เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
SUNSHINE DAY : มิโฮะเรื่อยเปื่อยRay
[#มิโฮะแปลไทย] Idol x Basketball Vol.3
  • วาตานาเบะ มิโฮะ x IdolxBasketball



    -คอลัมน์สำหรับการปรากฎตัวของเหล่าผู้มีประสบการณ์เกี่ยวกับการเล่นบาสเกตบอล หรือเหล่าคนดังที่ชื่นชอบบาสเกตบอล 

    -แขกรับเชิญในฉบับนี้ คือไอดอลจากวงฮินาตะซากะ46 วาตานาเบะ มิโฮะ

    ถึงแม้จะทุ่มเทให้กับบาสเก็ตบอลมาตลอด 10 ปี ก่อนที่จะมาเป็นไอดอล  แต่สำหรับวาตานาเบะซังนั้น มันเป็นเพราะนิสัยที่ Say No ไม่ได้ มากกว่าจะเป็นเพราะทุ่มเทและเลือกเส้นทางบาสเกตบอลด้วยตัวเอง

    -แต่อย่างไรก็ตาม หากได้อ่านบทสัมภาษณ์นี้แล้ว ก็จะได้รับรู้ถึงความรักในบาสเกตบอลของวาตานาเบะซังอย่างแน่นอน


  • เล่นบาสเก็ตบอลมาอย่างยาวนาน 

    แต่แท้จริงแล้วก็สนใจเรื่องไอดอลมาตลอด




    วาตานาเบะซังเดบิวต์ในฐานะรุ่น 2 ของฮิรากานะเคยากิซากะ46 ในปี 2017 (ปัจจุบัน เป็นฮินาตะซากะ46) ณ ตอนนั้นอยู่ ม.6 แล้ว ซึ่งตั้งแต่ประถม มัธยมต้น รวมถึงมัธยมปลาย ก็เล่นบาสเกตบอลมาตลอด แต่จริง ๆ ก็สนใจในเรื่องของไอดอลอยู่เหมือนกัน?


    มิโฮะ : ค่ะ ชอบไอดอลมาตั้งแต่อยู่ประถม แล้วมาเริ่มรู้สึกว่าไม่ได้แค่อยากเชียร์อย่างเดียว แต่อยากลองไปยืนอยู่ตรงนั้นบ้างก็ตอนม.ต้น แล้วก็รู้สึกแบบนั้นมาตลอดเลยค่ะ

    แต่เพราะว่าเล่นบาสเกตบอล แถมพอขึ้นม.ต้นก็ได้ลงแข่งเป็นตัวจริง ก็เลยไม่อาจพูดคำว่า “อยากเป็นไอดอลค่ะ” ออกไปได้ ยังไม่นับว่านอกจากจะมีกิจกรรมชมรมแล้วก็ยังต้องตั้งใจเรียนด้วย ก็ใช้เรื่องนั้นในการเป็นข้ออ้างให้ตัวเองแล้วก็เลี่ยงการออดิชั่นมาเรื่อย ๆ

    ทีนี้ พอม.ปลาย ได้เป็นกัปตัน ก็อ้างที่จะไม่เป็นไอดอลว่า “ถ้าฉันบอกว่าจะไปเป็นไอดอล เด็กคนอื่นก็คงโกรธเอาแน่ ๆ” แล้วก็เล่นบาสต่อ จนกระทั่งช่วงหน้าร้อนของ ม.6 ที่ต้องหยุดทำกิจกรรมชมรมแล้วไปคิดถึงเรื่องอนาคตว่าจะทำอะไรต่อ ก็เลยคิดได้ว่าครั้งนี้มันเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว ถ้าไม่ไปออดิชั่นตอนนี้ละก็ต้องเสียใจแน่ แล้วก็ตัดสินใจเริ่มไปออดิชั่นค่ะ


