(Tattoo Parlor AU เพราะมันฮอตและเราใจง่าย)
ไคสะไม่อยู่ร้าน
บางทีเธออาจจะมาที่นี่บ่อยเกินไปแล้วจริงๆ เอฟเวอลินรู้ได้ทันทีที่ดันประตูเข้ามา จากอุณหภูมิร้านที่อุ่นกว่าปกติ จากดนตรีดังกระหึ่มที่ผิดแผกจากรสนิยมเจ้าของร้านไปไกลโข แน่ล่ะ, ที่ประตูหน้ามีป้าย “ปิดให้บริการ” ถูกหมุนให้เห็นชัดมาแต่ไกล แต่ทั่วไปแล้วไคสะก็จะคลุกอยู่ในร้าน นั่งออกแบบ ทำงานเอกสาร หยิบจับอะไรทั้งหลายของเธอไป ทุกอย่างที่ไม่ต้องเหยียบมอเตอร์เครื่อง เอฟเวอลินเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ไคสะออกปากให้เข้ามานั่งเล่นในช่วงเวลาแสนสงบเช่นนี้ได้ ไม่อย่างนั้นด้วยคิวงานของเจ้าตัวแล้ว, คงมีโอกาสได้คุยกันแค่ปีละไม่ถึงสิบครั้ง
แต่ไคสะไม่อยู่ ถึงอย่างนั้นประตูก็ไม่ได้ล็อค
นั่นแปลว่า..
เอฟเวอลินลดแว่นกันแดดออกจากใบหน้า ก้าวช้าๆ ผ่านห้องต้อนรับไปตามทางที่คุ้นเคย และอย่างที่คิด, ในห้องสักของร้าน มีเด็กสาวหัวแดงคนหนึ่งกำลังนั่งทำอะไรซักอย่างอยู่ที่โต๊ะ โยกหัวไปมาเบาๆ ตามจังหวะดนตรี ได้ยินเสียงงึมงัมเนื้อเพลงผสมไปกับเสียงขยับดินสอ ไม่แม้แต่จะเหลือบตาขึ้นมามองเธอด้วยซ้ำ, ท่าทางจะหลุดเข้าไปในโลกของตัวเองอย่างทุกที
เอฟเวอลินเอนตัวพิงกับกรอบประตู มุมปากยกยิ้มน้อยๆ ด้วยความเอ็นดู “เธอแรพเป็นด้วย?”
อาคาลิไม่ได้ตอบคำถาม แต่สะดุ้งเฮือก เงยหน้าขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แล้วก็ทำหน้าตาตื่นกว่าเก่าเมื่อเห็นว่าเป็นเธอ สมุด..สเก็ต? ในมือถูกปิดก่อนเธอจะทันเห็นว่าเจ้าของกำลังวาดอะไรอยู่ แล้วยัดเข้าไปใน– ถุงขนม? อะไรของเขาล่ะนั่น? “คุณเอฟเวอลิน! เรา– เอ่อ ฉัน– วันนี้ร้านปิด–”
“ป้ายบอกฉันแล้ว”
หล่อนทำปากพะงาบๆ อีกสองสามที “ไคส– คุณไคสะออกไปคุยกับซัพพลายเออร์..”
“อ้อ..” มิน่าเล่า “ส่วนเธอก็.. ไม่มีที่ไป?”
“ก็.. ประมาณนั้น” อาคาลิพึมพัม พยายามสบตาเธอเวลาพูดให้ได้นานเกินสามวินาที.. ล้มเหลว “คุณมีธุระอะไรรึเปล่า? ให้ฉันโทรเรียกไหม?”
“ไม่เป็นไร” เธอโบกมือปัดๆ แล้วก้าวเข้าไปในห้อง แทบเห็นเด็กนั่นลนลานเมื่อเธอหย่อนตัวนั่งบนเตียงสัก “ฉันไม่ได้ตั้งใจมาหาไคสะอยู่แล้ว”
อาคาลิหน้าแดงเร็วมาก
เช่นเดียวกับคนอื่นๆ เอฟเวอลินแปลกใจมื่อรู้ข่าวว่าไคสะรับเด็กเข้ามาเป็นฝึกงานที่ร้าน ไคสะไม่เคยรับเด็กมาก่อน, ชอบบอกว่าตัวเองยังไม่มีประสบการณ์มากขนาดจะไปสอนใครเขาได้ แต่อยู่ๆ วันหนึ่ง เธอก็เปิดประตูเข้ามาเจอเด็กนี่กำลังเถียงแว้ดๆ อยู่กับอาริ โดยมีไคสะนั่งหัวเราะชอบใจอยู่ด้วย
“อีฟ! มาพอดี รู้จักกันไว้สิ!” ไคสะว่า “ฉันไป– เอ่อ เก็บมาได้”
“เฮ้!”
