เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
กบฏไร้เดียงสาccttiana
ตอนพิเศษ Christmas Holidays
  • *✩‧₊ Christmas Holidays Special ₊‧✩*

    ✧.* ตอนพิเศษเทศกาลคริสต์มาส *.✧


    บรรยากาศภายในตลาดค้าทาสโมเบียสรายล้อมเต็มไปด้วยเกล็ดหิมะสีขาวสะอาดตา อากาศหนาวเย็นติดลบประมาณ 2 องศา แม้กระทั่งลานที่เคยเป็นทะเลทราย บัดนี้ได้กลายเป็นทุ่งเหมันต์ไปเสียแล้ว คนงานที่นี่ยังคงขะมักเขม้นทำงานตามหน้าที่ของตนได้เป็นอย่างดีไม่มีขาดตกบกพร่อง

    แต่สำหรับคุณลุงคุณป้า เหล่าคนงานหญิงหรือเหล่าชายฉกรรจ์ทั้งหลาย จำเป็นต้องบวกงานเพิ่มเข้าไปคนละหนึ่งอย่าง นั่นก็คือการตักโกยหิมะออกจากเส้นทางเดินของตลาดแห่งนี้ แม้ว่าจะมีเครื่องมือที่สามารถอำนวยความสะดวกให้ทำงานได้อย่างรวดเร็ว แต่ประเพณีอย่างหนึ่งของคนเขตนี้คือการออกมาช่วยกันทำงานในฤดูหนาว

    นอกจากต้องช่วยกันทำงานแล้วยังช่วยสร้างความสัมพันธ์อันดีงามต่อกันระหว่างผู้เฒ่าผู้แก่กับเด็กรุ่นใหม่ ๆ ให้ได้ใช้เวลาร่วมกันมากขึ้นกว่าเดิมทั้งคนที่ใช่ญาติหรือไม่ใช่ญาติก็ตาม

    เกรเทลสวมเสื้อหนาที่ทำจากขนสัตว์อย่างแกะ ห่อหุ้มร่างเล็กเอาไว้แน่นกันลมหนาวพัดเข้ามายังด้านใน ไหนจะผ้าพันคอผืนหนาสีเขียวขี้ม้าผืนยาวที่ถูกพันรอบคอ กางเกงรัดรูปสีดำเข้ากันได้ดีกับรองเท้าบูตหุ้มข้อสูงถึงน่องขา เป็นไปได้เธอก็อยากพันให้ตนเองเป็นมัมมี่ไปเลย

    “เกรเทลเจ้าจะหนาวอะไรขนาดนั้น” 

    อารอล์ฟถามรูมเมตตัวเล็กที่ขณะนี้แปลงร่างกลายเป็นดักแด้ขนาดใหญ่ก็ไม่ปาง เขาไม่คิดว่าอากาศจะหนาวขนาดนั้น แต่พอมาคิดดูดี ๆ เกรเทลมีรูปร่างที่ค่อนข้างผอมบางพอเจออากาศที่มีอุณหภูมิติดลบเข้าไปก็ต้องมีสะท้านกันบ้าง

    “ก็ข้าหนาวนิอารอล์ฟ เจ้าไม่หนาวแบบข้าบ้างเหรอ?” 

    เสียงพูดงึมงำลอดลอยออกมาจากผืนผ้าพันคอสีเขียวเด่นนั้น ชายหนุ่มหันไปมองหน้าพร้อมส่ายหัวให้ขณะที่มือแกร่งกำลังจับด้ามจอบตักโกยหิมะออกไปจากทางเดิน

    “ข้าชินแล้วต่างหาก” 

    เกรเทลทำหน้ายับยู่สูดน้ำมูกที่เริ่มไหลออกมาจากจมูกเล็กเพราะอาการแพ้อากาศ เธอชอบฤดูหนาวและหิมะมากที่สุดในโลก แต่ไม่ชอบที่ร่างกายตนเองไม่ค่อยทนต่อสภาพอากาศมากกว่า พออากาศเปลี่ยนนิดเปลี่ยนหน่อยอาการก็เริ่มมา

    “ว่าแต่วันนี้เจ้าหยุดงานเหรอ ปกติเห็นต้องไปช่วยงานที่โรงครัวแล้วเวลานี้” 

    อารอล์ฟก้มมองนาฬิกาข้อมือตนเอง ที่ขณะนี้เวลาปาเข้าไปเกือบ 8 โมงครึ่งแล้วแต่เกรเทลยังยืนสั่นกอดอกรัดแขนอยู่กับที่มาสักพักใหญ่

    “โรงครัวคนเต็มแล้ว พวกป้าเลยให้ข้าออกมาพักแล้วไปบ้านนายเลยทีเดียว” 

