เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
My First Storysleepy cat
ปัดฝุ่นปากกาหมายเลขสาม
  • ฟ้ามืดแล้ว แต่ยังไม่เห็นวี่แววว่างานของเขาจะจบสิ้น หากจะมีอะไรที่มืดดับไปในวันนี้แล้ว ก็น่าจะเป็นตัวเขาเองเสียมากกว่า

    เขาขยับแว่นตาที่เลื่อนหลุดลงจากดั้งเป็นรอบที่ร้อยของวันให้เข้าที่ บิดขี้เกียจไล่ความเมื่อยขบก่อนจะสบถอย่างขัดใจเมื่อมือไปปัดโดนกองแฟ้มประวัติผู้ป่วยที่ยังสรุปไม่เสร็จหล่นร่วงจากโต๊ะ จะเรียกว่ากองอาจไม่สมจริง ควรเรียกว่าภูเขาจะถูกกว่า เขาก้มลงเก็บปึกเอกสาร เหลือบไปเห็นว่าเป็นชื่อของผู้ป่วยที่คุ้นเคยก็หรี่ตาอย่างเหนื่อยหน่าย 

    กระดกกาแฟกระป๋องขึ้นซดอึกใหญ่ เมื่อคืนก็อยู่เวร รวมๆ ยี่สิบสี่ชั่วโมงมานี้แล้วน่าจะได้นอนไปราวๆชั่วโมงเศษๆ เรื่องอาบน้ำนั้นไม่ต้องถาม ได้แปรงฟันล้างหน้าก็โชคดีแล้ว ความหวังสุดท้ายที่จะได้นอนหมดไปกับป้ายสีแดงแปะภูเขาเอกสารแฟ้มผู้ป่วยที่รอการสรุปว่าส่งวันพรุ่งนี้ มือดึงหนังยางที่มัดกองเอกสารของคนไข้ที่คุ้นเคยออก พลิกดูตั้งแต่หน้าแรก ลายมือคุ้นเคยที่เขียนแอดมิท ลายมือของเขาเอง

    แค่นึกย้อนไปถึงวันนั้นก็เหนื่อยจนกุมขมับ วันนั้นเป็นวันห้องฉุกเฉินแตก รถมอเตอร์ไซด์ชนกับรถกระบะ เปลอัดกันเต็มห้องแทบไม่มีที่ว่างให้เดินเข้าไปตรวจ ต้องขอบคุณงานที่ยุ่งจนแทบไม่ได้กินข้าวไม่เช่นนั้นคงไม่ผอมจนเดินแทรกเข้าไปตรวจระหว่างเปลได้แม้ใช้ชีวิตทำงาน-กิน-นอนเป็นวงจรอยู่อย่างนี้ ราวกับจะยุ่งไม่พอ นอกจากเคสอุบัติเหตุที่ต้องใส่ท่อช่วยหายใจก็ยังมีคนไข้เปลนอนเข็นเข้ามาเงียบเชียบแต่ไม่มีชีพจรให้ต้องทำ CPR ยังไม่นับเคสเด็กน้อยเป็นไข้ คนเป็นหวัด ปวดหัว ปวดท้อง และอื่นๆ อีกมากมาย วันนั้นเขาตัดสินใจตะโกนขึ้นกลางห้องฉุกเฉินยามตีหนึ่งว่าคนไข้ที่ยังลุกเดินได้นั่งได้รอตรวจอีกสามชั่วโมง และค้นพบว่ามีสเตตัสตั้งด่าเขาในเฟซบุ๊ควันรุ่งขึ้น ซึ่งกว่าจะได้เห็นเขาก็เหนื่อยเกินกว่าจะใส่ใจแล้ว

    เขาถอดแว่นออกวางไว้ข้างโต๊ะ เทน้ำในขวดข้างๆ ใส่มือมาลูบหน้ากลับมาจดจ่อกับปึกเอกสารตรงหน้าอีกรอบ หญิงไทยคู่วัยกลางคน ไม่ทราบโรคประจำตัวมาด้วยภาวะซึมหมดสติ ถูกเข็นเข้ามากองท่ามกลางความวุ่นวายที่ว่า พร้อมลูกสาวที่พูดจาแทบไม่รู้เรื่องให้ข้อมูลอะไรแทบไม่ได้ ตรวจร่างกายพบว่าแขนขาด้านหนึ่งอ่อนแรง รูม่านตาข้างหนึ่งไม่ตอบสนองต่อแสงเขานั่งมองลายมือตวัดยุ่งเหยิง อ่านออกตัวอักษรหัวท้าย on ETT, CT brainnon contrast อะไรอีกก็อ่านออกบ้างไม่ออกบ้างแล้ว ผล CT แม้แต่นักศึกษาแพทย์ปีสี่ยังตอบได้ เลือดออกในสมอง สงสัยจากภาวะความดันโลหิตสูง ลายมือยุ่งเหยิงขยุกขยิกต่อไป พิจารณาส่งตัวรับการผ่าตัด อธิบายแล้วแต่ลูกสาวปฏิเสธ กรณีซ้ำเดิมมีให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง ส่งขึ้นหอผู้ป่วยอายุรกรรม