    ตอนประถมชอบไอดอลวงไหน

    มิโฮะ : AKB48 ซัง ค่ะ งานเลือกตั้งทีก็ไฮป์มาก ตามดูตลอด ชอบ Hello Project ด้วย ซื้อซีดีครั้งแรกในชีวิตก็เป็นอัลบั้มของ Morning Musume แล้วโนกิซากะก็เดบิวต์ตอนที่ฉันอยู่ประถมพอดี ก็เลยตามมาตั้งแต่เดบิวต์ จนถึงเคยากิซากะก็ตามตั้งแต่เดบิวต์เหมือนกัน


    เห็นในรายการทีวีอยู่บ้างว่าวาตานาเบะซังทำ Dribble shoot เก่งมาก เข้าใจเลยว่าทุ่มเทกับบาสเกตบอลแค่ไหน แล้วมีเวลาไปตามข่าวสารไอดอลบ้างไหม

    มิโฮะ : ยิ่งทุ่มเทกับบาสเกตบอลเท่าไหร่ ก็ยิ่งอยากมีเวลาฮีลตัวเองค่ะ สำหรับฉันแล้ว การดูเอ็มวีหรือพวกไลฟ์ ไม่ก็รายการไอดอล ก็เป็นวิธีการพักผ่อนอีกวิธีหนึ่งที่แตกต่างจากตอนเล่นบาสค่ะ

    เห็นว่าเล่นบาสมาตั้งแต่ประถม มัธยมต้น มัธยมปลาย ไม่น่าจะได้เรียนเต้น งั้นเจอความลำบากของการจำท่าเต้นหรือจำบล็อกกิ้งบ้างไหม

    มิโฮะ : ฉันเป็นคนหัวไวค่ะ เลยไม่ค่อยลำบากเท่าไหร่ ตอนเรียนท่าก็จินตนาการในหัวแล้วก็ทำไปตามนั้น รู้สึกว่าเป็นจุดที่เหมือนกับตอนเล่นบาสเลย อย่างกับบาส เรื่องสเต็ปก็เป็นเรื่องสำคัญเหมือนกัน เพราะงั้นเลยรู้สึกว่าการใช้ร่างกายไม่ว่าจะกับบาสหรือการเต้นก็มีจุดที่คล้ายกันอยู่

    คนอื่นในฮินาตะซากะมองวาตานาเบะซังว่าเป็นคนยังไง


    มิโฮะ : ก็มีคนพูดบ่อย ๆ ว่า “แข็งแรงจัง” ฉันเองก็คิดว่าตัวเองก็เป็นคนแข็งแรงเหมือนกัน เพราะว่าเล่นกีฬามาตั้งหลายปี เคยเล่นกรีฑาแบบทีมมาด้วย เมมเบอร์ก็จะชอบบอกว่า “ชอบมองไปรอบ ๆ” ซึ่งน่าจะติดมาจากประสบการณ์ในอดีต

     รุ่นหนึ่งจะชอบบอกว่า “ไม่รู้สึกว่าเป็นรุ่นน้องเลย” หรือ “รุ่นเดียวกันก็ไม่ใช่เป็นรุ่นน้องก็ไม่ใช่ เป็นอะไรที่แปลก” ก็เคย ส่วนรุ่น 2 ด้วยกันจะชอบบอกว่า “เป็นคนจริงจังตั้งใจ แต่ก็มีมุมรั่ว ๆ อยู่เหมือนกัน” บ้าง ไม่ก็ “นิสัยขี้เล่น” แต่ส่วนตัวคิดว่าตัวเองไม่ได้จริงจังตั้งใจอะไรเลยค่ะ แล้วก็ไม่ได้ขี้เล่นด้วยเหมือนกัน


    เมมเบอร์ฮินาตะซากะรวมถึงวาตานาเบะซังก็ได้ออกรายการทีวีและนิตยสาร คิดว่าการรับมือเป็นอะไรที่ยากมาก วาตานาเบะซังคิดว่ายังไง


