เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
My First Storyaliceswolf
(รีวิว) Stray Kids UNVEIL TOUR ‘I am…’ in Bangkok 2019
  • บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา 2737110 สังคีตนิยม (Music Appreciation)


    ในฐานะติ่งเกาหลีนางหนึ่งที่ผ่านการเปลี่ยนด้อมและเมนมาก็มากอยู่แต่ด้วยความที่ตั้งแต่มีโควิดมา คอนเสิร์ตนี้คือการแสดงครั้งล่าสุดที่ได้เข้าร่วม (ใช่แล้วแม้คอนเสิร์ตออนไลน์ก็ไม่ได้ดู ;-;) จำได้เลยว่าซื้อบัตรคอนเสิร์ตตอนนั่งในรถขากลับจากไปเยี่ยมบ้านยายที่ขอนแก่นมา ด้วยความที่ซื้อบัตรต่อจากคนอื่นอะเนาะก็อยากรีบซื้อกลัวจะมีคนชิงซื้อตัดหน้าไปเสียก่อน รถโคลงเคลงจนต้องเมื่อยตาจ้องโทรศัพท์แค่ไหนก็ไม่หวั่นรู้แค่ว่าวินาทีนั้นฉันต้องได้บัตร!! แต่เอาล่ะ บทความนี้จะพูดถึงเวิลด์ทัวร์ครั้งแรกของ ‘เด็กหลง’ ที่ประเทศไทยคือผู้ถูกเลือกให้เป็นที่แรกกัน


    ก่อนจะมี Stray Kids นั้น สมาชิก 3 จาก 8 คน (เดิมมี 9 คนแต่ออกจากวงไปด้วยเหตุผลส่วนตัว) คือ บังชาน ชางบิน และฮัน ได้ตั้งยูนิตภายใต้ชื่อ 3RACHA และออกเพลง Original ลงเว็บไซต์ฟรีสตรีมมิ่งชื่อดังอย่าง Soundcloud [https://soundcloud.com/3RACHA] ตั้งแต่เดือนมกราคมปี 2017 จากนั้นปีเดียวกันเดือนตุลาคม รายการ Reality survival ที่ชื่อเดียวกับวง ‘Stray Kids’ ก็เริ่มฉายเพื่อเรียกฐานแฟนคลับและได้เผยให้เห็นอุปสรรคความยากลำบากต่าง ๆ จนท้ายที่สุดก็ได้เดบิวต์มาเป็น Stray Kids ที่น่าภาคภูมิใจจนถึงทุกวันนี้ โดยรวมแล้วแนวเพลงคือ Hip hop, Rap, Trap, Dance, Electronic, R&B ซึ่งมี 3RACHA เป็นเสาหลักในการสร้างสรรค์ทุกเพลงทุกอัลบั้ม


    คอนเสิร์ตจัดเมื่อวันเสาร์ที่ 19 มกราคม 2019 ณ Thunder ​Dome เมืองทองธานี ความจุประมาณ 4,000 คน ส่วนตัวเป็นคนที่ชอบไปหน้าคอนเสิร์ตตอนช่วงบ่าย ๆ อยู่แล้วครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน เราไปถึงหน้างานประมาณบ่ายแก่แต่คนก็เริ่มมากันประมาณนึงแล้ว ซึ่งเหตุผลก็คือการมาแจกของและจับของแจกในหมู่แฟนคลับกันเองหรือที่ชอบเรียกว่า Giveaway นั่นเอง เราของเดาเอาเองว่าธรรมเนียมการชอบแจกนี้มาจากเกาหลีนี่แหละ เพราะเคยเห็นในทวิตเตอร์ว่าที่นั่นมีเวลามีคอนเสิร์ตก็จะมีการทำ Giveaway ด้วยเหมือนกัน การแลกเปลี่ยนของ Giveaway เป็นไปอย่างคึกคักจนเห็นการต่อแถวรับของอยู่หลายแถว แม้คนจะเยอะแต่ทุกอย่างก็เป็นไปด้วยความเรียบร้อย โชคดีที่เป็นเดือนมกราคมอากาศประเทศใน ณ ตอนนั้นเลยยังไม่ร้อนเท่าไหร่ (แต่ฝุ่น PM 2.5 ก็ตามสภาพหมอกเลยจ้ะ) ยิ่งเวลาผ่านคนก็ยิ่งเยอะขึ้นจนบรรยากาศก็พาตื่นเต้น จนกระทั่งได้ยินเสียงประกาศให้สามารถมาต่อแถวเตรียมเข้าฮอลล์ได้ทุกคนก็ไปตาม Gate ฝั่งที่นั่งตัวเอง วินาทีที่ผ่านประตูเข้าไปแล้วลมเครื่องปรับอากาศสัมผัสกับผิวพร้อมกับเวทีและสกรีนจอใหญ่ที่เห็นตรงหน้าทำให้ความเอือดจากการรอคิวต่อแถวนั้นหายเป็นปลิดทิ้ง