    เนื่องจากนายใหญ่วอลล็อคได้ให้แบ่งคนไปช่วยในโรงครัวเยอะขึ้น นอกเหนือจากคนที่นี่จะมีประเพณีออกมาช่วยกันทำงานแล้ว ยังมีเทศกาลต้อนรับฤดูเหมันต์อย่าง ‘ไวท์ฟอร์ซ’ ที่จะมีงานเลี้ยงทานอาหารร่วมกัน พร้อมกิจกรรมอย่างนั่งล้อมรอบกองไฟนั่งพูดคุยเรื่องราวตนเองในฤดูที่ผ่านมา

    เพราะฉะนั้นอาหารจึงเพิ่มปริมาณแต่ต้องทำด้วยความรวดเร็ว เชฟบาสเตียนให้เธอไปดูแลนายหัวตลาดค้าทาสแทนเพราะเห็นว่าเธอเป็นคนใกล้ชิดนายสุด แทบจะรองลงมาจากเฟียซและอารอล์ฟที่กลายเป็นนักดูแลบัญชี

    “อ่อก็ดีเจ้าจะได้มีเวลาพักบ้าง จะว่าไปข้าไม่เคยเห็นผ้าพันคอผืนนั้นเลยแต่ดูเหมาะกับเจ้าดี” 

    เกรเทลชะงักเล็กน้อยพลันหน้าขึ้นสีเมื่อถูกอีกฝ่ายเอ่ยทัก มือบางจับกระชับผ้าพันคอหนาขยับขึ้นเพื่อบดบังปิดครึ่งหน้า

    “มีคนบ้าให้มาน่ะ เขาบอกว่าสงสารที่ข้าขี้หนาว” 

    อารอล์ฟขมวดคิ้วเอียงคอเงยหน้าจากงานของตนเองแล้วหรี่ตาจ้องมายังคนในเสื้อกันหนาวหนา

    “คนบ้า? มีหลงเข้ามาในตลาดด้วยเหรอ” 

    ถึงเขาจะรู้สึกแปลกใจไปบ้างแต่การที่มีคนหลงเข้ามาในนี้ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกเท่าไรเพราะบางครั้งยังมีคนเข้าใจผิดเลยว่าที่นี่เป็นเหมือนตลาดทั่วไปไม่ใช่ตลาดค้าทาส

    “เออ…ใช่อารอล์ฟมีคนบ้าหลงมา แต่ข้าว่าข้าสายแล้วรีบไปก่อนนะอารอล์ฟ” 

    เกรเทลกะพริบตาปริบ ๆ รู้สึกในหัวส่งเสียงสัญญาณเตือนภัยดังว่าเธอควรรีบตัดจบบทสนทนานี้โดยเร็ว ถ้ายังไม่อยากถูกอารอล์ฟถามเกี่ยวกับผ้าพันคอไปมากกว่านี้

    “งั้นเจ้าเดินไปดี ๆ นะเกรเทล ทางมันค่อนข้างลื่น” 

    ร่างเล็กในชุดเสื้อคลุมหนาพยักหน้าหงึกหงักเข้าใจก่อนจะบอกลา แล้วค่อย ๆ เดินไปที่บ้านพักเจ้านายเพื่อเตรียมทำความสะอาดเหมือนทุกวันด้วยหัวใจที่เต้นโครมคราม

    เมื่อมาถึงเธอถอดชุดกันหนาวออกแขวนไว้ที่ตะขอบนกำแพง แต่ยังเหลือผ้าพันคอเอาไว้เพราะยังรู้สึกหนาวอยู่เล็กน้อยแม้เสื้อตัวในจะเป็นเสื้อแขนยาว

    เกรเทลจัดเคลียร์งานทั้งชั้นหนึ่งและชั้นสองทุกอย่างสะอาดหมดจดเสร็จสิ้น เธอเลือกที่จะย้ายก้นตนเองมานั่งหน้าเตาผิงที่เธอได้ก่อฝืนใส่ไว้แล้วตอนเข้ามาใหม่ ๆ เพราะเวลาเดินในบ้านจะได้รู้สึกอบอุ่นตลอดเวลา

    เสียงเปิดประตูบ้านพร้อมกระแสสายลมหนาวถูกพัดตามเข้ามาปรากฏเป็นร่างสูงสวมเสื้อคลุมตัวหนาสีขาวบริสุทธิ์ยาวถึงข้อเท้า ส่วนบนศีรษะมีผ้าโพกหัวสีเดียวกันถูกพันโดยรอบทำให้ดูตัดกับผมสีเขียวเด่นสะดุดตาแต่ยังดูดีเกินคาด

    วอลล็อคเห็นร่างบางที่ต้นคอมีผ้าพันคอสีเขียวขี้ม้านั่งตัวสั่นเหมือนลูกนกอยู่หน้าเตาผิงที่ถูกจุดเอาไว้ เขายกยิ้มที่มุมปากมองด้วยแววตาขบขันปนเอ็นดูเจ้าเด็กทาสตัวแสบ ที่ขณะนี้ถ้าเป็นไปได้มันคงแทบจะหมุดเข้าไปในกองฟืน

