สัมผัสกับคำว่า "Fandom" มา 11 ปีเต็มแล้ว มีเรื่องให้เล่าเยอะแยะเต็มไปหมด ไม่รู้จะเริ่มเล่าตรงไหนดีแต่วันนี้เป็นวันที่บอยแบนด์วงหนึ่ง "คัมแบ็ค" ที่เกาหลีในรอบ 2 ปี  พูดมาน้ำตาจะไหล (ไม่ใช่อธิพจน์โวหารด้วยนะเออ น้ำตาจะไหลจริงๆ)  ขณะที่เขียนอยู่นี้ก็ฟังเพลง "น้องๆ" ไปด้วยล่ะ ^^

วงๆนั้นก็คือ iKON เอง

ย้อนกลับในวันที่เราตัดสินใจย้ายที่ทำงานไปสัมผัสกับอีกบรรยากาศที่มาพร้อมกับภาระอันหนักอึ้ง ต้องปรับตัวทั้ง "พื้นที่ทางกายภาพ" และ "พื้นที่ภายในใจ" --- ความเจ็บปวดมักจะมาพร้อมความเติบโตสินะ

งานที่ใหม่ต้องมีความรับผิดชอบสูงมาก ต้องพัฒนาตัวเองไปอีกขั้น ต้องปรับเป็นคนใหม่ที่มีคุณภาพมากกว่าเดิม

วันเวลาของงานใหม่ค่อยๆกัดกร่อน "ชีวิตติ่ง" ของเรา หกเดือนแรกเคยคิดจะลาออก บางครั้งร้องไห้
บางวันแทบบ้า  งานหนักไม่เท่าไหร่ แต่ที่สาหัสกว่านั้นก็คือความเลวร้ายของ "คน" ในที่ทำงาน  ทั้งที่ผ่านการทำงานมาหลายที่ แต่ความเลวร้ายที่ได้เจอมันไม่เคยชินและไม่เคยจะน้อยลงเลย

เวลาที่เราเครียดและต้องโฟกัสกับสิ่งที่สำคัญในชีวิตมากๆ เรื่องความเป็นแฟนคลับ เรื่องความเป็นติ่ง    ก็ค่อยๆหายไปจากชีวิต เพราะไม่อยากให้ใจไปโฟกัสกับอะไรมากมายอีกแล้ว ชีวิตติ่งใครว่ามันจะแฮปปี้ตลอด วันๆมีดราม่าเรื่องนั้นเรื่องนี้  เลยตัดสินใจว่าขอห่างวงการนี้ซักระยะเถอะ  ไปใช้ชีวิตใหม่ๆให้    เต็มที่ดีกว่า  แต่ซีรีส์เกาหลีนี่ยังต้องดูบ้างนะ เป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้จริงๆ

หลังจากที่ไปบ่มเพาะตัวเองกับงานใหม่ได้เกือบ 3 ปี  ชีวิตเริ่มเป็นปกติ เริ่มปรับตัวกับความหนักหนาสาหัสได้  มีความสุขมากขึ้น แม้ในสิ่งร้ายๆก็พยายามหาแง่งามมันเจอ  รู้สึกว่า "หัวใจ" ของเราเป็นผู้ใหญ่ยิ่งกว่าที่เคยเป็นมา

วันหนึ่งในเดือนตุลาคม ปี 2014  หลังจากที่ไม่ได้ฟังเพลง ไม่ได้ตามบอยแบนด์เกาหลีมาเกือบ 3 ปี ไม่รู้อารมณ์ไหน น่าจะอารมณ์ดีมากๆ เลยล่ะ เลยคิดสนุกว่า ลองมาฟังเพลงเกาหลีบ้างอะไรบ้างเถอะ ชีวิตเราเข้าที่เข้าทางแล้ว เราพร้อมจะเสพเรื่องพวกนี้ (อีกครั้ง) แล้ว  :)

ก็เลยเสิร์ชนั่นนี่ดู ก็เจอเอ็มวี เจอข่าวว่า Winner กำลังดัง  เราก็เปิดๆไปฟัง เออเพราะดีแฮะ 5 คนนี้ก็หน่วยก้านดี ฟังแล้วทำไมไม่รู้อยู่ๆก็คิดถึง "ทงบังชินกิ" วงสุดที่รักสมัยที่ยังอยู่ครบ 5 คน  สงสัยวินเนอร์ก็มี 5 คนเหมือนกันมั้ง  ตอนนั้นชอบวินเนอร์มากๆ ก็เลยย้อนหาดูพวกรายการเซอร์ไววัลย้อนหลัง


เอาล่ะสิ! ถึงเวลาที่ฉันจะเจอ "คิมฮันบิน" สักที!!


รายการ Win นี่ก็ไม่ได้ดูทั้งหมดหรอก  เพราะดันมาดูตอนประกาศผลทีม A ทีม B ก่อนเลย
คือเราก็รู้อยู่แล้วไงว่าวินเนอร์ ทีม A ชนะ ดูไปมันก็ไม่น่ามีอะไร
แต่อะไรในวันที่ทีม B แพ้ ทั้งๆที่ตอนนั้นเรายังไม่ค่อยรู้จักฮันบินกับบ๊อบบี้เลย
แต่เห็นคลิปประกาศที่น้องแพ้ (ตอนนั้นยังไม่รู้ชะตากรรมว่าจะได้เดบิวต์มั้ย) ฮันบินร้องไห้เหมือนสูญเสียโลกที่มีอยู่  เราก็น้ำตาไหลตาม รู้สึกสะเทือนใจอย่างบอกไม่ถูก