    มิโฮะ : ตอนนี้รู้สึกว่า สนุกค่ะ เมื่อก่อนตอนที่ต้องกระโดดเข้าไปในโลกที่ไม่รู้จัก หรือตอนที่ต้องทำอะไรที่ไม่เคยทำก็ทั้งกลัวทั้งกังวล แต่พอได้อยู่ในวงการนี้ ยิ่งรู้สึกว่าอยากจะลองทำอะไรให้มากกว่านี้ หรืออยากเรียนรู้ให้มากกว่านี้ ก็เลยคิดว่าการได้ทำอะไรหลายอย่างมันเป็นเรื่องที่สนุก

    อย่างก่อนหน้านี้ก็แต่งหน้าแบบธรรมดาๆ ไม่แคร์อะไรมาตลอด พอมาเป็นไอดอลก็ได้รู้ว่าการแต่งหน้ามันทำแบบนั้นแบบนี้ด้วย แล้วก็ได้ใส่ชุดสวย ๆ น่ารัก ๆ ด้วย ได้รับรู้ว่ามีอาหารที่อร่อยขนาดนี้อยู่ด้วย ทุกอย่างมันเป็นเรื่องน่าทึ่งมากค่ะ สนุกดีค่ะ


    ถึงตอนนี้จะไม่มีงานจับมือแล้วเพราะโคโรน่า แต่ตอนยังมีงานจับมือ มีแฟนๆเข้ามาพูดคุยเรื่องบาสเกตบอลบ้างไหม


    มิโฮะ : เพียบเลยค่ะ ฉันเองก็เล่นบาสจริงจังมาตั้งหลายปี สำหรับแฟนคลับที่เล่นบาสเหมือนกันก็เลยน่าจะรู้สึกรีเลท รู้สึกว่าคล้าย ๆ กัน แล้วก็ยังมีคนบอกว่าได้ดูฉันแข่งตอนม.ปลายด้วย บอกว่า เป็นแฟนคลับมาตั้งแต่ก่อนจะเป็นไอดอล ก็มีค่ะ


    บาสเกตบอลหญิงทีมญี่ปุ่นได้เหรียญเงินในโอลิมปิค 2020 ด้วย ได้ดูไหม


    มิโฮะ : ได้ดูค่ะ คุณมาจิดะ รุยที่เป็นพอยท์การ์ดสุดยอดมาก พอจบโอลิมปิคแล้วได้มีโอกาสเจอในรายการ ฉันไม่กล้าเข้าไปคุยด้วยเลยค่ะ ตัวจริงของคุณมาจิดะก็ไม่ได้ตัวสูงเลยนะคะ (162 cm) แต่ยังสู้กับผู้เล่นอเมริกาหรือฝรั่งเศสได้ สุดยอดจริงๆ



  • ตอนที่รู้สึกว่าบาสเกตบอลสนุก คือหลังจากขึ้นม.ปลาย


    อะไรคือสาเหตุที่ทำให้เริ่มเล่นบาสเกตบอล


    มิโฮะ : พี่สาวที่อายุมากกว่า 3 ปี เข้าร่วมทีมมินิบาส แล้วแม่ก็พาฉันไปดูค่ะ ปกติก็จะหลบมุมเล่นอะไรเรื่อยเปื่อยตามประสาเด็กอยู่คนเดียว ทีนี้ตอนที่ฉันอยู่ ป.3 ทีมจะไปแข่งรายการรุ่นต่ำกว่าป.4 แต่คนไม่พอ เลยอยากให้ฉันไปเข้าทีม กลายเป็นว่าได้ลงแข่งก่อนที่จะได้เข้าเป็นสมาชิกเต็มตัวซะอีก นั่นก็เลยเป็นเหตุผลให้ได้เล่นบาสค่ะ แล้วหลังจากนั้นที่บ้านก็เหมือนบังคับกลาย ๆ ให้เล่นต่อ บอกว่า “ลูกน่ะ ต่อไปก็ไปซ้อมกับเขาด้วยนะ” รู้ตัวอีกทีก็เข้าทีมมินิบาสไปแล้ว


    ไม่ได้ไปเพราะตัวเองแต่เข้าเพราะตามน้ำนี่เอง แต่ถึงอย่างนั้นก็คงเล่นต่อเพราะรู้สึกว่าบาสสนุก แล้วอะไรคือความสนุกที่ว่า?


