มีรายการหนึ่ง ที่เราดูเพราะว่าป้าแนะนำมา เมื่อแม่ลองดูก็ชอบจนต้องดูทุกอาทิตย์ เราเองก็กลายเป็นว่ามาดูทุกอาทิตย์เป็นเพื่อนแม่ไปด้วย รายการนั้นก็คือ
"รู้ไหมใครโสด"
สำหรับใครที่ไม่รู้จักนะคะ รายการนี้เป็นรายการของช่อง One ออกอากาศทุกวันอาทิตย์เวลาประมาณสองทุ่ม(หลังข่าวพระราชสำนัก)ไปจนถึงประมาณสี่ทุ่มกว่า
รูปแบบรายการก็คือ เป็นรายการหาคู่ โดยแต่ละสัปดาห์จะให้คนโสด 1 คน มาเลือกคู่ โดยจะมีคนมาให้เลือก 5 คน (จากนี้จะเรียกว่า ปรัศนี) ใน 5 คนนี้ จะมีสถานะใดสถานะหนึ่งในสามสถานะนี้ คือ โสด มีเจ้าของ และไม่มองเพศตรงข้าม(อันนี้คือรายการปกติ ได้ยินว่ามีภาคพิเศษที่ให้คนเพศเดียวกันมาเลือกกัน ซึ่งถ้าเป็นเพศเดียวกันเลือกกันเอง สถานะนี้จะแปรเป็นอะไรก็ยังสงสัยอยู่) หนึ่งสถานะมีอย่างน้อยสุดหนึ่งคน และมีมากสุดได้สามคน ส่วนกติกาถ้าอยากชนะเกมก็คือ คนโสดจะต้องเลือกคนโสดให้ได้ จึงจะชนะ และรางวัลก็คือคนโสดอีกคน(อืม) และบัตรรับประทานดินเนอร์อาหารเย็น 1 มื้อ (อันนี้น่าสนใจ บางร้านอาหารที่จัดรางวัลมาให้นี่ น่าสนใจกว่าสัตว์สองเท้าบางคนอีก//สายกิน)
และเช่นเดียวกับที่ I can see your voice จัดผู้ช่วยให้ซุปตาร์ รู้ไหมใครโสดก็จัดผู้ช่วยให้คนโสดเช่นกัน โดยจะเลือกคนดัง 4 คนมาเป็นตัวช่วย คนสี่คนนี้ มีชื่อเรียกคือ กูรู
กติกาทั่วไป คือ รอบแรก คนโสดจะต้องคัดปรัศนีออก 1 คน รอบสองก็คัดออกอีก 1 คน ใครก็ตามที่ถูกคัดออกไม่ว่าในรอบใดจะต้องเปิดเผยธาตุแท้(ก็คือ สถานะ นั่นแหละ)ของตัวเอง ส่วนช่วงสุดท้ายจะเป็นช่วงคาดคั้น เอ้ย เขาเรียกว่า ช่วงตอบคำถาม ก็คือกูรูมาช่วยกันเค้นความจริงจากปรัศนีนั่นแหละ จากนั้นจะพูดคุยกับคนโสดอีกแปบนึง แล้วถามความเห็นกูรูแต่ละคนว่าเชียร์ใคร แล้วจึงให้ปรัศนีแต่ละคนออกมาพูดความในใจ(จริงหรือสคริปก็อีกเรื่อง) และให้คนโสดเลือกว่า จะไปดินเนอร์กับใคร หลังจากเลือกแล้วปรัศนีที่เหลือจะมาเผยธาตุแท้ทีละคน โดยคนที่ถูกเลือกจะเผยธาตุแท้คนสุดท้าย
ถ้าเลือกได้ ก็แฮ้ปปี้ ได้ว่าที่แฟน โน่นนี่นั่น ถ้าเลือกไม่ได้ ปรัศนีที่ถูกเลือกก็ได้บัตรรับประทานอาหารไป ส่วนคนโสดกลับบ้านคนเดียว และกูรูโดนทำโทษด้วยการต้องใช้ลิปสติกเขียนหน้า