    (ขออภัยที่รูปหมุนแต่เราแก้ไม่เป็นเลยขอยาสแปะลิงค์รูปเผื่อใครอยากดูข่ะ.. https://imgur.com/vSuKQj0) 

    เวลาที่จัดแสดงทั้งหมด 19 เพลงรวมช่วงเบรกพูดคุยด้วยแล้วเป็นเวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่งซึ่ง Setlist เพลงมีดังนี้

     

    1. Hellevator

    2. BEWARE (Grrr)

    3. Awaken

    4. District 9

    5. Mirror

    6. WHO? 

    7. Insomnia 

    8. Voices 

    9. My Pace  

    10. YOU 

    11. My Side

    12. I am YOU 

    13. 4419 

    14. GLOW

    15. School Life

    16. Awkward Silence

    17. Get Cool

    18. YAYAYA

    19. Grow up



    ส่วนเพลงที่จะพูดถึงนั้นขอเริ่มด้วย Hellevator ซึ่งเป็นเพลงแรกของการแสดงนี้และเป็นเพลงที่ทำให้เรารู้จัก Stray Kids



    *เพื่อไม่สับสนจึงขอแบ่งเป็นข้อ ๆ เพื่ออธิบายแต่ละส่วน

    หลังจากคลิปแนะนำสมาชิกจบลงก็ต่อด้วยดนตรีแนว Hip hop ที่ให้ความรู้สึกหนักแน่นและยิ่งใหญ่ซึ่งช่วยขับให้ท่าเต้นนั้นแข็งแรง ทรงพลัง จากนั้นจึงเข้าสู่เพลง Hellevator 


    1. ส่วนแรกของเพลงเริ่มด้วยเสียงเปียโนกับเสียงร้องที่ให้ Texture เป็น Homophony 

    2. หลังจบ Transition ก็ต่อด้วย Rap ให้ความรู้สึก Polyphonic texture จากองค์ประกอบ 3 อย่าง

      คือ เสียง Rap, เสียงเปียโนที่เล่น Melody เดิมซ้ำ ๆ และเสียงสังเคราะห์ที่ดู Glitchy และ Alien

    3. จากนั้นกลับมาใช้ดนตรีเดิมเนื้อร้องเดิมแต่เพิ่มเนื้อเพลงอีกสอง Verse และเพื่อเข้า Chorus 

      จึงใช้เสียง Tick มาช่วยโดยเริ่มจากจังหวะช้าแล้วเร็วขึ้นเพื่อ Build up อารมณ์

    4. ต่อด้วย Chorus ที่มี Melody หนึ่งวงซ้ำ ๆ พร้อมกับเสียง Glitchy/A lien ที่เคยใช้จากข้อ 2 

      และร้องว่า I’m on a Hellevator สลับกับ My Hellevator จนจบส่วนนี้ อีกสิ่งหนึ่งที่เด่น

      คือเสียงที่ใช้เป็น Percussion เพราะหากดู Performance ไปด้วยจะเห็นว่า

      จังหวะที่ลงไว้จะเข้ากับท่าเต้นพอดี

    5. เป็น Rap ที่ใช้ทำนองเดิมกับ Rap ครั้งแรกแตกต่างนิดหน่อยตรงที่มี Transition 

      ในการเปลี่ยน Rapper คือไม่มีดนตรีไม่ทำนองเลยแล้ว ​Rapper คนใหม่จึงเริ่มท่อนของตัวเอง

    6. หลังจากนั้นเป็นส่วนที่ซ้ำกับข้อ 3 และ 4 ตามลำดับ (หรือก็คือ Pre-chorus -> Chorus)

    7.  Bridge ของเพลงนี้เป็น Rap ล้วน 3 คนติดต่อกัน จากดนตรีทำให้มีลักษณะ Homophonic 

      texture เพราะมีเสียงที่เด่นมาเสียงหนึ่งมี Effect ที่ดูใสกังวานเล่น Melody เดิมซ้ำ ๆ

    8. จบเพลงด้วยส่วนที่เกือบจะเหมือน Chorus เป๊ะแต่ดูเป็น Extended verison เพราะยาวกว่า

      และมีช่วงเว้นก่อนขึ้นเสียงร้องมากกว่า นอกจากนี้ยังทำให้ดูเป็นการจบแบบ Resolvement



    ต่อไปจะเป็นเซ็ต 3 เพลง 3 ยูนิต มาจาก Mission ในรายการ Stray Kids



    เพลงลำดับแรกสุดคือ 4419 (วินาที 0.00-1.34) เริ่มด้วยท่อนร้องที่มีการใช้เสียงอิเลคโทนที่มีความสั่นเล็กน้อยให้ Homophonic texture นอกจากนี้ยังสังเกตได้ว่ามีเสียงเครื่อง Percussion ค่อนข้างเด่นตลอดทั้งเพลงช่วยขับเน้นจังหวะ Andante ของเพลง ส่วน Chorus นั้นมี 1 เสียงร้องหลักและมีอีกคนร้อง Support ด้วยการร้อง Harmony