    มิโฮะ : ทุกอย่างมันใหม่ไปหมดเลยค่ะ ทีมที่ฉันอยู่ พวกที่ซ้อมก็จะเป็น ป.4-ป.6 ซ้อม ส่วนพวกเด็ก ป.1- ป.3 จะมีแต่ฝึกเบสิคพวกส่งลูก เลี้ยงลูก หมุนตัว แยกไปอยู่อีกมุมนึง สำหรับฉันมันสนุกเพราะรู้สึกเหมือนไปเล่น แถมโค้ชก็ใจดี การซ้อมก็เลยรู้สึกเหมือนได้เล่นมากกว่าค่ะ


    แล้วพอจบประถม ตอนม.ต้นก็เข้าชมรมบาสด้วยความตั้งใจของตัวเอง?


    มิโฮะ : คิดว่าเพราะหนีไม่ได้มากกว่าค่ะ คนในทีมมินิบาสไปเรียนม.ต้นที่เดียวกันเยอะ รุ่นพี่ก็มี ถึงฉันจะยืนกรานว่า “เลือกชมรมกลับบ้าน!” แต่ก็รู้ว่าไง ๆ คงโดนลากไปเข้าชมรมบาสอยู่ดี รับรู้ได้ถึงรังสีความกดดันว่า “คงเข้าชมรมบาสเนอะ” ด้วย ก็เลยเข้ารมชมบาสค่ะ 


    ตอนม.ต้น มีสิ่งที่ถนัดเป็นพิเศษไหม


    มิโฮะ : จริง ๆ แล้วมันเป็นการไปลุยเอาดาบหน้าค่ะ ตอนอยู่ทีมมินิบาสได้เป็นตัวนำในตำแหน่งพอยท์การ์ด แต่พอเข้าม.ต้น มีเด็กจากโรงเรียนอื่นเข้ามา แล้วเป็นการ์ดที่เก่งมากเลยโดนแย่งตำแหน่งไป ทำให้ได้ไปเป็นฟอร์เวิร์ดอยู่ช่วงนึง ทีนี้เพราะเป็นครั้งแรกเลยทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้เลยว่าควรจะทำอะไรดี โค้ชก็พูดประมาณว่า “ถ้าคิดอะไรไม่ออกก็วิ่งไปก่อน” ก็เลยวิ่งไปวิ่งมาวิ่งอยู่อย่างนั้นเลยค่ะ แต่เพราะแบบนั้น ตอนนั้นก็เรียกได้ว่าพลังกายไร้ขีดจำกัดเลยทีเดียว แล้วหลังจากนั้นก็มีฝึกพวกดีเฟนส์


    เบสิคบาสเกตบอลเนอะ


    มิโฮะ : จริงค่ะ เบสิคเลย ก็เพราะอยากให้เห็นว่าไอ้เรามันก็มีความตั้งใจอยู่นะ (หัวเราะ) แต่เพราะเป็นตำแหน่งที่ไม่เคยเล่น ยุคม.ต้นก็เลยเป็นช่วงที่ยากลำบากสุด ๆ



    ตอนม.ต้นมีอะไรที่จำได้จนถึงตอนนี้ไหม


    มิโฮะ : เพราะเป็นทีมที่ไม่ค่อยเก่ง ก็เลยมีแต่ความทรงจำขมขื่นเต็มไปหมดเลยค่ะจะว่าไป ไปแข่งก็ได้แต่ลิ้มรสความพ่ายแพ้ แล้วก็เจ็บใจ ถ้าว่ากันตามตรงคือเป็นช่วงที่ จากส่วนลึกของจิตใจนั้น ไม่สามารถรู้สึกว่าบาสมันสนุกได้เลย  จนกระทั่งขึ้นม.ปลาย