อ่อ ส่วนที่ไม่ได้ระบุเพศน่ะ คือส่วนใหญ่คนโสดจะเป็นผู้หญิง หรือ สาวโสด ส่วนคนถูกเลือกเป็นผู้ชาย ค่ะ แต่ก็มีบางครั้งที่ให้ผู้ชายเป็นฝ่ายเลือกบ้าง
ถามว่า สนุกไหม ก็ รู้สึกดีตอนที่คนโสดเลือกว่าที่คู่ได้ มากกว่า แต่เรื่องตรงดราม่าของคนโสดนั้นน่ะ บางเรื่องก็หดหู่นะ แบบบางคนตั้งแต่เล็กต้องสู้ชีวิตเพราะพ่อแม่แยกทางกัน ชีวิตที่ผ่านมาเหมือนขาดความรัก ฟังแล้วแบบ โถ น่าสงสารจัง บางคนก็โชคร้าย รักกันมาอยู่ดีดี ผู้ชายเทเพราะโน่นนี่นั่น แหม น่าจับผู้ชายตัดหัวไปเลย (แรงไปหน่อย) บางคนก็เข้ามาเผยถึงความผิดหวังที่ฟังแล้วรู้สึกว่า เกิดขึ้นเพราะยังรักไม่เป็น เช่น ไปทุ่มเทให้เขามากกว่า ไปจ่ายเงินให้เขาหมดหน้าตัก(นั่นผู้ชายหรือแมงดา?) แต่ก็นะ ตอนรักนี่ คนเราคงไม่ตระหนักหรอกว่าตัวเองเบาปัญญามากเพียงใด นี่แหละ พิษร้ายของความรัก
อีกส่วนหนึ่งที่สนุกคือ ถ้อยคำบางคำของผู้ร่วมรายการที่ฟังแล้วรู้สึกว่าเห็นด้วย เช่น ตอนๆหนึ่งที่ปรัศนีเฉลยว่าตัวเองมีแฟน แล้วแฟนเขาก็เดินออกมา พิธีกรถามแฟนว่า "ทำไมรักผู้ชายคนนี้" แล้วผู้หญิงบอกว่า "เพราะเขาเป็น save zone ให้เราได้" ฟังแล้วจึ๊กมาก จริง ถ้าใครเป็นพื้นที่ปลอดภัยให้เรา เราคงรักเขามาก จริงๆน่ะแหละ
หรืออย่างอีกตอนหนึ่งที่พิธีกรถามสาวโสดว่าเหตุผลที่อยากมีแฟนคืออะไร แล้วเธอตอบประมาณว่า "เราอยากจะกลับบ้านแล้วเจอใครสักคนถามเราว่า เหนื่อยมั้ย"
...เออ ถ้ามี มันคงจะดีจริงๆนั่นแหละนะ
ความบันเทิงอีกเล็กน้อยคือได้เห็นปรัศนีหน้าตาดีค่ะ บางคนเดินออกมาแล้วหน้าตาคือ หล่อละลายไปเลย เจอแบบนี้ พอรู้ว่าโสด บางทีดีใจกว่าสาวโสดเลือกหนุ่มได้เสียอีก (โสดแล้วเรามีส่วนได้เสียไหม ก็ไม่) แต่ปรัศนีส่วนใหญ่ไม่ค่อยหล่ออะ ไม่รู้ทำไม...
นั่นคือส่วนดีของรายการนี้ ที่ดูแล้วได้แง่คิดหรือชุ่มชื่นหัวใจ มาถึงสิ่งที่เจอแล้วเบ้ปากกรอกตาเบาๆดูบ้าง
อย่างแรก พิธีกรจะ sensitive กับคำว่า "โสด" มาก พอใครบอกว่าโสดนานเกินหกเดือนขึ้นไป พิธีกรจะถามทันที "ทำไมโสดนานขนาดนั้นฮะ?" ได้ยินแล้วทำเอาคนที่ตลอดชีวิตไม่เคยมีแฟนต้องกรอกตา เบ้ปาก และถอนหายใจหนึ่งเฮือก ไอ้พวกภูมิต้านทานทางจิตใจน้อยเอ๊ย!!!
