    **
       "สวรรค์ชั้นประหยัด" พาเราไปเดินทาง สำรวจ ชีวิต, อารมณ์, ความรู้สึก ที่ประเทศอินเดีย เนปาล ศรีลังกา และสาธารณรัฐเซเชล ขอเรียกเข้าใจเอาเองว่าเป็น หนังสือท่องเที่ยวเชิงวรรณกรรม ละกัน

       เขียนโดย คุณวิทวัส โปษยะจินดา ซึ่งเป็นนักเขียนที่ลึกลับมาก เคยเดินเข้าไปถามซุ้มของสำนักพิมพ์ Fullstop ในงานสัปดาห์หนังสือ ว่ามีหนังสือเล่มอื่นๆของคุณวิทวัสไหม

    “มีเล่มเดียวนี่แหละ ตอนนี้คนเขียนอาจจะเดินทางหายเข้าป่า ขึ้นเขาไปแล้วมั้ง”

       ผมไม่แปลกใจกับคำตอบเลย ถ้าคุณวิทวัสจะเป็นคนเช่นนั้นจริงและมีผลงานออกมาเพียงแค่เล่มเดียว! คุณก็จะไม่แปลกใจเช่นกันถ้าได้ลองอ่านภาษาที่เรียงร้อยอยู่ระหว่างบรรทัดของหนังสือเล่มนี้


    " เธอกลับมาชิมอาหารรสเดิม มือเปื้อนหมึกหนังสือพิมพ์ภาษาคุ้นเคย แต่เต็มไปด้วยเรื่องราวที่เธอไม่เข้าใจ นั่งในร้านกาแฟร้านเดิม บริกรคนเดิมทักทายราวกับว่าเธอไม่เคยจากไปไหนเลย ราวกับว่ากาลเวลาไม่เคยหมุนเวียนผ่าน แม้นเขาจะมีตีนกาเพิ่มขึ้นอีกหลายเส้นและหน้าผากของเธอกว้างขึ้นอีกสักสามเซนต์

      เธอดื่มเมรัยรสประณีตยี่ห้อเก่าแก่ที่เหมือนจะรุนแรงขึ้นอีกนิด ความรู้สึกดั้งเดิมเรียงหน้ากลับมาพร้อมเพรียง ความรู้สึกที่ว่านี่คือที่ซึ่งคนทั้งโลกห้าแสนล้านคนมาพบกัน หลงใหลรักกันชอบกันแทบเป็นแทบตาย ได้เสียกันแล้วพลัดพราก จากกันไปไกลแสนไกล นานแสนนานแล้วจึงกลับมาพบกันใหม่ เพื่อที่จะได้รู้สึกอย่างไรเล่าว่า เราไม่รู้จักกันอีกต่อไป ..."



      โอ้โห นี่แค่ท่อนเดียวที่หยิบมาโชว์อยู่บนหน้าคำนำ ซึ่งวรรคเดียวกันนี้ คุณโตมร สุขปรีชา ก็หยิบเอาไป ประกอบในหนังสือของเขาชื่อ หนีไปเสียจากบ้าน

       แค่ 6 บรรทัดยังขนาดนี้ บอกได้เลยว่าสวยแบบนี้ทั้งเล่ม เขียนได้แบบนี้ เขียนเล่มเดียวจบแล้วเดินหายเข้าไปในป่าหิมพานต์ ผมก็ไม่แปลกใจ


  • **
       นอกจากภาษาที่ละเมียดละไมแล้ว หนังสือเล่มนี้ไม่ได้เล่าแค่ว่าผู้เขียนไป “เห็น” อะไร แต่เล่าไปถึงว่าผู้เขียน “รู้สึกอย่างไร” และ “ผูกพันธ์” กับสถานที่เหล่านั้นอย่างไร เมื่ออ่านจะพบว่าเราเดินทางไปตามเส้นทางความรู้สึกมากมายนับไม่ถ้วนอย่างไม่รู้ตัว รู้สึกอีกทีเราก็ผูกพันธ์กับหนังสือเล่มนี้ จนไม่อยากให้การเดินทางครั้งนี้ไปถึงหน้ากระดาษสุดท้าย