    ก็หมายความว่า พอขึ้นม.ปลายถึงได้รู้สึกว่าบาสสนุก


    มิโฮะ : จริง ๆ ตอนนั้นอยากเข้าชมรมเคองค่ะ (ชมรมดนตรี) ชอบวงดนตรีด้วย ก็เลยตั้งใจไว้แล้วว่าจะเข้าเข้าชมรมดนตรีแล้วก็เล่นเบส ไปดูชมรมมาแล้ว คุยกับเพื่อนไว้แล้วด้วยชวนกันไปร้านขายเครื่องดนตรีเสร็จสรรพ

    แต่ทีนี้เอง ก็ดันไปจ๊ะเอ๋รุ่นพี่คนนึงเข้า ซึ่งรุ่นพี่คนนี้เล่นมินิบาสมาด้วยกัน ม.ต้นก็อยู่ด้วยกัน แล้วก็ดันมาอยู่ม.ปลายด้วยกันอีก ตอนไปทัศนศึกษารุ่นพี่คนนั้นก็บอกว่า “เด็กคนนี้น่ะรุ่นน้องเราเอง ยังไงก็เข้าชมรมบาสอยู่ละ” เราก็แบบ “อ่า หนีไม่ได้แล้วล่ะ ลาก่อนชมรมเคอง....” เลยต้องจำยอมเข้าชมรมบาสค่ะ (หัวเราะ) เพราะเป็นรุ่นพี่ที่คบหากันมานานด้วยก็เลยปฏิเสธไม่ลง ฉันเป็นมนุษย์ไทป์ Say No ไม่เป็นมาตลอดด้วย แต่ว่า พวกรุ่นพี่ก็มีบรรยากาศที่ดี ตอนซ้อมก็โอเค ก็เลยเข้าชมรมบาสไปค่ะ


    เป็นอย่างนี้นี่เอง เรื่องกัปตันก็จะถามหลังจากนี้เหมือนกัน แต่ก่อนหน้านี้เคยคิดว่าเขาจับวาตานาเบะซังเข้าชมรมบาสเพราะมีโพเทนเชียลเป็นกัปตันได้ แล้วก็มีความตั้งใจเต็มเปี่ยม 


    มิโฮะ : เปล่าค่ะ จริง ๆ แล้วมันก็มีเรื่องราวมากกว่านั้นอยู่


    ตอนม.ปลายได้กลับไปเล่นพอยท์การ์ดไหม


    มิโฮะ : ใช่ค่ะ ได้เป็นพอยท์การ์ดจนกระทั่งหยุดทำกิจกรรมชมรมตอนหน้าร้อน ม.6


    เข้ามอปลายมาก็ได้เป็นพอยท์การ์ดเลย สุดยอด ถ้าให้วิเคราะห์ตัวเองคิดว่าเป็นพอยท์การ์ดแบบไหน


    มิโฮะ : ถ้าตัวเองไปเดี่ยวๆก็จะลุยเข้าไปชู้ทเองอยู่ค่ะ แต่รอบตัวมีพวกเด็กเก่ง ๆ ที่จะจู่โจมด้วยความกระหายชัยชนะอยู่เยอะ ฉันก็เลยจะเป็นไทป์ที่พาบอลไปส่งให้คนที่ชู้ตเก่ง ๆ มากกว่า เมื่อก่อนพอวงมันแคบลงก็จะเผลอลุยเข้าไป แต่หลัง ๆ มาก็พยายามเปิดวิชั่นกว้าง ๆ อย่างที่พอยท์การ์ดควรจะเป็น  


    เมื่อกี้นี้ที่คุยเรื่องเมมเบอร์ฮินาตะ (ว่ามิโฮะชอบมองรอบ ๆ) ก็มาจากการที่ได้เห็นมุมดี ๆ ของเพื่อนร่วมทีม เลยเปลี่ยนตัวเองแล้วฮึบขึ้นมาได้ (กลายเป็นคนเปิดวิชั่นกว้าง ๆ) ทำให้ตอนนี้ชินกับการสังเกตเมมเบอร์ไปด้วย