“โอ้ยๆ มาขอข้าวกินก็อย่าดุเซ่ะ! ไปบอกคนอื่นนี่ใครเขาจะเชื่อ ว่าโร้กที่เขาพูดถึงกันจะเป็นเด็กหนีออกจากบ้านคนนึง–”
“เดี๋ยวๆ โร้กไหน บอกทีว่ายัยเปี๊ยกนี่ไม่ใช่โร้กสตรีทอาร์ตติสนั่น โร้กที่ไปพ่นกำแพงคนนั้นอ่ะนะ?”
“ยัยเปี๊ยกคนนี้แหละแม่คุณ!”
เป็นการพบกันครั้งแรกที่น่าประทับใจ โดยเฉพาะท่าทีฮึดฮัดเอาเรื่องที่อยู่ๆ ก็เหลวเป๋วไปหมดเมื่อเธอสบตาเข้า บางอย่างที่เอฟเวอลินจำได้แม่น เพราะไม่ได้เกิดขึ้นแค่ครั้งสองครั้งเสียด้วย
บางครั้งเธอก็สงสัย อาคาลิรู้ตัวไหมว่าตัวเองเก็บอาการไม่เป็นซักนิด
และปฏิกิริยานั่นก็เรียกเสียงหัวเราะจากเธอได้ในที่สุด “ฉันหมายถึงไม่ได้มีธุระอะไรเป็นพิเศษ..”
อาคาลิร้องอ้อ หัวเราะเสียงเบา สีหน้าเจื่อนลง
“แต่เธออยู่ก็ดี” เอฟเวอลินเสริมขึ้น ทอดตัวลงไปกึ่งนั่งกึ่งนอนบนเตียงอย่างคุ้นเคย ทำเป็นมองไปรอบห้อง “ฉันกำลัง.. วางแผน ว่าจะสักอะไรเพิ่มซักอย่าง แต่ยังไม่มีไอเดียเท่าไหร่”
จากหางตา เธอเห็นอาคาลิเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง ขยับยืดตัวขึ้นเล็กน้อย– ตั้งใจฟัง
จึงว่าต่อ “มีอะไรอยากเสนอไหมคะ, โร้ก?”
แทบเห็นตานั่นพราวระยับขึ้นมา
“คุณพูดถึง.. ลายที่จะสัก? หรือตำแหน่ง?”
“ทั้งคู่” เธอฮัมตอบ “แต่คุยเรื่องตำแหน่งก่อนก็ดี”
ผิดคาด รอบนี้ไม่มีเสียงตอบโต้กับคำหยอกล้ออย่างเคย ได้ยินเพียงเสียงฝีเท้า ตามมาด้วยเสียงล้อเก้าอี้ที่ถูกลากเข้ามาหา เมื่อเธอเอียงหัวกลับไปอีกครั้ง อาคาลิก็นั่งอยู่บนเก้าอี้กลมตัวเล็กๆ มีสมุดกับดินสออยู่ในมือ ใกล้จนเข่าหล่อนชิดกับเตียง เราไม่ได้สบตา เพราะตาสีน้ำเงินนั่นกำลังมอง.. ทุกอย่าง หัวจรดเท้า กวาดไปทุกตารางนิ้วของเรือนร่าง แต่มันไม่ใช่สายตาจาบจ้วงอย่างที่เธอคุ้นชินจากคนอื่น– อาคาลิมองราวกับร่างเธอเป็นผืนผ้าใบ
และถ้าเธอคิดว่าก่อนหน้านี้สายตาของอาคาลิมันเปิดเผยแล้วนะ..
