เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
อิฉัน ไดอารี่fainattasanan
เด็กน้อยกับอมยิ้ม
  • สาวน้อยวัย 7 ขวบ นัยย์ตาดุจแสงคริสตัลประกายแวววาว ผมยาวราวกับสาหร่ายสีเขียวแก่ ผิวขาวเนียนเหมือนไข่มุก ยืนจับชายกระโปรงลูกไม้สีชมพูฟลามิงโก้หน้าร้านลูกกวาดหลากสี
    เธอแนบแก้มซาลาเปาป่องๆของเธอกับกระจกใสเพื่อส่องอมยิ้มสายรุ้งรูปหัวใจที่ปักบนโฟมโชว์อยู่ในตู้กระจกลูกกวาด เจ้าของร้านผู้สุขุมและใจดี สูง 165 ซม.ผิวขาวเหลือง ผมดำตั้งลองทรง ตาเล็ก รูปปากกระจับ หน้าทรงไท ส่งยิ้มมุมปากให้เธอ

    จากนั้นเขาก็เอื้อมมือดึงประตูกระจกที่ห้อยกระดิ่งคริสมาสต์สีทองอร่ามสั่นกริ๊ง พร้อมกล่าวว่า " สาวน้อยเธออยากได้ลูกกวาดสีอะไรฉันจะให้"

    " หนูไม่มีเงินค่ะคุณลุง " เสียงเล็กๆขานตอบด้วยใบหน้าใสซื่อ

    " ไม่เป็นไร ฉันจะเลี้ยงเธอเอง เข้ามาสิ " คุณลุงพอลที่ใครๆก็รู้จักเขาในฐานะนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ต่อสู้สิทธิมนุษยชนที่มีภาพลักษณ์เป็นผู้ชายแสนสุภาพ ใจเย็น และใจกว้างกับทุกคน เขามีอาชีพเสริมคือขายลูกกวาดและอมยิ้มในย่านเพนซิลเวเนีย เขาต้อนรับเด็กน้อยอย่างอบอุ่น

    เขาเดินไปที่หลังเคาต์เตอร์ไม้ลายโอ๊คสีไข่เพื่อคว้าถุงพลาสติกใสพร้อมกระชอนซิลิโคนสีขาวขุ่นตักลูกกวาด

    " สาวน้อยสุดน่ารัก ฉันไม่เคยเห็นรอยยิ้มใครเหมือนพระอาทิตย์แบบเธอมาก่อนเลย ฉันชอบรอยยิ้มของเธอที่สุด เธอเหมือนตุ๊กตาบลายที่ฉันใฝ่หาในห้างนิวยอร์คตั้งแต่ฉันอายุ 21 ฉันชอบกระโปรงสีชมพูหวานแววของเธอจัง เธอชื่ออะไรล่ะ? " ลุงพอลถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลด้วยความเอ็นดู

    " แม...แมรี่ค่ะ หนูก็ชอบคุณลุงนะคะ คุณใจดี อบอุ่นเหมือนพ่อของหนูเลย แต่หนูขอโทษที่ไม่มีเงินสำหรับอมยิ้มนั่น ถ้าเป็นไปได้ หนูขอมันได้ไหม? " เจ้าหล่อนยิ้มซีแหงแก๋ด้วยความเกรงใจ จนเผลอลูบกระโปรงขึ้นลงโดยไม่รู้ตัว

    " ฉันให้อมยิ้มเธอไม่ได้หรอกมันมีเจ้าของแล้ว " ลุงพอลผู้ใจเย็นตอบ

    "แต่หนูอยากได้อมยิ้มนี่คะ" เด็กน้อยเริ่มขมวดคิ้วเป็นปมดั่งผูกโบว์

    " ไม่ได้ ฉันเก็บไว้ให้คนอื่นแล้ว " ลุงพอลเสียงแข็ง
    จากนั้น แก้มขาวผุดผ่องดุจไข่มุกก็เริ่มกลายเป็นสีแดงระเรื่อ มีน้ำใสๆล้นเอ่อออกมาจากดวงตาโตๆอาบแก้มระรัวไม่หยุด

    เธอเสียงสั่นเครือ ขอร้องว่า " ได้โปรด หนูต้องการอมยิ้มสีรุ้ง มันจะทำให้หนูมีความสุขและหัวเราะร่าเริงเหมือนแต่ก่อน "

    " เมื่อเคยได้แล้ว เธอจะขอฉันอีก ถ้าฉันอยากให้อะไร ฉันก็จะให้ เธอเป็นผู้รับไม่มีสิทธิเรื่องมาก " ลุงพอลเสียงแข็งหนักกว่าเดิม

    "เด็กผู้หญิงคนก่อนขออมยิ้ม ทำไมลุงยังให้เขาได้เลย ทำไมหนูถึงไม่ได้ล่ะ? "

    ใบหน้าที่แสนอบอุ่นของชายร่างกำยำคนนั้น ได้เอนใบหน้ามาที่ข้างหูพร้อมกรีดกรายนิ้วทั้งห้าไปที่ข้างหูของเด็กน้อยเพื่อทัดผมของเจ้าหล่อนแล้วกระซิบเบาๆว่า 