       บางครั้งผู้เขียนก็สวมบทบาทของผู้คนต่างๆที่อาศัยอยู่ในที่แห่งนั้น ให้เราได้สัมผัสมุมมองบุคคลที่ 1 ลงลึกไปในความรู้สึก แม้หลายครั้งเราจะได้เห็นชื่อสถานที่ ผู้คน หรือศัพท์เฉพาะที่รู้กันระหว่างผู้เขียนและประสบการณ์เหล่านั้น แทนที่จะรู้สึกห่างไกล เรากลับรู้สึกสนิทใจ ราวกับใช้ชีวิตร่วมกันมาเป็นตัวเลขหลายหลักปี


    “ นั่งอยู่กลางซากหักพังของชีวิต บ้านไม้โบราณหลังใหญ่ ในป่ากล้วยมะพร้าวและพืชเมืองร้อนไม่รู้อะไรอีกล้านชนิดขี้เกียจจะจดจำ "อ๊องส์รัวยาล" หรืออ่าวหลวงชื่อเขาว่าอย่างนั้น นี่แหละเกาะแสนไกล ที่ไกลจนไม่มีใครเชื่อว่ามีจริง วันพายุลง อากาศเกิดหนาวสะท้าน เธอใส่ปุลโลแวร์แคชเมียร์ที่ถูกมอดเจาะตรงหัวใจ วิ่งปิดหน้าต่างหกสิบบานรอบบ้านแล้วนั่งเศร้า จะทำอย่างไร เมื่อบ้านทั้งหลังเปียกชื้นหมดอย่างนี้ เหม่อมองรอบตัวมีแต่ข้าวของเหลวไหลไร้สาระ แจกันหม้อไหลายครามกลายเป็นรังตะขาบ หนังสือราคาแพงหลายพันเล่มขึ้นราเปื่อยยุ่ย ช้อนส้อมมีดเงินแท้คริสโตฟล์ดำปี๋อยู่ในกล่องกำมะหยี่สีเขียวอื๋อ ภาพวาดอัจฉริยะงานศิลปะแสนยะโส ล้วนพากันมาร่วมผุพังฉิบหายกับเจ้าของของมันบนเกาะสวรรค์ ที่ซึ่งทุกวินาทีของท่านคือความใฝ่ฝันอันแสนงาม"


       ต่อให้ไม่รู้จัก ก็เข้าใจได้อย่างประหลาด


  • **
       รูปแบบที่น่าสนใจอีกอย่างของหนังสือเล่มนี้คือ ตลอดทั้งเล่ม แต่ละช่วงของหนังสือ จะถูกขั้นด้วยภาพบุคคล(Portrait) ขาว-ดำ ผู้คนมากมายที่ผู้เขียนไปพบเจอระหว่างการเดินทาง /สบตากับเลนส์ /ชัตเตอร์ลั่น /แล้วแววตาของพวกเขาก็ฉายอยู่บนหน้าหนังสือเพื่อบอกเล่าเรื่องราวชีวิตนับล้านเรื่องราว




    **
       พออ่านจบเล่ม รู้สึกราวกับว่าได้ไปใช้ชีวิตมาจริงๆ กลิ่นชีวิตคละคลุ้งเต็มจมูกไปหมด รสเหล้าที่กาฐมาณฑุยังคงหวานปลายลิ้น อัลเบิร์ต ชายชราเฝ้าประตูสวรรค์ที่อูณะวะฏนะ จะยังสบายดีไหม

       พูดไปก็กระดากลิ้น แต่หนังสือเล่มนี้มันมาพาเราไปจริงๆนะ ไปลิ้มรส อินเดีย เนปาล ศรีลังกา และเซเชล มาแบบพอเอาอร่อย ถ้าอยากเอาอิ่มก็คงต้องไปเหยียบด้วยตีนตัวเอง

       วันหนึ่งอยากไปสักครั้ง วันนั้นจะวางหนังสือเล่มนี้ไว้ที่บ้าน

       แล้วออกไปตามหาสวรรค์ชั้นประหยัดด้วยตัวเอง

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in