ทดลองอ่านฟรี
?
เล่มที่1 บทที่1 ไร้ยางอายนัก?
รัชศกไท่เยี่ยนรัชกาลหมิงเจิ้งปีที่สิบ กลางเดือนห้า
ในหมู่บ้านชิงอวี่ค่อนไปทางตอนเหนือของอำเภอฉางขุย อากาศร้อนอบอ้าว ทุ่งนาเขียวขจี เมล็ดรวงข้าวสาลีอวบอิ่ม ขณะก้มหน้าก้มตา รอเพียงถึงเดือนหก ฤดูร้อนนำพาผลผลิตอุดมสมบูรณ์สีทองอร่ามมาเยือน
บุรุษในหมู่บ้านล้วนเตรียมตัวเพื่อฤดูกาลเกษตรในเดือนหน้า คนในตระกูลอวี๋ก็ยุ่งวุ่นวายอยู่กับการเตรียมกระบุงทำจากหวายเพื่อบรรจุธัญญาหารเช่นกัน หลังจากฮูหยินเฒ่าอวี๋จัดแจงกระบุงสานจากหวายในมือเสร็จเรียบร้อยจึงเหลือบมองไปทางเรือนฝั่งตะวันออก เอ่ยถามสะใภ้สามแซ่จ้าวว่า “คนผู้นั้นที่อยู่ในเรือนฝั่งตะวันออกหมดลมแล้วหรือยัง? หากหมดลมแล้ว บอกให้สะใภ้รองรีบเอาเสื่อชำรุดม้วนร่างแล้วไปโยนไว้บนเขา จะได้ไม่ส่งกลิ่นอายอัปมงคลอยู่ในเรือน!”
ครั้นแซ่จ้าวได้ยินแล้ว สีหน้านางไม่ค่อยน่ามองนัก แค่นเสียงเย็นหนึ่งเสียง “นางช่างดวงแข็งเสียจริง เมื่อเช้าข้าแอบเข้าไปมองดูอยู่ครู่หนึ่ง นางยังหายใจอยู่เสียด้วยซ้ำ ยังไม่ตาย!”
กล่าวจบ นางใช้มือสานหวายเส้นหนึ่งอย่างแรง เอ่ยพลางขบเขี้ยวเคี้ยวฟันว่า “โชคดีที่เจ้าสี่ในเรือนของพวกเราเป็นคนประพฤติตัวตามทำนองคลองธรรม ไม่เกิดเรื่องวุ่นวายอะไรขึ้นมา ไม่เช่นนั้น...”
ทันใดนั้นกดเสียงต่ำ ยังคงเผยสีหน้าขุ่นเคืองดังเดิม “ต่อให้สะใภ้รองอยากเสริมเรื่องมงคลเพื่อขจัดเสนียดจัญไร แต่ก็ไม่ควรเอาผู้ที่มีมลทินเข้ามาในเรือน เกือบจะทำร้ายเจ้าสี่ของสกุลเราเสียแล้ว”
ใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยของฮูหยินเฒ่าอวี๋ฉายแววดุดัน “ไม่ต้องไปสนใจว่ายังจะมีชีวิตอยู่หรือไม่ คนผู้นี้ สะใภ้รองจงเลิกคิดจะเก็บเอาไว้อีกต่อไปเถิด!”
สองสามีภรรยาคนโตที่อยู่ด้านข้างต่างก้มหน้าก้มตาทำงานในมือของตน ไม่กล้าเอ่ยสิ่งใดมากความ
ภายในเรือนฝั่งตะวันออก หลัสะใภ้รองแซ่ซ่งป้อนยาอวี๋เมิ่งซานเสร็จเรียบร้อย นางมองสำรวจบาดแผลบนขาซ้ายของสามีตนอย่างระแวดระวัง ครั้นพบว่าปากแผลไม่มีเลือดไหลซึมออกมาหรือเน่าเปื่อยถึงวางใจ เพียงแต่ใบหน้ายังคงฉายแววเป็นกังวล
อวี๋เมิ่งซานซับยาตรงมุมปากแล้วส่งผ้าเช็ดหน้าให้สะใภ้แซ่ซ่ง เอ่ยถามออกเสียงว่า “แม่หนูตระกูลเมิ่งผู้นั้นเป็นอย่างไรบ้าง?”