ประการต่อมา เราว่ารายการแบบนี้เอาเรื่องความรักมาทำให้ดูง่ายไปหน่อยอ่ะ แบบจู่ๆก็มาเจอกันในรายการและรักกันได้โดยไม่ต้องดูอะไรมากมาย มองตาสองสามที คุยกันสองสามคำ ไปกินข้าว โอเค ทุกอย่างลงตัว
ในมุมมองของหมอดู การที่เราจะคบใครเป็นแฟนเนี่ย นอกจากนิสัยที่ไปกันได้แล้ว ราศีก็ต้องไปกันได้ด้วย ถ้าคุณอยู่ราศีนี้ๆๆๆ คุณไม่ควรจะรักกับราศีนี้ๆๆๆ เพราะฉะนั้น แค่มองแปบเดียวแล้วคบ มันไม่ได้! มันต้องผูกดวงก่อนนนนน
แต่มันก็เป็นความเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่เชื่อก็ไม่ผิด ปล่อยแม่หมอพร่ำเพ้ออยู่กับหลักการของตัวเองบนคานไปก็แล้วกัน
สุดท้ายและท้ายสุด แม้รายการนี้จะดูเหมือนเป็นรายการที่ทำให้คนเหงาสองคนได้มาพบมารักกัน และเหมือนจะไม่มีอะไร แต่สิ่งที่น่าระวังซึ่งรู้สึกได้ก็คือ รายการนี้อาจทำให้คนดูหมกมุ่นเกินไปในประเด็นที่ว่า
"ความรักเป็นสิ่งสำคัญ และคนทุกคนเกิดมาเพื่อมีคู่"
ซึ่งมันไม่จริง!!!
มีหลายคนมาออกรายการด้วยเหตุผลที่ว่า ตัวเองจะสามสิบแล้วยังไม่มีแฟน แถมคนรอบข้างก็มีแฟนแต่งงานกันหมดแล้ว เป็นเรื่องที่น่าเป็นเดือดเป็นร้อน
สติค่ะ (ดีดนิ้วหนึ่งเป๊าะ)
จะบอกอะไรให้ ในสายงานกฎหมายของเรา และในสายงานการแพทย์ของเพื่อนเรา ผู้ชายไม่ค่อยโสด แต่ ผู้หญิงไม่มีแฟนกันเยอะมาก แล้วไม่ใช่อายุ 22, 23 แบบสาวรุ่น แต่ละคนนี่ สามสิบกว่าแล้วค่ะ บางคนก็ 40++ ก็ยังโสดกันอยู่ ถามว่า มีปัญหาแค่ไหน...ก็ไม่ได้หนักหนาอะไรนะ งานที่ทำยังปวดหัวมากกว่าเลย
ตอนที่คุยกับเพื่อนที่เป็นหมอถึงเรื่องความโสด เธอก็พูดออกมาประโยคหนึ่ง "Career first, right?"
"Absolutely, yes"
จริงอยู่ว่า เมื่อถึงจุดๆหนึ่งที่คนเราเหมือนจะมีทุกอย่าง เราจะรู้ได้เองว่าเราขาดอะไรไป แต่ในอีกมุมหนึ่ง ถ้าคุณพอใจกับชีวิตที่คุณมีอยู่ คุณจะหลับตาคว้าใครสุ่มสี่สุ่มห้าเข้ามาทำให้ชีวิตคุณพังมั้ย ไม่มีทางหรอก ยิ่งผู้หญิงที่มีหน้าที่การงานดี เช่น หมอ ผู้พิพากษา อัยการ โปรแกรมเมอร์ เขายิ่งมีตัวสกรีนคนที่เข้ามาในชีวิตมากขึ้น เพราะต้นทุนทางชีวิตที่มี มันล้ำค่าเกินกว่าที่จะเอาไปเสี่ยงกับความไม่แน่นอนหรือความเสียใจ
มันคือเรื่องปกติ
เพราะฉะนั้น อยากฝากไว้ตรงนี้เลยว่า ความโสดไม่ใช่คำสาป ตราบใดที่เรายังมีความสุขกับชีวิต ถ้าวันหนึ่งใครสักคนจะเดินเข้ามาเพื่อทำให้ชีวิตเรามีความสุขมากขึ้น มันก็ดี แต่ถ้าไม่มี มันก็ไม่ตาย ชีวิตไม่จำเป็นต้องมีคู่เสมอไป เราเป็นคน ไม่ใช่สัตว์ต่างๆอย่างกระต่าย จะได้เกิดมาเพื่อสืบพันธ์ุแล้วตายจากไป
