“หนังสือของวิทวัสเป็นเรื่องที่จะต้องอ่านเอารส ไม่ใช่อ่านเอาเรื่องให้มันจบๆไป” มนันยา, 13 มกราคม 2545
" เธอกลับมาชิมอาหารรสเดิม มือเปื้อนหมึกหนังสือพิมพ์ภาษาคุ้นเคย แต่เต็มไปด้วยเรื่องราวที่เธอไม่เข้าใจ นั่งในร้านกาแฟร้านเดิม บริกรคนเดิมทักทายราวกับว่าเธอไม่เคยจากไปไหนเลย ราวกับว่ากาลเวลาไม่เคยหมุนเวียนผ่าน แม้นเขาจะมีตีนกาเพิ่มขึ้นอีกหลายเส้นและหน้าผากของเธอกว้างขึ้นอีกสักสามเซนต์
เธอดื่มเมรัยรสประณีตยี่ห้อเก่าแก่ที่เหมือนจะรุนแรงขึ้นอีกนิด ความรู้สึกดั้งเดิมเรียงหน้ากลับมาพร้อมเพรียง ความรู้สึกที่ว่านี่คือที่ซึ่งคนทั้งโลกห้าแสนล้านคนมาพบกัน หลงใหลรักกันชอบกันแทบเป็นแทบตาย ได้เสียกันแล้วพลัดพราก จากกันไปไกลแสนไกล นานแสนนานแล้วจึงกลับมาพบกันใหม่ เพื่อที่จะได้รู้สึกอย่างไรเล่าว่า เราไม่รู้จักกันอีกต่อไป ..."
“ นั่งอยู่กลางซากหักพังของชีวิต บ้านไม้โบราณหลังใหญ่ ในป่ากล้วยมะพร้าวและพืชเมืองร้อนไม่รู้อะไรอีกล้านชนิดขี้เกียจจะจดจำ "อ๊องส์รัวยาล" หรืออ่าวหลวงชื่อเขาว่าอย่างนั้น นี่แหละเกาะแสนไกล ที่ไกลจนไม่มีใครเชื่อว่ามีจริง วันพายุลง อากาศเกิดหนาวสะท้าน เธอใส่ปุลโลแวร์แคชเมียร์ที่ถูกมอดเจาะตรงหัวใจ วิ่งปิดหน้าต่างหกสิบบานรอบบ้านแล้วนั่งเศร้า จะทำอย่างไร เมื่อบ้านทั้งหลังเปียกชื้นหมดอย่างนี้ เหม่อมองรอบตัวมีแต่ข้าวของเหลวไหลไร้สาระ แจกันหม้อไหลายครามกลายเป็นรังตะขาบ หนังสือราคาแพงหลายพันเล่มขึ้นราเปื่อยยุ่ย ช้อนส้อมมีดเงินแท้คริสโตฟล์ดำปี๋อยู่ในกล่องกำมะหยี่สีเขียวอื๋อ ภาพวาดอัจฉริยะงานศิลปะแสนยะโส ล้วนพากันมาร่วมผุพังฉิบหายกับเจ้าของของมันบนเกาะสวรรค์ ที่ซึ่งทุกวินาทีของท่านคือความใฝ่ฝันอันแสนงาม"
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in