    เด็กสาวรู้แล้วว่าเป็นเจ้านายตนเองเพราะเธอจำเสียงฝีเท้าที่ย้ำบนพื้นไม้ดูมั่นคงและสม่ำเสมอได้ แต่ยอมรับว่าตอนเขาเปิดประตูเข้ามาในบ้านสายลมหนาวพัดเข้ามาแรงมาก จนขนแขนเธอลุกตั้งชันทั้งที่เธอก็ยังนั่งอยู่หน้าเตาผิงร้อน

    ชายหนุ่มค่อย ๆ ถอดเสื้อคลุมและผ้าโพกหัวออก วอลล็อคก้าวขายาวเดินไปยืนข้างหลังคนหน้าเตาผิงเพื่อทักหยอกล้อเล่นสนุกตามปกติที่เขาชอบทำ

    “ไฟมันไม่ร้อนหรือไงเจ้าหนู สั่นเป็นลูกหมาตกน้ำเชียว” 

    เด็กสาวหันขวับโดยทันทีที่ถูกอีกฝ่ายแหย่เล่นว่าเธอเหมือนลูกหมาเปียกน้ำ เกรเทลด่าเขาในใจส่งสายตาคาดโทษเอาไว้ก่อน จะทักทายเธอแบบสามัญชนคนปกติไม่ได้เลยหรือไงกัน

     

    …กลับเข้าบ้านมายังปากแจ๋วไม่เปลี่ยนเลยนะอีตานี่…

     

    “นายก็พูดไป ข้าแค่หนาวเองขอรับ” 

    แม้เธอจะด่าอีกฝ่ายในใจเยอะแค่ไหนเธอก็ยังพูดดีกับเขาด้วยทุกครั้ง ซึ่งบางทีอยากน้อยใจแกล้งทำเป็นหูตึงไม่ได้ยินบ้าง แต่ก็กลัวว่าเขาจะแกล้งเธอหนักกว่าเก่า ปล่อยให้เขาสนุกไปคนเดียวเถอะ

    “อ่อ” 

    เขาพยักหน้าส่ง ๆ ให้เพราะรู้อยู่แล้วว่าเจ้าหนูมันขี้หนาวกว่าชาวบ้านชาวช่องเขา จังหวะที่เขากำลังจะแกล้งแหย่เล่นเพิ่มจู่ ๆ เกรเทลก็เงยหน้ามองตรงมายังเขาด้วยแววตาไม่มั่นใจ

    “ข้ามีเรื่องจะถามขอรับ” 

    คนตัวสูงเลิกคิ้วขึ้นสูงนึกใคร่รู้ว่าเกรเทลจะถามอะไร เขาขานรับรู้ในลำคอแล้วปล่อยให้คนตัวเล็กที่นั่งอยู่บนพื้นถาม

    “ปกติฤดูหนาวที่นี่นอกจากเทศกาลไวท์ฟอร์ซแล้วมีงานเทศกาลอื่น ๆ อีกไหมขอรับ?” 

    วอลล็อคก้มมองหน้าเกรเทลในหัวก็ไล่เรียงลำดับเทศกาลสำคัญต่าง ๆ ของคนที่นี่อย่างใจเย็น

    “หน้าหนาวที่นี่ไม่ค่อยมีเทศกาลบ่อย ๆ นักหรอกเพราะอากาศมันหนาวรุนแรง อย่างมากก็พวกงานเต้นรำจับคู่ประจำฤดู แล้วก็มีอีกทีเลยคืองานเทศกาลอำลาฤดูหนาวไปสู่ฤดูใบไม้ผลิ” 

    เธอพยักหน้ารู้สึกเสียดายเล็กน้อยพร้อมถามต่อ

    “ที่นี่มีเทศกาลให้ของขวัญหรือจัดตกแต่งบ้านสวย ๆ บ้างไหมขอรับ?” 

    สิ้นสุดประโยคคำถามของร่างบาง เขาจึงตัดสินใจย้ายตนเองมานั่งข้าง ๆ เจ้าตัวแทนเพราะดูทรงแล้วเกรเทลน่าจะมีคำถามอีกยาว ฉะนั้นเขาจะไม่ยอมยืนเมื่อยคนเดียวแล้วปล่อยให้เธอนั่งถามสบายใจเฉิ่มแน่นอน

    “ไม่มี ทำไม? ที่ที่เจ้าจากมามันมีด้วยหรือ?” เขาถามกลับด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มพร้อมจ้องมองมาที่ดวงตาเธอ