    มิโฮะ : ก็อาจจะมีสาเหตุมาจากตอนนั้นก็ได้ค่ะ


    เพราะอะไรถึงได้มารู้สึกเอาตอนม.ปลายว่าบาสสนุก


    มิโฮะ : ตอนเข้าทีมมินิบาสกับตอนม.ต้น แพ้ตอนแข่งครั้งแรกตลอดเลยค่ะ ถึงจะเป็นซ้อมแข่งก็ยับเยินจนรู้สึกว่า “ไม่สนุกเลย” แต่ตอนม.ปลายในที่สุดก็ชนะ มาจากว่า ม.5 เปลี่ยนโค้ช พวกเมนูการซ้อมหรือสไตล์การเล่นก็เปลี่ยนหมด เหมือนไปเริ่มมาตั้งแต่ 1 ใหม่ แต่พอมันทำให้ชนะก็เลยรู้สึกสนุกขึ้นมา ก็ด้วยความที่เมื่อก่อนไม่ใช่ทีมที่เก่ง แต่พอชนะแล้วได้รู้สึกว่าทีมเราเก่ง ทีมเราแข็งแกร่ง ก็เลยรู้สึกว่าสนุกมากเลยค่ะ


    คิดว่ากีฬาอย่างบาสเกตบอลมีเสน่ห์ตรงไหน


    มิโฮะ : เสน่ห์ของบาสก็คือ การที่ไม่ได้ต่อสู่คนเดียว แต่เป็นการต่อสู้ด้วยทีม 5 คนที่แต่ละคนก็แตกต่างกันไปค่ะ ตอนที่บังให้กันก็รู้สึกสนุกที่ได้รู้สึกถึงสายสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนร่วมทีม แล้วก็ได้เทคนิคกับพลังกายติดตัวมาจากการซ้อม การเลี้ยงลูกก็ฝึกเป็นอันดับแรกของการซ้อมในทุก ๆ ครั้งก็เลยเก่งขึ้น การชู้ทก็เหมือนกัน ยิ่งชู้ทก็ยิ่งแม่น สนุกค่ะ



  • ผ่าตัดหมอนรองกระดูกเข่า


    เลือกยังไงถึงได้เป็นกัปตัน


    มืโฮะ : ก็ไม่ได้เป็นเพราะว่าทุกคนพูดว่า “มิโฮะเป็นกัปตันดีแล้ว” มันไม่เชิงว่าอย่างนั้นค่ะ คือทีมเราเป็นทีมที่แต่ละคนก็นิสัยต่างกันประมาณนึง ทีมเมทก็เลยปะทะกันบ่อย โค้ชก็พูดว่า “กัปตันต้องเป็นคนที่มีความสามารถ แล้วก็ต้องมองเห็นสิ่งรอบตัวได้ดี”  ในทีมมันมีคนที่เก่งกว่าฉันอยู่เหมือนกัน แต่พอตัดชอยส์ไปมา มันดันเหลือแค่ฉันคนเดียว ฉันเองคิดว่ายังไงตัวเองก็จะไม่เป็นกัปตัน ตอนที่โดนบอกให้เป็นกัปตันเลยตอบกลับไปว่า “ไม่เป็นค่ะ ฉันเป็นไม่ได้หรอกค่ะ” แต่เพราะโค้ชก็ยื่นข้อเสนอว่า “งั้นจะให้มีรองกัปตันอีกสองคน ให้เป็นสามคนช่วยกันนะ” ก็เลยเริ่มเป็นกัปตันตั้งแต่ตอนนั้น