จงอยู่กับตัวเองให้มีความสุข ใช้ชีวิตให้เต็มที่ ไม่มีแฟนก็มีความสุขและมีชีวิตที่สมบูรณ์แบบได้ จริงๆนะ
ถามว่า บ่นโน่นนี่นั่นแล้วยังดูรายการนี้อยู่ไหม ก็ดู (เออมันคือความเคยชินไปแล้ว) แม้จะเป็นการดูไปเล่นเกม/อ่านหนังสือไป อย่างน้อยช่วงสุดท้ายก็ยังเงยหน้าขึ้นมาลุ้นไปกับเขาว่า ตกลงสาวโสดสมหวังหรือไม่ คอยเอาใจช่วยให้ทุกคนได้พบความสุขจากความรัก
เป็นคนโสดที่ไม่พาล เราชอบเห็นคนรักกัน ใครรักกันแล้วมีความสุขเรามีความสุขไปด้วย
นอกจากนี้ ไม่รู้ทำไม อาทิตย์ไหนคนโสดเลือกคู่ได้ สัปดาห์ถัดไป(มันฉายวันอาทิตย์ ผลไปเกิดวันรุ่งขึ้น) เหมือนจะโชคดีในการงาน ส่วนอาทิตย์ไหนเลือกไม่ได้ สวดมนต์แล้วอาจต้องอธิษฐานเพิ่มหนักหน่อย
ส่วนอะไรไม่พึงใจจากรายการก็คิดเสียว่าเป็นสีสันของชีวิต คนเราจะฟังอะไรแล้วถูกใจทุกอย่างเป็นไปไม่ได้
แล้วถ้าถามว่า จากรายการนี้ รู้ไหมว่าใครโสด คำตอบคือ ไม่รู้ค่ะ!! ประเภทที่มองง่ายที่สุด คือไม่มองหญิง (เออ ท่าเขาออกน่ะ) แต่นอกนั้น ข้าพเจ้าจะไปตรัสรู้ได้ยังไงว่าท่านเป็นสถานะใด ถ้าท่านไม่บอกข้าพเจ้าเอง
เรื่องทันคนเก่งกับเขาซะที่ไหน
บางที นี่อาจเป็นปรัชญาเกี่ยวกับความรักจากรายการนี้ก็ได้ว่า การเลือกคู่ก็เหมือนเสี่ยงดวงอย่างหนึ่ง เราไม่รู้หรอกว่า เลือกแล้วจะถูกหรือผิด จะดีหรือร้าย เราก็แค่เลือกตามที่เราอยากจะเลือก ที่เหลือก็สุดแท้แต่เวรกรรม
สรุปแล้ว รายการนี้ก็เป็นรายการที่ไว้ดูเพลินๆได้แหละ เราว่าเจตนาตั้งต้นเขาดี ที่ต้องการช่วยให้คนสมหวังในรัก ถ้าใครชอบรายการแบบนี้ ก็ลองเปิดดูได้นะคะ
ส่วนเราก็ดูไปตั้งสติไปแบบนี้เนี่ยแหละ
สวัสดีค่ะ
ก่อนจบ ขออนุญาตประชาสัมพันธ์ เนื่องจากตั้งแต่ประมาณ 2 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นมา ทาง minimore เปลี่ยนรูปแบบเว็บใหม่ ผลที่เกิดขึ้นคือ งานเขียนเรา...ไม่มีคนอ่านเลย (คาดว่าหาเจอยาก)ตั้งแต่วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นไป เราจึงตัดสินใจกลับไปเขียนเรื่องราวในบล็อกเดิมของเราแทน คุณผู้อ่านที่ถูกจริตในงานเขียนของเรา สามารถติดตามไปอ่านได้ที่
ขอบพระคุณสำหรับการติดตาม และขอบคุณทาง minimore ที่ให้พื้นที่เราได้ขีดๆเขียนๆเรื่องราวตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in