คิดมานานพอสมควรว่า 도움의 손길 ควรแปลเป็นไทยสวย ๆ ว่าอะไรดี
มันหมายถึงมือที่ยื่นเข้ามาช่วย แต่คำว่า 손길 นี่ควรแปลว่าอะไรดีนะ... จนถึงตอนนี้ก็ยังคิดไม่ออก
เรื่องสั้นเรื่องนี้เขียนโดย Jang Ryujin (장류진) เดิมเคยลงในนิตยสาร AXT
แต่ถูกนำมารวมเล่มไว้ในหนังสือเรื่อง 일의 기쁨과 슬픔 อีกที
ในเรื่องมีตัวละครหลักสองคน คือหญิงเจ้าของบ้านกับป้าแม่บ้านที่จ้างมาทำความสะอาดสองสัปดาห์ครั้ง
คือตัวเจ้าของบ้านเนี่ยเป็นคนที่ซีเรียสเรื่องความสะอาดมาก เปลี่ยนคนทำสะอาดมาหลายคน
จนมาเจอป้าคนที่ 4 ที่ทำงานเนี้ยบถูกใจ ติดอยู่นิดนึงตรงที่ป้าชอบทำเป็นสอนกับชอบถามเรื่องส่วนตัว
แต่ด้วยความที่ป้าทำงานเนี้ยบจริง เจ้าของบ้านก็เลยต้องจำยอมมองข้ามเรื่องนี้ไป
หลัง ๆ หญิงเจ้าของบ้านก็หาวิธีเอาตัวรอดได้ คือออกไปนั่งทำงานที่ร้านกาแฟ
แล้วค่อยกลับบ้านตอนป้าทำความสะอาดเสร็จ
ทว่า ผ่านไปไม่ทันไร ก็มีปัญหาใหม่เกิดขึ้นอีก ป้าเริ่มมาสาย บางทีก็เปิดเพลงสรรเสริญพระเจ้าซะดังลั่น
แย่ไปกว่านั้นคืองานทำความสะอาดเริ่มไม่เนี้ยบเหมือนเดิม จนสามีเจ้าของบ้านเริ่มบ่น
แต่เจ้าของบ้านก็ยังเชื่อมั่นอยู่ว่าป้าไม่ใช่คนทำอะไรลวก ๆ แต่อาจจะเริ่มสับสน
เจ้าของบ้านเลยลดความซับซ้อนของงานให้ แต่แทนที่ป้าจะขอบคุณ
ป้ากลับตอบมาว่า "ก็บอกให้ทำแบบนี้ตั้งแต่แรก..." ทั้งที่จริง ๆ แล้วป้าไม่เคยบอก
ตรงนี้แหละเป็นจุดที่ทำให้เจ้าของบ้าน (และคนอ่านอย่างเรา) ปรี๊ดมาก
เจ้าของบ้านเลยกะว่าจะให้โอกาสป้าอีกแค่ครั้งเดียวเท่านั้น
ซึ่งป้าก็ไม่ทำให้ผิดหวัง 5555 เพราะนอกจากจะมาสาย กลับเร็วแล้ว งานก็ไม่เรียบร้อยเลย
แต่ในตอนที่เจ้าของบ้านกำลังจะบอกป้าว่าไม่ต้องมาทำงานแล้วนะ
ป้าก็พูดขึ้นมาว่า อาทิตย์นี้จะมาทำเป็นอาทิตย์สุดท้ายแล้ว
พอดีว่าไปรับงานบ้านอีกหลังนึงไว้ แล้วเขาจ้างป้าให้ไปทำทุกอาทิตย์เลย
ก่อนจากป้ายังทิ้งท้ายอีกว่า
“อันที่จริงก็กะจะไม่พูดแล้วนะ แต่ปกติถ้าเริ่มงานเวลานี้
บ้านอื่นอย่างน้อยเขาก็มีของกินเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้กินตอนเที่ยง แต่คุณคงจะไม่รู้ล่ะสิ”
คำว่า แต่คุณคงจะไม่รู้ล่ะสิ เป็นคำติดปากป้าที่พูดมาตั้งแต่วันแรกเวลาสอนเจ้าของบ้านทำความสะอาด
ซึ่งพอจะจินตนาการออกเลยว่า เจ้าของบ้านปรี๊ดมากขนาดไหน
สิ่งที่รู้สึกเลยเมื่ออ่านเรื่องนี้คือ โกรธ!!!
โกรธตั้งแต่ป้ามาถามเรื่องส่วนตัว ชอบทำเป็นสอนเหมือนรู้ดี
โกรธที่ป้าเปิดเพลงสรรเสริญพระเจ้าแล้วแหกปากเสียงดังเหมือนเป็นบ้านตัวเอง
จนถึงเรื่องมาทำงานช้า ทำงานไม่ดี ซึ่งก็ไม่รู้ว่าตั้งใจรึเปล่า
แถมในโมเมนต์สุดท้ายซึ่งเป็นโอกาสที่เราจะได้เป็นฝ่ายบอกป้าว่า กูไม่จ้างแล้ว! เพราะป้าทำงานห่วย!
เผื่อป้าจะกลับบ้านไปพิจารณาตัวเอง ป้าก็ยังมาชิงตัดหน้าแย่งโมเมนต์นั้นไปเป็นของตัวเอง
บอกว่าตัวเองได้งานใหม่ที่ดีกว่า ฉันต่างหากที่ไม่ต้องง้อเธอแล้ว
คือจากมุมมองคนอื่น เรารู้สึกว่าเจ้าของบ้านพยายามจะช่วยป้าหลายครั้ง
เช่น ตอนที่สามีนางไม่โอเคกับป้า นางก็พยายามปกป้อง
หรือวันไหนที่ขอให้ป้าทำความสะอาดยาก ๆ ก็เพิ่มเงินให้
แต่ในมุมมองของป้า ป้าก็อาจจะคิดก็ได้ว่าฉันต่างหากที่เป็นฝ่ายยอมทนให้เธอกดขี่
และฉันกำลังช่วยให้เจ้าของบ้านเป็นเจ้านายที่ดีขึ้นอยู่ 5555555 (เหรอวะ)
พอย้อนอ่านแล้ว ชื่อเรื่อง 도움의 손길 มันก็น่าคิดดี
ว่าสุดท้ายแล้ว คนที่เป็นฝ่ายยื่นมือให้ความช่วยเหลือคือใครกันแน่
ทั้งสองคนอาจจะอยากได้ชื่อว่าเป็นคนใจดีที่คอยช่วยเหลือคนอื่น
แต่พอมาเจอคนประเภทเดียวกัน ก็เลยทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in