    ด้วยความที่ Say No ไม่ลงของฉัน ก็เลยยอมรับตำแหน่งกัปตันมา แต่แรก ๆ ก็เกรงใจทุกคนจนไม่กล้าดุไม่กล้าอะไร เคยร้องไห้ระหว่างซ้อมเพราะโดนคนที่เป็นรองกัปตันบอกประมาณว่า “ถ้าเธอเป็นแบบนี้ก็เลิกเป็นกัปตันไปซะเถอะ” แต่ก็ทำให้คิดได้ว่า “ต้องพยายามแล้วล่ะ อะไรที่มันต้องพูดก็ต้องพูด” ทั้งตอนแข่งทั้งตอนซ้อมก็ตะโกนปลุกใจ เริ่มเตือนอะไรที่ควรเตือน แล้วกัปตันเป็นคนที่จะต้องไม่ขับเคลื่อนด้วยความรู้สึกของตัวเองเพียงอย่างเดียว ฉันก็จะคอยสังเกตอาการหรือท่าทีของแต่ละคนว่าเป็นยังไง แล้วค่อยปรับวิธีเข้าหาตามนั้น อย่างตอนแข่ง วันนี้เด็กคนนั้นฟอร์มดีเพราะงั้นจะส่งลูกให้เยอะ ๆ  

    สำหรับกัปตันนั้น มันต้องคอยคิดอะไรหลาย ๆ อย่างทั้งเรื่องในคอร์ทแล้วก็เรื่องนอกคอร์ท เป็นคนที่ต้องทำอะไรอยู่ตลอดเวลา ลำบากทีเดียวค่ะ


    บาสเป็นกีฬาที่ต้องมีการเจ็บตัว วาตานาเบะซังเคยมีประสบการณ์เจ็บตัวจากเล่นบาสไหม


    มิโฮะ : ม.5 ช่วงฤดูใบไม้ผลิ ต้องผ่าตัดหมอนรองกระดูกเข่าค่ะ ตอนนั้นก็คิดว่า “หายไม่ทันแข่งสุดท้ายของม.6 แน่ คงต้องหยุดทั้งที่เจ็บอย่างนี้” ไหนจะกังวลเรื่องที่จะต้องหยุดทำกิจกรรมชมรมแล้วไปทุ่มเทเรื่องเรียนต่ออีก แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีความเป็นไปได้ว่าจะหายอยู่ ก็เลยเข้ารับการผ่าตัดค่ะ แต่ช่วง 3 เดือนแรกคือแม้แต่ออกกำลังกายก็ทำไม่ได้ ทั้งที่เป็นกัปตันแท้ ๆ แต่ไม่สามารถเข้าร่วมซ้อมได้


    หายทันรอบคัดเลือกอินเตอร์ไฮครั้งสุดท้ายของม.6 ไหม


    มิโฮะ : ตอนแข่งรอบคัดเลือกระดับอำเภอยังไม่หายสนิทดีเลยค่ะ บอกโค้ชแล้วว่าเจ็บจนวิ่งไม่ได้ แต่พอโค้ชตอบกลับมาว่า “ถ้าเธอไม่ลงมันจะเป็นยังไงล่ะ” ก็เลยได้แต่บอกโค้ชไปว่าจะอดทน


    แต่ถึงอย่างนั้นสุดท้ายก็ชนะได้ด้วยลูกชู้ทพลิกเกมของวาตานาเบะซัง ได้ไปต่อระดับจังหวัด


    มิโฮะ : ตอนนั้นทั้งพันเทปแล้วก็ใส่สปอร์ตเตอร์ แต่ก็ยังเจ็บมาก ๆ ก็เล่นทั้งน้ำตาเลยค่ะ แข่งรอบจังหวัดเล่นเต็มที่ไม่ได้เพราะเจ็บ ได้แต่มองทีมตัวเองแพ้คู่แข่งเก่ง ๆ อยู่บนที่นั่ง เป็นอะไรที่เจ็บใจมาก เป็นช่วงที่เจ็บปวดที่สุดในชีวิต ณ ตอนนั้น