วันเวลาผ่านไปไม่นาน ในเดือนตุลาคมเดียวกันนั่นแหละ ตุลาคม 2014 
YG ก็ประกาศว่าจะมีรายการ Mix and Match จะเดบิวต์วงใหม่ที่ชื่อว่า iKON มีสมาชิกที่ยินพื้นคือ คิมฮันบิน คิมจีวอน คิมจินฮวาน


จะรออะไรคะ เราก็รอดูรายการนี้ อยากรู้จักน้องฮันบิน หรือ B.I มากขึ้น
เอาล่ะสิ รายการแนวๆนี้ ทำให้เรารู้จักเด็กๆพวกนี้ดีขึ้น เห็นในมุมที่ไม่เคยรู้มาก่อน
สำหรับเรา "คิมฮันบิน" เป็นเด็ก 18 (ในตอนนั้น) ที่สร้างแรงบันดาลใจและเป็นแบบอย่างให้ "ผู้ใหญ่" อย่างเรา


มันน่ามหัศจรรย์มั้ย ในวันที่เราเหนื่อยล้ากับงาน แต่พอนึกถึงฮันบินที่เป็นคนเต็มที่กับงาน
เด็กคนนี้ "เอาจริง" ทุกอย่าง  บางครั้งเราก็คิดนะว่าน้องจะซีเรียสเกินไปหรือเปล่า

แต่นั่นคือนิสัยของเธอ - ฮันบิน

"ใส่ใจ" และ "ทุ่มเท" กับงานจนเกินร้อย  ฮันบินเป็นครูเสือที่ทำให้ผู้ใหญ่อย่างเราสะอึก
เราต้องหันมาทบทวนตัวเองว่า งานที่ทำอยู่มันดีหรือยัง ที่ว่าไม่ดี ไม่โอเค เราได้เต็มที่กับมันรึยัง
นอกจากฮันบินจะเป็นแบบอย่างแล้ว เพลงที่ฮันบินทำกับเพื่อนๆ โดยเฉพาะในรายการ Win อย่างเพลง Climax เป็นเพลงที่เราใช้เปิดฟังปลุกใจให้ตัวเองทำอะไรให้เต็มที่

Climax เป็นเพลงที่สะท้อนความรู้สึกของน้อง เป็นเพลงที่ฮึกเหิมแต่เวลาที่ฟังแล้วคิดถึงตอนน้องแพ้ น้ำตาก็จะร่วง (อินเกิน 555)  แต่สำหรับพี่เวลาที่ได้ฟังมันรู้สึกมีพลังใจขึ้นมาอย่างประหลาด

เชื่อมั้ยว่าเราฟัง Climax (Team B ปี 2013) ทุกเช้า เวลาขับรถไปทำงานโคตรกระตุ้นอะดรีนาลีนในร่างกาย โดยเฉพาะท่อนที่บอกว่า No limit gon touch sky 

วันที่ iKON เดบิวต์ 15 กันยายน 2015 จึงเป็นวันที่ผู้ใหญ่อย่างเรามองดูความสำเร็จของน้องด้วยใจระทึก
แม้กระทั่งถึงวันนี้ วันนี้ที่ได้เห็นพัฒนาการของงานเพลงอลบั้ม Return
วันที่ได้เห็นคิมฮันบินยังเป็นคิมฮันบินที่น่ารักเหมือนเดิม (คือเหมือนน้องมี 2 ร่าง ร่างที่จริงจังมากๆ เป็นผู้ใหญ่มากๆกับงาน กับอีกร่างเวลาที่ไม่ได้ทำงานเพลงก็จะดูเป็นเด็กต๋าๆ เป็นลูกน้อยของแม่) 
นอกจากนี้เสน่ห์อย่างหนึ่งก็คือความคิดของเขานี่แหละ บอกเลยว่าเด็กคนนี้ไม่ธรรมดาเลย

เอาเป็นว่าถ้าให้เขียนถึงฮันบินล่ะก็ 5 หน้าก็ไม่หมด

จะทิ้งท้ายด้วยคำคมของฮันบินที่พูดไว้ตอนปลายปี 2017 ตอนนี้เกาหลีมีสอบซูนึง (สอบเอ็นทรานซ์)
ฮันบินบอกแฟนๆวัยใสของเขาว่า
"ถึง(การสอบเข้ามหาวิทยาลัย)ไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต แต่ถ้าต้องทำก็ต้องตั้งใจนะ"

ประโยคเรียบง่ายแต่มันคือ "สัจธรรม"  มันคือความจริง
ฮันบินมาเตือนสติพี่อีกแล้วในวันที่เรากำลังทำอีกภารกิจหนึ่งที่ยิ่งใหญ่ในชีวิต  ตอนนี้เราถึงขึ้นไปซื้อสมุดมาบันทึกคำคมของฮันบินไว้เลยล่ะ

นี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งของความมหัศจรรย์ของ iKON และ คิมฮันบิน
แง่งามของชีวิตมีอยู่ในทุกๆการติ่ง ^^ ฮ่าๆๆๆ

เอาล่ะฮันบิน พี่ต้องไปช่วยเธอสตรีมกับปั่นวิวแล้ว  (งานพี่ก็ยังไม่เสร็จนะตัวเธอ)
ไหนจะต้องตามข่าว Wanna One อีก
พี่รู้เธอไม่งอนใช่ป่าว   ^____~~~~  รักเธอนะคิมฮันบิน ไฟต์ติ้งๆ เธอบอกว่าเธอทำงานหนักมาก ก็อดกังวลกับชาร์ตเพลงไม่ได้เลยจะปิดโทรศัพท์ไปซัก 3 วัน

ตอนนี้เปิดโทรศัพท์ได้แล้วฮันบิน!! เพลงเธออันดับ 1 Melon แล้ว!!! ^^  (ตี 1 เกาหลี)

ปล. เพลงในอัลบั้มใหม่เพราะมาก โดยเฉพาะเพลง Don't Forget