    แสงเปลวไฟจากเตาผิงและเชิงเทียนตกกระทบบนใบหน้าที่เริ่มมีเค้าโครงความหวานละมุนขึ้นจากแต่ก่อน ข้อแขนที่เคยผอมเริ่มกลับมามีน้ำมีนวลส่งผลให้อะไรหลาย ๆ เริ่มดูชัดเจนมากขึ้น แม้แสงจะไม่ได้สว่างมากแต่ก็ให้ความรู้สึกสวยงามราวกับภาพวาดบนผืนผ้าใบ

    “มีขอรับ เราเรียกมันว่าเทศกาลวันคริสต์มาส” 

    “ไหนเจ้าเล่ามาสิ” 

    ชื่อเทศกาลที่เขาไม่เคยได้ยินมาก่อนได้ดึงความสนใจให้เขาอยากรู้จักกับมันมากยิ่งขึ้น วอลล็อคเขยิบร่างเข้าไปนั่งใกล้ ๆ กว่าเดิมเธอเพราะเห็นว่ายังนั่งหนาวสั่นอยู่

    “มันเป็นเทศกาลพิเศษในช่วงฤดูหนาวขอรับ พวกเราทุกบ้านจะกลับมารวมตัวกัน อย่างเช่นญาติพี่น้องที่ไม่ได้เจอหน้ากันมานานก็จะได้เจอกัน ส่วนคนที่ไม่มีญาติเราก็จะจัดงานแล้วช่วยเพื่อน ๆ คนรู้จักหรือคนที่เรารักมาร่วมเฉลิมฉลองกัน” 

    เมื่อลองสังเกตดูจากสีหน้าและท่าทางของเจ้านายของเธอ ดูเขาสนอกสนใจเป็นพิเศษแถมนั่งฟังเธอเล่าเงียบ ๆ อย่างตั้งใจ

    “จะมีการจัดบ้านประดับด้วยไฟหรือเทียน ของตกแต่งต่าง ๆ จุกจิกโดยส่วนมากจะเป็นสีแดงกับเขียว ริบบิ้น บอลลูนขนาดเล็ก แอปเปิ้ล กระดิ่งระฆัง” 

    เด็กสาวพูดด้วยน้ำเสียงเจื้อยแจ้วด้วยรอยยิ้มมีความสุข

    “ทำไมต้องสีแดงกับสีเขียว สีอื่นไม่ได้หรือ?” 

    “ได้ขอรับแต่เพราะว่าสีแดงหมายถึงเลือด ไฟ ความโอบอ้อมอารี ส่วนสีเขียวสื่อถึงความเป็นนิรันดร์ อมตะ ไม่มีที่สิ้นสุดขอรับ” 

    ร่างหนาพยักหน้าเข้าใจแล้วเงียบลงอีกครั้งเพื่อฟังเธอพูดต่อ

    “แต่สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือต้นสน” 

    ” ต้นสน?” 

    เขาเลิกคิ้วเอ่ยทักขึ้นมาหลังจากเงียบไปนาน ว่าทำไมถึงต้องตัดต้นสนที่มีขนาดใหญ่มาใช้ด้วย

    “ใช่ขอบรับ เราจะตัดต้นสนขนาดเหมาะ ๆ นำมาวางไว้ในบ้านแค่ช่วงเทศกาล แล้วประดับตกแต่งด้วยเช่นกัน บนยอดต้นจะมีดาวหรือตุ๊กตานางฟ้าเสียบเอาไว้ โบราณพวกเขาเชื่อว่ามันเป็นต้นไม้สรวงสวรรค์เอาไว้แสดงถึงความโชคดี” 

    พอเห็นเขาทำสีหน้างงเธอจึงอธิบายเพิ่มเติมให้วอลล็อครู้ว่ามันหมายถึงอะไร

    “สุดท้ายก็จะเตรียมของขวัญไว้แลกกัน แขวนถุงเท้าไว้หน้าเตาผิงเอาไว้รอซานตาครอสมาส่งของขวัญให้เด็ก ๆ ที่ทำความดี” 

    เกรเทลเห็นว่าชายหนุ่มเริ่มขมวดคิ้วมุ่นอีกแล้วจึงรีบพูดดักคออีกฝ่ายเอาไว้ก่อน

    “ซานตาคลอสเขาว่ากันว่าเป็นนักบุญเซนต์นิโคลัสน่ะ แต่งตัวด้วยชุดสีแดงมีหนวดเครายาวหน้าตาดูใจดี คงเหมือนนิทานเอาไว้หลอกเด็กว่าถ้าทำแต่ความดีจะได้ของขวัญจากคุณลุงซานตา” 

    “เทศกาลเจ้าดูน่าสนใจมาก” 

    วอลล็อคยกยิ้มแล้วทำหน้าครุ่นคิดอะไรสักอย่าง แต่แล้วก็โพล่งขึ้นมาทำเอาเธอสะดุ้งตื่นตกใจ

    “ไหน ๆ เจ้าก็ว่างเหมือนข้า แถมยังไม่ถึงเวลาอาหารงานไวท์ฟอร์ซ เจ้าก็ลองจัดที่บ้านข้าดูก่อนสิ” 