“คุณ– อืม รอยสักไม่เกินฝ่ามือน่าจะเหมาะ.. ขาวดำก็ได้” ประโยคนั้นเหมือนเป็นการคิดออกมาดังๆ มากกว่าชวนสนทนา “เหนือคอไปไม่เวิร์ค ต้องถ่ายแบบด้วยนี่? แบบนั้นก็ในร่มผ้า–”
เอฟเวอลินกระตุกยิ้ม “เธอเคยเห็นรูปฉัน, ที่รัก จะนอกหรือในก็ไม่ต่างกันนักหรอก”
หล่อนชะงักไปหน่อย เห็นสีแดงจากหน้าที่ลามไปถึงหูอย่างน่ามอง, เจ้าตัวสูดหายใจลึกแล้วทำทีเป็นไม่ได้ยินอย่างเคยนั่นแหละ แต่สีหน้าไม่ได้ดูหวั่นไหวจนเสียอาการอย่างทุกที
“ชายโครง– ไม่ว่าง ฉันจำได้”
แน่ล่ะ “อือฮึ”
สายตาลากขึ้น “หัวไหล่?”
“มีแล้ว, ข้างขวา”
คนถามมุ่ยปาก มองลงไปอีกทาง “ต้นขา?”
เธอขยับนิ้วไปเคาะๆ หน้าขา “มีแล้วเหมือนกัน”
ได้ยินเสียงเอ๊ะเบาๆ อย่างขัดใจ สายตาคุณช่างสักเริ่มมองเหมือนอยากดึงเสื้อเธอทิ้งแล้ว ตลกดี “ด้านหลังล่ะ? ช่วงล่าง? ถึงจะมองไม่เห็น แต่มันก็–”
“โร้ก” เอฟเวอลินเรียก เสียงมีความขบขันชัด “ตรงนั้นเองก็–”
อาคาลิส่งเสียงคำรามอย่างงุ่นง่าน “ไม่เอาน่าาาา ล้อกันเล่นแหงๆ”
ท่าทีนั่นทำเธอหลุดหัวเราะออกมาจนได้ ความคิดบางอย่างแล่นเข้ามาในหัว เอฟเวอลินส่ายหน้าไปมาช้าๆ ก่อนจะขยับพลิกตัวคว่ำไปกับเบาะ ใบหน้าด้านข้างแนบลงกับเตียง ชมสีหน้าสับสนที่เลื่อนขั้นเป็นตื่นตระหนกอย่างรวดเร็วของอาคาลิเมื่อเธอเริ่มดึงเสื้อขึ้นมา รับรู้ถึงอากาศเย็นตกกระทบผิวที่เปลือยเปล่า กระโปรงมันเอวสูงก็จริง, แต่ไม่ได้สูงจนปิดลวดลายที่เลื้อยกระหวัดอยู่บริเวณนั้นไปเสียหมด
“ทำไมฉันต้องโกหกด้วยล่ะ?”
อาคาลิเงียบกริบ
แต่ดวงตาจดจ้องไปที่ตำแหน่งนั้นเหมือนถูกสะกด เธอเห็นการขยับที่ลำคอน้อยๆ คล้ายกลืนน้ำลาย
เอฟเวอลินปรายตาลงไปบ้าง ยิ้มจางๆ เมื่อย้อนคิดไปถึงวันที่เธอเอาแบบมาให้ไคสะดู “ตอนบอกว่าสักตรงนี้นะ ไคสะบ่นยังกับ–“
อาคาลิยังคงไม่พูดอะไรตอนที่นิ้วแตะลงบนรอยสัก, ที่ปลายหางอสรพิษ ทำลมหายใจเอฟเวอลินสะดุด
โอ้
รู้ตัวอีกที หล่อนก็ขยับโน้มตัวขึ้นมา, แขนเอื้อมไปยันฝั่งหนึ่งของเตียงเอาไว้ทรงตัว, เรียกว่าใช้ลำตัวช่วงบนคร่อมเธอเอาไว้ก็ไม่ผิด เอฟเวอลินอ้าปากค้าง คำพูดชะงักอยู่ที่ปลายลิ้น ตวัดสายตาขึ้นมองสีหน้าเจ้าตัว แต่เธอไม่เห็นอะไรนอกจากความสนใจบริสุทธิ์ คงแค่เพื่อจะหามุมที่จะมองได้ถนัดขึ้นล่ะมั้ง, ถ้าจะให้หาข้ออ้าง ระยะแสนใกล้จนแทบรู้สึกถึงไออุ่นจากร่างกาย และความประหลาดใจทำให้สมองเธอว่างเปล่าไปชั่วขณะ เธอคิดว่าอาคาลิอาจจะหน้าแดง, จะโวยวาย, ถอยกรูด หรือย่างเบาหน่อยก็แค่เห็นสายตาหลุกหลิกน่าขันนั่น รวมถึงความเป็นไปได้ในทางร้ายอีกสองสามอย่าง
แต่นี่? ไม่, ไม่ติดอยู่ในลิสต์เลย
“ลายใหญ่เหมือนกันนี่.. แต่รายละเอียดดีชะมัด”
เธอเลียริมฝีปาก, ได้ยินเสียงตัวเองปนลมหายใจมากกว่าปกติ “...ขอบคุณ?”
