เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Earwormfray_04
Turn On the Write: รุ่งอรุณแห่งการจากลา
  • เราเป็นคนที่ฟังเพลงเยอะ และชอบคิดตามเรื่องราวภายในเพลง จึงทำให้เพลงส่วนมากที่เราฟังนั้น จะมีเนื้อเพลงแนวบอกเล่าเรื่องราว เรียกได้ว่าเป็นเรื่องสั้นแบบมีทำนองก็แล้วกัน ซึ่งพอเราเริ่มคิดเรื่องราวตามเพลงแล้วก็จะเกิดความ"อิน"

    พออินมาก ๆ เข้า ก็จะเริ่มโยงเรื่องราวที่เกิดในเพลง เข้ากับเหตุการณ์ในชีวิตจริงที่เราประสบพบเจอมา ทั้งประสบการณ์ส่วนตัวหรือของคนรอบข้าง ซึ่งสิ่งนี้เป็นอะไรที่เราเพิ่งมารู้ตัวทีหลังว่ามันอันตรายมากๆ 
    เพราะเราจะเริ่มทำแกทเชื่อมโยง ผูกคนหรือเหตุการณ์ต่างๆเข้ากับเพลงนะสิ แล้วลองนึกภาพว่าเราผูกเหตุการณ์แย่ๆ หรือสิ่งที่ทำให้เราสะเทือนใจไว้กับเพลงที่ฟังเป็นประจำสิ พังไม่เป็นท่าเลยล่ะ 
    ตอนนี้เราเริ่มรู้ตัว เลยพยายามเลิกนิสัยผูกเพลงเข้ากับเหตุการณ์แล้ว ไม่งั้นเดี๋ยวไม่มีเพลงฟังกันพอดี

    เกริ่นมาซะเยอะ เราต้องการจะพูดถึงเพลงๆนึง ที่ทำให้เรานึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ที่นึกทีไรก็ทำให้เราปวดใจทุกที มันน่าขำตรงที่ไม่ว่าเราจะพยายามเลิกนิสัยนี้ยังไง (ซึ่งก็สำเร็จในระดับนึงนะ เพราะสมองเราปลาทองด้วย หลังจากตัดใจจากคนและ 'เท' เขาได้แล้ว ซึ่งก็กินเวลานานมาก นานขนาดที่เราเปลี่ยนเซ็ตเพลงที่ฟังวนลูปไปเป็นเพลงเซ็ตใหม่ๆแล้ว ทำให้เราเหมือนกลบฝังลืมเขาไปพร้อมๆกับเพลงเก่าที่ถูกลบออกและแทนที่ด้วยเพลงใหม่ๆ ไปโดยปริยาย)
    แต่ก็ยังมีเพลงนี้ ที่ฟังทีไร มันจะดึงเราย้อนกลับไปหาความทรงจำนั้น ที่ยังแจ่มชัดมาทั้งภาพ รส กลิ่น เสียง กันเลยทีเดียว 

    เพลงนั้นก็คือ Daylight ของวง Maroon 5 ที่คัฟเวอร์โดย Boyce Avenue  
    (เวอร์ชั่นนี่เราว่ามันดูอาลัยอาวรณ์และตัดพ้อมากกว่าออริจินอลซะอีกนะ) 



    เหตุการณ์ที่ว่าคือ คืนสุดท้ายที่เราจะได้อยู่กับเพื่อนสนิทของเราที่นานๆจะได้เจอกันที แล้วเจอกันทีก็ในระยะเวลาสั้นๆเท่านั้น แล้วคืนสุดท้ายนั้น เรานั่งเล่น นอนเล่นคุยกันอยู่ ทั้งๆที่หน้าตาเหมือนจะหลับมิหลับแหล่ทั้งคู่ แต่ก็ไม่มีใครกล้าเอ่ยปากขอตัวไปนอน เพราะต่างรู้กันอยู่ในใจว่านี่เป็นคืนสุดท้ายที่จะได้อยู่ด้วยกันแล้ว ต่างไม่มีใครอยากให้มันจบลงอย่างรวดเร็ว และมืดสนิทผ่านการนอนหลับหรอก เลยพยายามที่จะยื้อให้ได้นานที่สุดด้วยเลยแหกขี้ตานั่งคุยกันอยู่แบบนี้ แต่สุดท้าย ถึงกลางดึกสงัด ความเงียบก็เข้ามาแทนที่หัวข้อสนทนาที่ถูกยกขึ้นมาและจบลงไปอย่างรวดเร็ว เขามองหน้าเรา แล้วก็หยิบมือถือขึ้นมา จิ้มอะไรสักอย่างแล้วก็บอกว่า เราไปนอนกันเถอะ แล้วก็ลากเราไปกลิ้งเกลือกที่เตียง โดยอยู่ในท่าเรานอนหนุนอกเขาอยู่ ขณะที่เรากำลังนอนฟังเสียงหัวใจเขาเพลินๆ จนกำลังจะเคลิ้มหลับ เขาก็เอามือถือมาวางใกล้ๆ แล้วพูดขึ้นว่า "ตั้งใจฟังนะ" แล้วเสียงเพลงๆ นี้ก็เริ่มขึ้นมา เรากับเขาต่างก็ฟังอยู่เงียบๆ จนมารู้ตัวอีกที เพลงจบไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ แล้วเขาก็กุมมือเราไว้แล้วบอกว่า                     "ขอโทษทีนะ ที่อยู่ด้วยแป๊ปๆ ก็ต้องไปอีกแล้ว สัญญาว่าจะกลับมาอีก"  ตัวเราก็คงทำอะไรไม่ได้นอกจากพยักหน้าแล้วก็เงียบไป แล้วเขาก็งึมงำอะไรทำนองว่า เพลงนี้มันเข้ากับชีวิตจริงของพวกเราจนน่าหัวเราะ แล้วเราต่างก็หัวเราะออกมาแห้งๆแล้วก็เงียบลงไป เพราะแม่งเอาเข้าจริง แม่งหน่วงหัวใจสุดๆ 

    เรื่องราวมันก็เท่านี้ล่ะ พอเข้าเช้าวันถัดมา ก็ต้องแยกย้ายกัน เราไปส่งที่สนามบิน แล้วขากลับก็มีเพลงนี้ติดหูไปจนถึงบ้าน ซึ่งหลังจากที่เราrepeat เพลงจนกว่าจะหายบ้าคิดถึงเขา ก็เอียนจนไม่กล้ากลับไปฟังเพลงนี้อีก ฟังทีไร เมื่อไหร่ ได้น้ำตารื้นทุกที น่าอายมากๆ เลยเลี่ยงไปและพยายามลืมเพลงนี้ไปเลย จนเพิ่งมาฟังอีกครั้งตอนเขียนบทความนี้แหละ 
    หวังว่าเราจะได้พบกันอีก (เร็ว ๆ นี้)

    ♪ Here I am waiting

    I'll have to leave soon
    Why am I holding on?
    We knew this day would come
    We knew it all along
    How did it come so fast?
    This is our last night but it's late
    And I'm trying not to sleep
    Cause I know, when I wake, I will have to slip away
    And when the daylight comes I'll have to go
    But tonight I'm gonna hold you so close
    Cause in the daylight we'll be on our own
    But tonight I need to hold you so close ♪


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in