    ลำดับต่อไปคือ Glow (วินาที 1.40-3.30) เริ่มด้วยการร้องที่มีเปียโน Support เสริมเล็กน้อย จากนั้น Rap ไปเรื่อย ๆ ด้วยดนตรีที่ Build up จนเข้า ​Chorus เมื่อจบ Chorus ก็กลับไปซ้ำกับท่อนเดิมก่อนหน้านั่นคือท่อนร้องพร้อมเสียงเปียโนซึ่งเป็น Homophony ที่รู้สึก Simple และ Minimal ภาพรวมของเพลงนี้ให้ความรู้สึกเศร้า บวกกับดนตรีที่เบาบางสลับกับเข้มข้นซึ่งค่อนข้างแตกต่างกันทำให้เกิดความรู้สึกว่าต้อง Focus เพลงงนี้โดยอัติโนมัติ


    และสุดท้ายคือ School Life (ตั้งแต่วินาที 3.33) มีกลิ่นของความเป็น Trot หรือลูกทุ่งจากเสียงอิเลคโทนที่เหมือนใช้เทคนิค Glissando ผสมกับการเปลี่ยนโน้ตที่สูงต่ำ Contrast ต่างกันมาก เป็นความตั้งใจของฮันที่ต้องการให้ออกมามีความเป็นลูกทุ่งผสมอยู่ด้วยเพราะหนึ่งในทีมยูนิตที่ชื่อไอเอ็นนั้นชอบร้องเพลง Trot อยู่แล้วและส่วนที่อยู่ในรายการฮันรู้สึกว่าไอเอ็นน่าเป็นห่วงจึงเลือกสร้างเพลงให้ตรงกับความชอบเพื่อให้แสดงได้อย่างผ่อนคลายและสนุกสนาน


    note: ทั้ง 4 เพลงนี้ล้วนทั้งเป็นเพลงในช่วง Pre-debut ก็คือช่วงมีรายการ Stray Kids นั่นเอง เหตุผลที่เลือกมาเพราะเกิดจากความรู้สึกก่อนว่าตอนไปหาคลิป Fancam ในยูทูปเพื่อรื้อฟื้นความทรงจำมาเขียนบทความนี้คือฟังแล้วขนลุกบางทีแอบขอบตาร้อนอีกหนึ่งเลยมานั่งตกตะกอนได้ระหว่างเขียนบทความนี้ว่าช่วง Pre-debut ของ Stray Kids เป็นช่วงที่เราอินและผูกพันธ์กับวงมากที่สุดแล้วจริง ๆ เหมือนพอเราเห็นเค้ามาตั้งแต่เริ่มจนมาถึงจุดที่มีเวิลด์ทัวร์เป็นของตัวเองได้แล้วเรารู้สึกยินดีและภูมิใจในตัวเค้ามาก ๆ เลย


    .

    .


    ส่วนสุดท้ายคือยังมีความไม่ประทับใจที่เกิดขึ้นมีอยู่ข้อเดียวเลยคือไม่เริ่มแสดงตามเวลาที่แจ้ง  บนบัตรคอนเสิร์ตแจ้งไว้ว่าเริ่มหารแสดงตอน 6 โมงแต่จำได้ว่าตอนนั้นกว่าจะเริ่มเวลาก็ล่วงเลยไปกว่าครึ่งชั่วโมงเลยทีเดียว (ขอนอกเรื่อง) จริง ๆ ไม่ใช่แค่กับคอนเสิร์ตครั้งนี้ด้วย ส่วนตัวเคยไปคอนเสิร์ตศิลปินเกาหลี 7 ครั้งถ้วนซึ่ง 6 ใน 7 นั้นล้วนเริ่มแสดงไม่ตรงเวลาเลย ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่หวังว่าครั้งหน้าจะปรับปรุงแล้ว T-T


    อย่างไรก็ตามเราก็สนุกกับคอนเสิร์ตครั้งนี้มากและก็ยังเป็นความทรงจำอันล้ำค้าของเราอีกก้อนหนึ่ง ส่วนปัจจุบัน (ปี 2022) เหล่าเด็กหลงของเราก็ได้ประกาศเวิลด์ทัวร์ ครั้งที่ 2 โดยมีชื่อว่า ‘Stray Kids 2nd World Tour “MANIAC”’ เป็นที่เรียบร้อย *แต่แค่ในภูมิภาคอเมริกาเหนือนะ* เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าอีกไม่ช้าจะมีชื่อประเทศอื่น ๆ รวมถึงประเทศไทยเราได้เป็นส่วนหนึ่งของทัวร์ครั้งนี้ให้ได้กลายเป็น World Tour อย่างสมบูรณ์ 


    ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in