อาคาลิไม่ทันสังเกต “ไคสะสักให้?”
“อา.. ใช่ ฉันวาด หล่อนสัก” เธอว่าต่อ “ชอบบ่นว่าลายสวยๆ ทำไมมาสักตรงนี้ ใครจะไปเห็น”
“พอจะเข้าใจได้...” ประโยคนั้นไม่ดังไปกว่ากระซิบ ยากที่จะบอกว่าจงใจพูดกับเธอหรือไม่ เอฟเวอลินรู้สึกได้ถึงอุณหภูมิ ถึงปลายนิ้วสากๆ ที่เกลี่ยบนเส้นขอบอย่างเบามือ วนไปตามเเอ่งเอว แล้วไล้ขึ้นไปตามแนวสันหลัง สัมผัสชัดเจนที่แผ่วเบาเสียยิ่งกว่ารอยจูบ ตามด้วยประโยคที่เบายิ่งกว่า “..ก็สวยขนาดนี้”
ลมหายใจพาลติดขัดขึ้นมา ให้ตายเถอะ
มันทำเธอต้องตั้งสติ ลอบสูดหายใจลึกแล้วค่อยๆ ผ่อนออก รู้สึกได้ว่าลมหายใจตัวเองร้อนผะผ่าว– ใครจะไม่ล่ะ? เธอสมควรได้เหรียญรางวัลจากการที่ไม่สั่นหรือตัวอ่อนยวบไปกับสถานการณ์นี้แล้ว ก็ไม่ใช่อะไรที่ใหม่นักหรอก ไอ้การ.. แตะต้องในพื้นที่ใต้ร่มผ้าแบบนี้น่ะ แต่มันให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันเหลือเกิน โร้กไม่ได้พูดหรือทำให้เธอพอใจเพื่อจะได้เลื่อนต่อไปใต้กางเกง เธอแค่.. ชื่นชมมัน, อย่างจริงใจ, เท่าที่จะทำได้
มันให้ความรู้สึกดีอย่างที่เธอไม่ได้รู้สึกมานาน
และต่อให้ใจส่วนหนึ่งจะเริ่มกระหายหาอะไรที่มากขึ้น เริ่มนึกอยากกระชากมือเด็กนี่ลงมาทาบบนตัวให้เต็มไม้เต็มมือกว่านี้แค่ไหน– เอฟเวอลินก็ห้ามตัวเองไว้ได้ ยัง, ยังก่อน
“ถ้าอย่างนั้นคุณก็ไม่น่าสักข้างหลังแล้ว” อาคาลิเอ่ยหลังเงียบไปพักใหญ่ ขยับตัวกลับไปนั่งบนเก้าอี้ ละสายตาจากรอยสักได้ในที่สุด, แต่นิ้วมือข้างหนึ่งยังอ้อยอิ่งอยู่กับผิวเธอในบริเวณนั้น ลากไปตามสีข้าง– “คุณคิดยังไงกับ– เป็นอะไรอ่ะ หน้าแดงขึ้นปะ?“
เอฟเวอลินหรี่ตา จ้องเข้าไปในตาสีน้ำเงินที่สบกลับมา ถ้าไม่รู้จักมาก่อนคงคิดว่าเด็กนี่ตีหน้าซื่อได้ร้ายกาจ
“ฉันสบายดี–” เสียงเธอพร่าจนน่าตกใจ แม้แต่อาคาลิยังเลิกคิ้ว แต่เธอชิงพูดก่อนที่เด็กนั่นจะอ้าปากถาม “–ว่าต่อสิ”
คนตอบเอียงคอเล็กน้อย คล้ายกำลังใช้ความคิด ”ฉันกำลังคิดถึง– ด้านหน้า? ใกล้ๆ กับช่วงนี้.. หน้าท้อง..” เงียบไปครู่หนึ่ง “..หรืออะไรแถวๆ นั้น”
เธอเลิกคิ้ว ลากเสียงทวนคำในแบบที่เรียกร้องคำอธิบาย “อะไรแถวๆ นั้น?”