    เธอไม่คิดว่าวอลล็อคจะเป็นคนบ้าจี้ให้เธอจัดงานคริสต์มาสที่นี่ แถมนี่มันบ้านเขาไม่ใช่บ้านเธอด้วยซ้ำ 

    “แต่มันจะดีเหรอนาย” 

    ร่างบางคิ้วขมวดเม้มปากแน่น สีหน้าเกรงใจแสดงออกมาอย่างชัดเจน

    “ข้าแค่อยากเห็นว่ามันจะสวยตามที่เจ้าบอกข้าไหมเท่านั้นเอง” 

    จากที่ฟังมาทั้งหมดสำหรับเขาที่ตอนนี้ก็ว่างจากการคุมงานก็ไม่มีอะไรให้ทำอีกแล้ว ฉะนั้นจะหากิจกรรมทำอะไรเพิ่มเพื่อฆ่าเวลาก็คงจะเป็นสิ่งนี้

    เมื่อเธอเห็นว่าวอลล็อคไม่ได้ว่าอะไรเพิ่มแถมยังพยักพเยิดด้วยแววตาตื่นเต้น เกรเทลจึงยิ้มออกมาบาง ๆ พร้อมกล่าวขออนุญาตอีกรอบ

    “งั้น…ข้าจะไปเตรียมของนะขอรับ ท่านอยากลองมาช่วยข้าไหมตกแต่งดูไหม?” 

    คนผมสีเขียวเด่นขานรับในลำคอพร้อมทั้งจับแขนเกรเทลเพื่อช่วยลุกขึ้นยืน วอลล็อคไม่คิดว่าตัวเธอจะเย็นทั้งที่ก็นั่งอยู่หน้าเตาผิงกันทั้งคู่ ตัวเขายังอุ่นกว่าตัวเธอเยอะหลายขุม

    เกรเทลแจกแจ้งถามว่าที่นี่มีของอะไรที่พอมีให้เธอใช้ได้บ้าง สรุปของส่วนใหญ่มีเกือบหมด โดยวอลล็อคเป็นคนอาสาเดินไปเอาให้เพราะไม่อยากให้เธอเดินตากลมหนาวไปคนเดียว

    ระหว่างรอชายหนุ่มออกไปเอาของด้านนอก เธอแยกไปเข้าครัวทำขนมต่าง ๆ ด้วยความรวดเร็วโชคดีที่ยังพอมีพวกแป้ง ไข่ไก่ เนย นม ติดเอาไว้ในครัว

    พอเขากลับมาจากโกดังเก็บของที่อยู่ไม่ไกล เธอเห็นว่าเขาลากต้นสนขนาดเกือบ 2 เมตรเข้ามาในบ้านด้วย พอถามไปว่าตัดมาจากไหนเพราะเธอมั่นใจว่าละแวกตลาดค้าทาสไม่น่าจะมีต้นสนขึ้นได้

    นายใหญ่ตลาดค้าทาสก็ตอบมาด้วยท่าทางสบาย ๆ ว่าใช้ให้ใครบางคนไปตัดมาจากด้านนอกให้

    เมื่อได้ยินดังนั้นเธอก็ไม่ได้เอะใจอะไรนัก พร้อมบอกให้เขาช่วยหาที่ตั้งเหมาะ ๆ สักจุดและเติมน้ำให้ต้นสน

    ทั้งสองคนช่วยกันตกแต่งเท่าที่ของมี สิ่งไหนที่วอลล็อคทำไม่เป็นเธอก็สอนให้เขาด้วยความตั้งใจ บรรยากาศตลบอบอวลไปด้วยความสุขและความอบอุ่นโดยที่ทั้งสองคนไม่รู้ตัว

    เกรเทลนำเทียนไขขนาดต่าง ๆ นำมาจุดตกแต่งรอบบ้าน นำริบบิ้นหลากสีมาผูกตกแต่ง แขวนถุงเท้าหน้าเตาผิง และลูกบอลไปบนต้นสน

    เธอเพิ่งรู้ไม่นานมานี้เองว่าพวกต้นไม้ใบหญ้าหลากชนิดที่นี่เหมือนกับโลกของเธอ จึงไม่ยากที่จะนำมาใช้ตกแต่งตามกำแพงบ้าน รอบเตาผิง หรือนำมารอยเป็นพวงมาลัยแขวนไว้หน้าประตูบ้าน

    ร่างบางตัดสินใช้พับกระดาษสีเหลืองให้เป็นรูปดาว เอาไว้เธอมีโอกาสจะลองถามให้วอลล็อคสั่งช่างตีเหล็กทำให้คงจะดี พอพับเรียบร้อยแล้วเธอจึงลากเก้าอี้ไม้ขัดมันมาเพื่อปีนขึ้นไปเสียบบนยอด

     

    อ๊ะ!