    พอมองย้อนกลับไป อะไรที่ทำให้รู้สึกว่าดีจังที่เล่นบาส


    มิโฮะ : เพราะเล่นบาสก็เลยได้พลังกายกับพลังใจติดตัวมาค่ะ ถ้ามีคนถามว่าสิ่งที่เจ็บปวดที่สุดในชีวิตคืออะไร ก็จะมีแต่เรื่องสมัยเล่นบาสลอยขึ้นมา แต่การที่ได้วิ่งสุดชีวิตขนาดนั้น ได้ซ้อมทั้งน้ำตาแบบนั้น พวกเรื่องเจ็บใจพวกนั้น ก็คือตอนที่เล่นบาสทั้งหมด เทียบกับงานที่ทำอยู่ตอนนี้ซึ่งความเจ็บปวดกับความกังวลมันคนละแบบกันก็จริง แต่ที่กายและใจมันถูกลับคมจนสามารถรับมือกับเรื่องในตอนนี้ได้ ก็เป็นเพราะการเล่นบาสสมัยเรียน อีกอย่าง บาสเกตบอลเป็นกีฬาที่ต้องมีการติดต่อสื่อสารกับคนอื่น ก็เลยได้ความสามารถในการติดต่อสื่อสารนั้นติดมาด้วย และเหนือสิ่งอื่นใดก็คือ บาสเป็นสิ่งที่ตัวเองสามารถพูดได้ว่าชอบค่ะ การที่เรามีอะไรที่สามารถพูดออกมาจากใจได้ว่านี่คือสิ่งที่เราพยายามทุ่มเทกับมันจริง ๆ เป็นทรัพย์สมบัติอันล้ำค่าสำหรับฉันเลยค่ะ


    มีเพลงฮินาตะแนะนำสำหรับนักเรียนที่อยู่ชมรมบาสไหม


    มิโฮะ : เพลงที่ชื่อ Seishun no uma ค่ะ เป็นเพลง c/w แต่ว่าก็เคยได้รับคำพูดจากนักเรียนที่กำลังสอบเข้าว่า “เพราะฟังเพลงนี้ถึงได้สามารถผ่านมันไปได้” อยู่เหมือนกัน เป็นเพลงให้กำลังใจคน มีท่าเต้นหลายท่าที่สื่อประมาณว่า พยายามเข้านะ ถ้าฟังในวันที่เหนื่อยๆจากการซ้อมหรือก่อนเข้าสอบ ก็อาจจะทำให้ได้รับพลังสู้ต่อ ท่อนที่ 2 ของเพลงที่ร้องว่า 楽しちゃ意味ない、汗かくしかない (ถ้าไม่สนุกก็ไร้ความหมาย มีแต่ต้องเสียเหงื่อทุ่มเทไปเท่านั้น) ก็ตามนั้นเลยค่ะ ยิ่งมีความทรงจำหรือทำสิ่งที่ลำบากมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งได้รับสิ่งที่ดีกลับมาแน่นอน 


    ตอนที่ฉบับนี้วางแผง น่าจะเป็นช่วงเริ่ม Winter Cup พอดี วาตานาเบะซังรอวินเทอร์คัพด้วยอิมเมจแบบไหน


    มิโฮะ : ตอนนี้ก็คงจะมีทั้งม.6 ที่ยังเหลืออยู่หรือลาออกไปแล้วใช่ไหมคะ ในทีมของฉันก็มีทั้งคนที่ยังอยู่และคนที่ไปเหมือน ฉันเองตอนนั้นก็เริ่มเข้าร่วมออดิชั่นแล้ว แต่สำหรับม.6 ที่เหลืออยู่ ครั้งนี้ก็เป็นการแข่งสุดท้าย สำหรับม.4 ม.5 เองก็เป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้สู้ด้วยกันกับรุ่นพี่ ก็อยากให้สู้ให้ถึงที่สุดแบบที่จะไม่รู้สึกเสียดายทีหลัง ฉันออกจากชมรมมา 4 ปีแล้ว แต่ก็ยังจำเรื่องตอนนั้นได้ชัดเจนแจ่มแจ้ง ยังไงก็เป็นกำลังใจให้นะคะ ขอให้พยายามให้เต็มที่แบบที่สามารถพูดได้ว่า “เราทำเต็มที่จนถึงที่สุดแล้ว”




  • Source : Idol x Basketball Vol.3
    Translator : RAY


    #มิโฮะเก่งอะ 
    TOT

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in