    ลายมือวันถัดมาเป็นของเขา ผู้ที่ลงเวรดึกแล้วขึ้นไปราวน์ต่อ ความดันโลหิตเริ่มลดลง ความรู้สึกตัวยังเท่าเดิม ที่เพิ่มเติมคือญาติลูกชายลูกสาวจากแดนไกลที่พร้อมใจกันแสดงกตัญญูกตเวทิตากันอย่างพร้อมเพรียง ยืมล้อมเขาไว้พร้อมถามว่าทำไมไม่ส่งต่อผู้ป่วย ทำไมไม่เจาะเลือดจากปลายนิ้วและติ่งหู และอื่นๆ ผู้ที่เงียบกริบที่สุดคือลูกสาวที่มาพร้อมกับคนไข้ยืนอยู่รอบนอกสุดของวง และเป็นผู้เดียวที่คอยเฝ้าไข้แม่อย่างเงียบเชียบทุกครั้งในทุกวันต่อจากนั้นหลังจากที่พี่ๆน้องๆ คนอื่นหายไปและไม่กลับมาอีกเลย ซึ่งก็เป็นเรื่องซ้ำซากจำเจเช่นเดียวกับอาการของผู้ป่วยที่แทบจะทำนายได้ ลายมืออ่านแทบไม่ออกเขียนความเปลี่ยนแปลงในช่องบันทึกอาการและช่องสั่งการรักษา ไข้ขึ้น เสมหะเขียว เอกซเรย์ปอด ปอดอักเสบ พิจารณาเจาะคอ ญาติปฏิเสธ คุยซ้ำ ปฏิเสธวนซ้ำไปสามสี่รอบกว่าญาติจะยินยอม ไข้ยังขึ้น ปัสสาวะในสายสวนขุ่น และอื่นๆ อีกมากมายที่พึงจะพบได้ในคนไข้กลุ่มนี้ เขานั่งแกะลายมือเพื่อนร่วมรุ่นบ้าง ตัวเองบ้าง นั่งใส่รหัสให้การรักษาไปทีละตัวๆ

    เปิดไปอีกสิบกว่าหน้า ไข้ขึ้น-ไข้ลง-พิจารณากลับบ้าน-ญาติไม่พร้อม เขายังจำได้ถึงสายตาของลูกสาวยามที่แจ้งเรื่องการเตรียมตัวนำผู้ป่วยกลับบ้าน สายตาแห้งแล้งเหนื่อยล้าแต่ไม่มีคำพูด สามวันผ่านไป เธอไปเรียนการทำอาหารปั่น การพลิกตัว การเตรียมบ้าน เขาภาวนาให้ป้าไม่มีไข้อีก ทุกครั้งที่เดินผ่านเตียง เห็นแต่สายตาที่จ้องมองเลื่อนลอยใบหน้าครึ่งล่างซ่อนอยู่ภายใต้หน้ากากอนามัยที่ใส่กลับด้าน วันที่จะส่งป้ากลับบ้าน ใบหน้าครึ่งล่างของเขาเองก็ซ่อนอยู่ภายใต้หน้ากากอนามัยเช่นกัน ปฏิเสธไม่ได้ว่าส่วนหนึ่งคือเพื่อซ่อนความดีใจอยู่ลึกๆ ที่ทำให้ผู้ป่วยเรื้อรังกลับบ้านได้เสียที เตียงว่างลงอีกเตียงหนึ่ง แต่โชคไม่ดีนัก ไม่ทันข้ามวัน ป้ากลับมาอีกครั้ง ไข้ขึ้นสูงอีกรอบมาพร้อมลูกสาวที่ร้องไห้ฟูมฟาย ส่งกลับขึ้นหอผู้ป่วยเดิมเนื่องจากออกจากโรงพยาบาลไม่ถึงหกชั่วโมง เขาซ่อนสีหน้าเหนื่อยหน่ายไว้ภายใต้หน้ากากอนามัยขณะรับเคสอีกครั้ง หลังจากนั้น ก็เป็นเรื่องเดิมๆ ลูกสาวไม่ยอมนำป้ากลับบ้านอีกแล้ว เขาสวมหน้ากากอนามัยเดินราวน์ผ่าน ไข้สูงเช่นเดิม คำสั่งการรักษาเดิม จนกระทั่งวันหนึ่ง หัวใจของป้าก็เหนื่อยหน่ายจนสุดทนกับความซ้ำซาก ชีพจรค่อยๆ ยืดออก เขามองสายตาไร้แววของป้า สายตาคู่นั้นเลื่อนลอยมานานแล้ว หันไปอธิบายกับลูกสาวภายใต้หน้ากากอนามัยว่าจะไม่ทำการเจาะเลือดรบกวนใดๆอีก นอกจากให้มอร์ฟีนเพื่อลดอาการหายใจเฮือก ดวงตาอิดโรยเหนือหน้ากากอนามัยตอบรับอย่างเลื่อนลอย แต่ดูจะเห็นความโล่งใจขึ้นมาวูบหนึ่งก่อนจะดับไปอย่างรวดเร็วเหมือนไม่เคยมีอยู่ 

    ป้าจากไปในคืนนั้น ผ่านมาร่วมสัปดาห์แล้ว ป้ากลับมาอยู่กับเขาอีกครั้งในรูปแบบของเอกสารกองโตพร้อมคำกำกับให้รีบล่ำลาให้เสร็จก่อนวันพรุ่งนี้

    เขาขยี้ตา ก่อนจะหยิบแว่นตาขึ้นมาใส่อีกครั้ง หางตาเหลือบไปเห็นร่างไหวๆในหน้ากากอนามัย สิ่งที่สะดุดตาในวูบหนึ่งนั้นคือแววตาเหนือหน้ากาก เหนื่อยล้าอิดโรย ซึ่งหายไปอย่างรวดเร็วเมื่อสวมแว่นตาและกระดกกาแฟอีกอึก

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in