     

    เกรเทลดันลื่นใกล้จะหงายหลังเพราะเธอสวมถุงเท้าเอาไว้ วอลล็อคเห็นท่าไม่ค่อยดีจึงรีบวิ่งมาคว้าเอวบางเอาไว้แน่นกันเธอตกลงมา เด็กสาวใจเต้นโครมครามแทบจะหล่นไปที่ตาตุ่ม

    “ขอบคุณ” 

    “ข้าปีนเองเจ้าลงมารอข้างล่าง” 

    วอลล็อครวบขาทั้งสองขาของเธอแล้วยกลงมาบนพื้นอย่างนุ่มนวล เอื้อมไปหยิบดาวสีเหลืองจากมือเล็กมาถือไว้เองแล้วปีนเก้าอี้ขึ้นไปเสียบให้

    ใช้เวลาเพียงไม่นานทุกอย่างก็เสร็จเรียบร้อย ภายในบ้านตอนนี้ดูสดชื่น อบอุ่น สวยงามเหมือนกับเทศกาลในโลกของเธอ

    เกรเทลยิ้มระบายออกมาด้วยความสุด เธอคิดถึงช่วงเวลาเหล่านั้นอย่างเหม่อลอยจนวอลล็อคสะกิดเรียกเธอ

    “เจ้ามีอะไร” 

    “อ่อ…เปล่าขอรับ ข้าเห็นแล้วแค่คิดถึงบ้านนิดหน่อย” 

    ร่างสูงจูงเกรเทลพามานั่งหน้าเตาผิงเช่นเดิมแล้วห่มผ้าคลุมที่ไหล่ให้ แต่เขาหยิบผ้าห่มหนามาด้วยตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ เธอทำตัวไม่ค่อยถูกเท่าไรที่เขาใจดีแปลก ๆ แบบนี้

    เธอเอื้อมมือรับผ้าห่มนั้นมาคลุมตัว แต่สักพักเธอก็ลุกพรวดเด้งขึ้นจากพื้นวิ่งไปในครัวครู่หนึ่ง คนผมสีเขียวเด่นยืนงงกับพฤติกรรมพรวดพราดของเกรเทล

    เขาได้ยินเสียงดังก๊อก ๆ แก๊ก ๆ เหมือนถ้วยชามกระทบกันจากในครัว ไม่นานก็ปรากฏร่างผอมบางภายใต้ผ้าพันคอสีเขียวขี้ม้ากำลังเดินออกมาพร้อมถ้วยช็อกโกแลตร้อนกับขนมต่าง ๆ ที่นางอบเอาไว้ 

    กลิ่นหอมหวานของคุกกี้ลอยอบอวลมาแต่ไกล วอลล็อคประหลาดใจอีกครั้งที่ในระยะเวลาอันสั้นเกรเทลแอบไปทำทิ้งเอาไว้เพื่อเอามาให้เขา

    “ข้าอบขนมกับชงช็อกโกแลตร้อนมาให้ ในนี้มีมาร์ชแมลโลว์ด้วย ข้าหวังว่าท่านจะทานได้นะ” 

    เกรเทลเงยหน้าขึ้นมองทางเดินจึงเห็นว่าชายหนุ่มหันมาจับจ้องที่เธอพานทำให้ใจเต้นตึกตัก

    แสงจากปล่องไฟตบกระทบสะท้อนภายในดวงตาสีเขียวมรกต ผมสีเขียวโดดเด่นของเขาที่ถูกปล่อยสยายยาว เธอเพิ่งมาสังเกตว่าเขาคงเป็นคนเดียวบนโลกที่เหมาะกับเทศกาลคริสต์มาสที่สุดในโลกแล้ว

    เธอส่งถาดขนมและถ้วยช็อกโกแลตร้อนให้วอลล็อคที่นั่งอยู่บนเก้าอี้โซฟา เขาเอื้อมมือเข้าไปรับทั้งสองอย่างแล้วเอามาวางไว้บนโต๊ะเล็ก ก่อนหน้านี้พวกเธอได้ทำการจัดมุมบ้านใหม่ทั้งหมดเพื่อที่จะได้ตกแต่งสะดวก กลายเป็นว่าตรงหน้าเตาผิงจึงมีโต๊ะกลางและโซฟาวางไว้คู่กันกับต้นคริสต์มาส

    ขณะที่เธอกำลังจะลงไปนั่งที่พื้นไม้หน้าเตาผิง วอลล็อคได้ตบมือลงไปบนเบาะข้าง ๆ ตนเองส่งสัญญาณ ว่าให้เธอย้ายก้นตนเองขึ้นนั่งข้างเขาไม่ใช่ลงไปนั่งที่พื้น

    “มานั่งนี่ อย่าไปนั่งที่พื้นมันเย็น” 

