สุขสมหวังอย่าง the pursuit of happyness หรือแนวเศร้าหดหู่อย่าง The boy in the striped pajamas หากคุณชอบแนวธรรมมะชนะอธรรมก็ตระกูล mavel , DC ที่เหล่า superhero จะต้องชนะทุกครั้งไป นี้ยังไม่พูดถึงจบแบบหักมุมจบแบบได้แง่คิดหรือจะจบแบบงงๆให้คนดูไปคิดต่ออีกนะ

      หนังแต่ละเรื่องก็มีตอนจบแตกต่างกันไปแล้วแต่คนเขียนบทหรือผู้กำกับจะพอใจ แล้วชีวิตจริงเราละมันจะจบแบบหนังเรื่องไหน เราไม่สามารถรู้ตอนจบของชีวิตประจำวันเราได้และนั่นแหละคือความหมายของการใช้ชีวิต

หากใครเคยดู about time คุณคงเข้าใจมากขึ้นลองนึกภาพตามในหนัง พระเอกลองใช้ชีวิตแบบเดิม2ครั้งแต่ครั้งที่สองลองใส่ใจสิ่งเล็กน้อยรอบตัวมากขึ้นเพียงแค่เงยหน้าไปแล้วเห็นพนง.กำลังยิ้มให้การใช้ชีวิตวันนั้นก็ดูเหมือนจะมีความหมายขึ้นมาแล้ว หนังเรื่องนี้สอนเราไว้เยอะมากและมันก็ใช้ได้กับทุกสถานการณ์ในชีวิตที่เราเจอ

เราอาจเคยพลาดอะไรดีๆไปทำให้เราใคร่ครวญอยากย้อนเวลากลับไปแก้ไขแต่ที่สุดแล้วชีวิตคนเราก็ต้องดำเนินต่อไปอยู่ดี