“–เอว ถ้าจะให้เจาะจง”
“ฟังดูแน่ใจนี่” เอฟเวอลินสังเกต “มีภาพอะไรในใจแล้วเหรอ?”
“แอปเปิล ไม่ก็ช่อดอกไม้ หรือทั้งคู่” คำตอบนั้นฟังดูมั่นใจอย่างประหลาด อาคาลิเสตากลับไปมองแผ่นหลัง “ไม่รู้สิ.. ตอนแรกฉันก็นึกไม่ออกเท่าไหร่ แต่พอเห็นลายสักคุณแล้วมันก็– ได้ไอเดียต่อยอดมั้ง? ฉันนึกถึง.. สวนเอเดน”
เธอเงียบ และฟัง ในหัวเริ่มปรากฎภาพตามคำของช่างสัก
“สวนสวรรค์.. ดอกไม้ แอปเปิล งูพิษ” อาคาลิพึมพัม สัมผัสบนหลังเลื่อนกลับไปที่ลวดลายตรงกลาง ลากไปมาเหมือนร่างภาพด้วยปลายนิ้ว แม่นยำ ชัดเจนจนเธอเริ่มประกอบเส้นต่างๆ ในหัวได้ “เป็นฉันจะเสริมจากของเดิมที่มีอยู่แล้ว ลากจากด้านบนเป็นช่อดอกไม้ ,หรือกิ่ง หรือ– เออ อะไรซักอย่าง” เธอไล้นิ้วเป็นทางยาว ตัดผ่านรอยสักนั้นลงมาอย่างเชื่องช้าและไม่เป็นเส้นตรงนัก ทิ้งสัมผัสที่ส่งกระแสไฟฟ้าลงไปใต้ผิว และเอฟเวอลินต้องจิกเล็บลงกับเบาะเตียง– ไม่ใช่ครั้งแรกที่เคยทำ แต่ครั้งนี้ไม่ใช่ด้วยความเจ็บ ” ให้งูเลื้อยอยู่บนนั้น แล้วมาหยุดตรงด้านหน้า.. ทอนรายละเอียดลง ถึงตรงนั้นค่อยใส่แอปเปิลลงไป..”
แล้วหล่อนก็ถอนหายใจยาว หลุดกระซิบ “..คุณจะต้องสวยมากแน่ๆ.. ”
“...”
“...”
เธอหัวเราะเสียงต่ำในคอ เหยียดยิ้ม “แหม..”
ถูกจับได้คาหนังคาเขา แต่อาคาลิก็ยังชักมือกลับอย่างกับเพิ่งจับเหล็กร้อน สีหน้าเหมือนสยองขวัญ แต่สีแดงจัดบนผิวนั่นฟ้องทุกอย่าง “..ไม่ใช่แบบ- ฉัน- ฉันหมายถึงรอยสักจะต้องสวยมากแน่–”
“แน่ล่ะที่รัก” เอฟเวอลินฮัม ไม่คิดจะซ่อนรอยยิ้มบนใบหน้าแล้วด้วยซ้ำ ถ้าก่อนหน้านี้เธอรู้สึกประหม่าขึ้นมาบ้าง อาคาลิก็เป่ามันหายไปเรียบร้อย “แต่คอนเซปของเธอก็.. น่าสนใจอยู่ ว่าอะไรไหมถ้าฉันถามเพิ่ม?”
อาคาลิยกมือเหมือนขอเวลานอก แล้วหมุนเก้าอี้หันหลังให้เธอ จากการขยับเหมือนจะเป็นการสูดหายใจเข้าออกลึกๆ เมื่อหันกลับมาอีกทีก็ดูนิ่งลง– แต่ยังหน้าแดงอยู่เลย โถ “ว่ามาเลย”
เธอยกศีรษะขึ้นเท้าคาง ว่าเสียงนุ่ม แต่ปลายเสียงไม่ได้ขึ้นเป็นคำถาม “แฟนตาซีของเธอเลยรึเปล่าคะ, ได้สักให้ฉันเนี่ย”
อาคาลิสำลัก ไม่ยอมตอบ
โอ้ นี่จะต้องสนุกมากแน่ๆ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in