    เกรเทลลุกขึ้นทำตามอย่างว่าง่ายเพราะตอนนี้เธอหนาวมากจริง ๆ แถมไม่อยากต่อล้อต่อเถียงเท่าไรด้วย พอนั่งลงด้านข้างเรียบร้อยวอลล็อคก็หยิบเอาผ้าห่มผืนเดิมที่เกรเทลทำตกไว้ขึ้นมาคลุมพาดยาวทั้งสองคน กลายเป็นว่าทั้งเกรเทลและเขาห่มผ้าผืนเดียวกัน

    เธอรู้สึกเกรงเล็กน้อยจนเขาสังเกตเห็น เขาตัดสินใจเป็นฝ่ายขยับไปนั่งเบียดข้าง ๆ แทนที่จะให้เธอขยับตัวมานั่งใกล้ ให้เขาเป็นฝ่ายเขยิบย้ายไปนั่งชิดยังง่ายเสียกว่า พอพวกเรานั่งชิดกันอุณหภูมิในร่างกายได้เริ่มร้อนขึ้นทีละนิดเพราะต่างคนต่างมอบความอบอุ่นให้แก่กัน

    ตอนนี้ในมือของทั้งคู่ต่างถือถ้วยช็อกโกแลตร้อนที่มีมาร์ชแมลโลว์ชิ้นเล็ก ๆ ลอยอยู่เต็มถ้วย วอลล็อคยกขึ้นจิบเล็กน้อยสัมผัสแรกที่ได้คือความหวานมันของช็อกโกแลตมีติดขมปลาย ๆ แต่ตบท้ายด้วยมาร์ชแมลโลว์นุ่มละมุน

    “ข้าชอบ…นะ” 

    เขาพูดขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ เกรเทลหันไปถามด้วยความสงสัยว่าเขากำลังพูดถึงอะไร

    “อะไรเหรอขอรับ?” 

    “ทุกอย่าง” 

    ร่างบางเลิกคิ้วขึ้นเธอยังประมวลผลไม่ทันดีว่าทุกอย่างของเขามันคือสิ่งไหน ถ้วยช็อกโกแลตร้อน ขนม หรือการจัดตกแต่งบ้าน

    “เทศกาลของเจ้าน่ะ วันคริสต์มาส” 

    พอได้ยินดังนั้นเธอเลยระบายยิ้มกว้างพูดด้วยความภูมิใจ

    “ดีใจที่ท่านชอบนะขอรับ แต่เสียดายที่ไม่มีแลกของขวัญให้กัน ข้าจึงทำขนมและช็อกโกแลตร้อนนี่มาให้แทน ถือซะว่าเป็นของขวัญจากข้าแล้วกันนะขอรับ” 

    พูดเสร็จเธอก็เอื้อมมือไปหยิบขนมที่วางอยู่บนโต๊ะ ทว่าพอกำลังจะนำเข้าปากวอลล็อคก็เอ่ยขึ้นมา

    “ป้อนข้าหน่อยสิขนมชิ้นนั้น” 

    เด็กสาวหันหน้าไปมองเจ้านายตนเองช้า ๆ มึนงงกับทีท่าของเขา จะกินทำไมไม่มาหยิบเองต้องมาแย่งเธอด้วย แต่สุดท้ายเธอก็ยอมทำตามที่เขาสั่งอย่างว่าง่าย มือบางจับชิ้นขนมอย่างมั่นคงเปลี่ยนทิศทางจากปากเธอยื่นไปตรงปากของอีกฝ่าย

    ชายหนุ่มจ้องมองมาภายในดวงตาของเธอนิ่ง เกรเทลรู้สึกได้ว่าเขาไม่ได้มองขนมในมือเธอเลยด้วยซ้ำ ริมฝีปากบางค่อย ๆ อ้างับชิ้นขนมเล็มไปทีละส่วนทีละส่วนจนใกล้หมดชิ้น เศษขนมชิ้นสุดท้ายอยู่บนนิ้วชี้และนิ้วโป้ง

    เพราะเหลือแค่ชิ้นเล็ก ๆ เธอจึงขยับเปลี่ยนท่านิดหนึ่งเพื่อที่จะได้ส่งขนมเข้าปากเจ้านายได้สะดวก จังหวะที่เธอเผลอตัวครู่เดียววอลล็อคงับดูดขนมที่ปลายนิ้วชี้และนิ้วโป้งของเธอ จนเกรเทลชะงักค้างกลางอากาศ พลันหัวใจกลับมาเต้นโครมครามอีกครั้ง

    วอลล็อคยังคงจับจ้องมองมาที่ใบหน้าเธอด้วยสีหน้าและแววตาอ่านไม่ออก แสงไฟจากเตาผิงบางครั้งสะท้อนให้เห็นความวูบไหวแต่ไม่นานมันก็อันตรธานหายไปอย่างรวดเร็ว

    “หวานมาก” 