    " แม้ฉันจะชอบเธอที่เธอร่าเริง สดใสราวกับแสงสุริยาทอส่องมาที่หน้าต่างห้องนอนของฉัน แม้ฉันจะอนุญาติให้เธอเข้ามาที่ร้านของฉันได้ฟรีๆ ใช่ว่าฉันจะรักเธอและทำตามที่เธอขอทุกอย่างนะสาวน้อย ที่นี่เป็นพื้นที่ส่วนตัวของฉัน เธอไม่มีสิทธิ์มาหยาบคายและล้ำเส้น ถ้าหากว่า เธองอแงแบบนี้กับผู้ใหญ่คนอื่น เขาคงไล่ตะเพิดไปนานแล้ว " เสียงทุ้มกระซาบซ่านหูของสาวน้อยจนตัวแข็งทื้ออย่างกับปลาทูน่าในช่องฟรีซ

    " ทำไมหนูไม่มีสิทธิได้อมยิ้มนั่น ในเมื่อราคาก็เท่ากับลูกกวาด 1 เม็ด " สาวน้อยถามด้วยความเกร็ง

    " ฉันเก็บอมยิ้มไว้ให้เด็กผู้หญิงที่หุบปากและเชื่องเท่านั้น เก็บคำถามล้านแปดของเธอใส่กระเป๋ากระโปรงแล้วไสหัวออกไปจากที่นี่ซะ" ลุงพอลฉีกยิ้มมุมปาก

    ทันใดนั้นคุณป้าธัญญ่าของแมรี่ก็เหลือบเห็นหลานสาวกำลังยืนตัวแข็งจ้องมองสายตาชายฉกรรจ์ที่ใครก็คิดว่าเขาเป็นคนสุภาพและปฏิบัติเท่าเทียมกับทุกคน

    " เอ่อ...ขอโทษด้วยที่หลานสาวของฉันมารบกวนร้านคุณ " สาววัยกลางคนร่างท้วม สวมแว่นสายตาสั้น 220 กรอบสี่เหลี่ยม ผมหยักโศกยาวประบ่า สวมสเวทเตอร์ชุดหนังแกะสีน้ำตาลแก่ที่เย็บรอยด้ายอย่างประณีตด้วยแฮนด์เมดจากดีไซเนอร์ดังย่านมิชิแกน

    " โอ้ว มาดาม! หลานของคุณเป็นเด็กดีมาก ผมอยากให้จะแบ่งอมยิ้มให้เธอสักอัน เพราะ เห็นเธอร้องไห้ก็เท่านั้น "

    " วิเศษไปเลย คุณช่างใจดีสมกับคำร่ำลือจริงๆ ขอบคุณเขาสิจ๊ะหลานรัก" คุณป้าธัญญ่าแสร้งทำเป็นยินดีทั้งๆที่เห็นว่าแมรี่หน้าแดงก่ำพร้อมทั้งคราบน้ำตาที่อาบแก้มอยู่

    จากนั้นลุงพอลผู้แสนจะใจดี ก็เลื่อนกระจกใสตู้โชว์คว้าด้ามน้ำตาลก้อนสีสันสดใสรูปหัวใจที่ปักอยู่บนโฟมแล้วยื่นอมยิ้มสายรุ้งที่สาวน้อยปรารถนาให้พร้อมทั้งกระซิบข้างหูอีกเช่นเคยว่า

    " ฉันต้องรับผิดชอบเธอด้วยการให้อมยิ้มโง่ๆนี่ เพื่อทำให้ป้าของเธอเชื่อสนิทใจว่า ฉันเป็นนักเคลื่อนไหวทางการเมืองผู้แสนดี ยอมแบ่งของซื้อของขายให้เด็กเอาแต่ใจ และไม่โตเป็นผู้ใหญ่สักทีแบบเธอ นี่แหละหน้าที่สร้างภาพของฉันที่ไม่ได้ใจดีและใจกว้างเกินไป  จนตามใจเด็กนรกแบบเธอ สัญญากับฉันสิ ว่าจะอุ๊บเรื่องที่เราคุยกัน แม่สาวน้อย จงเชื่องเข้าไว้ ไม่เช่นนั้น ฉันจะไม่ให้อมยิ้มเธออีกแน่ " น้ำเสียงเขาแอบแฝงด้วยเจตนาร้ายแต่ดันกลัวเสียภาพพจน์ที่อุตส่าห์สร้างไว้ในย่านนี้มาถึง 3 ปี 

    เพียงเพราะ คุณป้าธัญญ่า ดันเป็นนักเขียนวรรณกรรมชื่อดัง ที่ชอบเขียนถึงแฟนเก่านับไม่ถ้วน และผู้คนที่ทำร้ายเธอให้เสื่อมเสียเครดิตกันไปข้าง เธอมักจะเขียนวรรณกรรมทุกโชกโชนพร้อมแฉผ่านตัวอักษรบนโลกหนังสือของเธอ เพื่อป่าวประกาศให้โลกรู้

    นี่แหละนะ "หน้าที่" ที่ใส่วัตถุดิบความรักจอมปลอม หล่อหลอมด้วยกลูโคสแสนหวานอันขมขื่น แล้วเทสีทั้ง 7 ลงในแม่พิมพ์หัวใจ ของนักเคลื่อนไหวทางการเมืองผู้แสนดี อาเมนค่ะอิควาย...

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in