    คำชมถูกพูดออกมาด้วยท่าทางนิ่ง ๆ เธอไม่รู้ว่าแววตานี้มันคืออะไร แต่ที่แน่ ๆ ใจเธอในตอนนี้เริ่มไม่ดีเท่าไร มันเต้นแรงจนเหมือนจะกระเด็นออกมานอกหน้าอก เกรเทลชักมือออกแล้วเอามาซุกภายในเสื้อแขนยาวแทน

    บรรยากาศหน้าเตาผิงแม้จะดูอบอุ่นผ่อนคลาย แต่เธอกลับทำตัวไม่ถูกเสียอย่างนั้น เขาก็แค่กินขนมจากมือเธอเองมันไม่ได้มีอะไรทั้งนั้น

    “เออ…ข้าตั้งใจทำให้ขนมมันหวานนิดหนึ่งขอรับ” 

    แต่ในความเป็นจริงขนมที่เธออบมันไม่ได้หวานมากนักเพราะกลัวว่าเขาจะทานไม่ได้ จึงใส่แต่น้อย ๆ พอดี ๆ ไม่มากไปไม่น้อยไป แต่ดูจากการที่เขาพูดแบบนั้นออกมาเธอว่าเขาต้องสื่อถึงอย่างอื่นแต่ก็ไม่มั่นใจนัก

    “ถ้าถึงเทศกาลนี้อีก รอบหน้าเจ้ามาจัดให้ข้าอีกนะ” 

    คำร้องขอถูกส่งเข้าโสตประสาทของเกรเทลทันที งั้นแสดงว่าเขาชอบงานที่เธอทำสินะ วอลล็อคประทับใจทุกอย่างที่เธอทำแค่นี้เธอก็มีความสุขมากแล้ว

    “ได้เลยขอรับ ถ้าถึงฤดูหนาวรอบหน้าข้าจะมาจัดให้ท่านอีก”

    คำสัญญาที่คนสองคนให้กันไว้กลายเป็นสัญญาใจที่เชื่อมโยงต่อกันตลอดไป ภายใต้ผ้าห่มผืนหนา ช็อกโกแลตร้อนที่มีก้อนขาวอย่างมาร์ชแมลโลว์ลอยไปมา หรือแม้แต่ต้นคริสต์มาสที่ถูกตกแต่งอย่างสวยงาม ยังสู้ไม่ได้เลยกับความรู้สึกที่เตรียมกำลังปะทุอยู่ภายในของคนสองคน

     

    ------

    กดหัวใจ ❤️ หรือคอมเมนต์เป็นกำลังใจให้ไรท์ได้นะคะ

    หากพบคำผิด แก้ไขหรือติชม โปรดคอมเมนต์อย่างสุภาพไรท์ยินดีปรับปรุงแก้ไขค่ะ

     

    𝑻𝒂𝒍𝒌 𝒘𝒊𝒕𝒉 𝒘𝒓𝒊𝒕𝒆𝒓

    Merry Christmas ย้อนหลังนะคะทุกคน🎄✨ เป็นตอนพิเศษที่ตั้งใจมอบให้เป็นของขวัญก่อนจะสิ้นปี 2023 เพื่อคั่นอารมณ์จากเนื้อเรื่องหลักว่าพระเอกนางเอกเราก็สวีทกันได้ ไม่ใช่จ้องจะหยุมหัวกันสะทีเดียว ทุกคนสามารถอ่านได้เพลิน ๆ ถอดสมองแบบไม่ต้องคิดมากอะไร ใจอยากเขียนยาวกว่านี้นะคะแต่กลัวจะไม่มีเวลาไปปั่นตอนหลัก ฮ่า ๆ ๆ

    ที่จริงไรท์จะอัปตั้งแต่วันที่ 25 ธ.ค. แล้วค่ะ แต่ยังติดเดินทางไกลจากการพาครอบครัวไปเที่ยวมาค่ะ สภาพยมสุด ขนาดไปเที่ยวไรท์ยังต้องพกต้นฉบับไปปั่นเลย🤣 อยากคลอดหนังสือปีหน้าเร็ว ๆ แล้วค่ะ //แอบกระซิบว่าทุกตัวอักษรที่ไรท์เขียนมีความลับซ่อนอยู่ ถ้าใครตาดีสังเกตประมวลวิเคราะห์ก็จะพอเดาออกว่าตอนนี้ตัวละครกำลังไปใสทิศทางไหนได้บ้าง แต่ไม่ต้องซีเรียสกันขนาดนั้นอยากให้จอย ๆ กับนิยายที่ไรท์เขียนกันมากกว่า วิเคราะห์ไปก็ปวดหัวเปล่า ๆ ฮ่าา

    แวะมาพูดคุยเล่นหรือดูอัปเดตเกี่ยวกับนิยายไรท์ได้ที่

    Facebook : C.T.Tiana

    X (Twitter) : @Ccttiana

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in