สะใภ้แซ่ซ่งถอนหายใจ เอ่ยเสียงเบาเพราะเกรงว่าบุตรชายที่กำลังอ่านตำราอยู่ในห้องจะได้ยินเข้า “บ้านสามลงมือโหดเหี้ยมเพื่อจิ่นเหยียน ขาทั้งสองข้างของแม่นางผู้นั้นถูกตีจนเลือดไหลออกมาเป็นสาย ท่านพ่อสั่งให้ส่งไปไว้ในห้องเล็กแล้วเจ้าค่ะ ไม่ให้ผู้ใดไปเยี่ยม อีกทั้งยังไม่ยอมให้รักษานาง ความหมายของฮูหยินเฒ่าคือรอให้นางสิ้นลมแล้วใช้เสื่อชำรุดม้วนร่างไปโยนไว้บนเขาเจ้าค่ะ!”
อวี๋เมิ่งซานเอ่ยอย่างค่อนข้างร้อนใจหลังได้ฟัง “เช่นนั้นจะ...” กล่าวยังไม่ทันจบ เพราะลมปราณแปรปรวน ทันใดนั้นก็ไอโครกออกมาอย่างรุนแรง สะใภ้แซ่ซ่งรีบเข้าไปช่วยลูบหลังให้เขาผ่อนคลายลง
อวี๋เมิ่งซานเอ่ยด้วยน้ำเสียงค่อนข้างแหบพร่า “เช่นนั้นจะไปรอดได้อย่างไร? ไม่ว่าอย่างไรก็เป็นชีวิตคนผู้หนึ่ง ถึงอย่างไรก็เป็นเพราะต้องเสริมเรื่องมงคลให้ครอบครัวรองถึงได้ทำร้ายแม่นางของตระกูลอื่น...”
เขาถอนหายใจ เอ่ยต่อไปว่า “เจ้าไปเถิด ไปดูแม่นางเมิ่งผู้นั้นสักหน่อย หากฟื้นแล้วก็เอาอาหารไปส่ง อย่าได้ทำร้ายหนึ่งชีวิตเข้าจริงๆ ”
ใบหน้าของสตรีแซ่ซ่งเผยความลำบากใจ หากนางไปเยี่ยม เมื่อฮูหยินเฒ่าอวี๋รู้เข้า เกรงว่าคงบันดาลโทสะใส่นางอีกยกหนึ่ง
ทว่านางยังคงขานรับ “ได้ ข้าจะไปดูสักหน่อย”
ขณะสะใภ้แซ่ซ่งกำลังจะเดินออกไป ร่างแลดูอ่อนแอและซูบผอมของคนผู้หนึ่งก็เดินออกมาจากข้างใน แสงภายในห้องไม่สว่างมากนัก ทว่าใบหน้าสะอาดสง่างามของชายหนุ่มยังคงขาวบริสุทธิ์ แต่ว่านั่นเป็นสีหน้าขาวซีดที่เกิดจากการล้มป่วยมานานปี
“ข้าจะไปเอง” น้ำเสียงของชายหนุ่มเย็นชา ไม่ช้าไม่เร็ว ให้ความรู้สึกเย็นชืดเช่นม้วนตำราโบราณ
สตรีแซ่ซ่งและอวี๋เมิ่งซานต่างพากันตะลึงเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าบุตรชายเอ่ยผู้วาจาน้อยนิดต่อแม่นางเมิ่งมาโดยตลอดจะเป็นฝ่ายต้องการไปเยี่ยมนางเช่นนี้
อวี๋เมิ่งซานได้สติกลับมาก่อน มองบุตรชายที่ร่างกายอ่อนแอของตนแล้วเอ่ยว่า “ฉี่เจ๋อไปก็ดีเช่นกัน เจ้าก็เอาของกินพวกนี้ไปให้แม่นางเมิ่งด้วย”
เขาชี้ไปยังขนมรังนกในชามตรงหัวเตียง นี่คือของกินที่อวี๋เมิ่งซานตั้งใจเหลือเอาไว้หลังจากทานอาหารเช้า
อวี๋ฉี่เจ๋อเดินไปข้างเตียงอย่างเชื่องช้า คว้าเอาขนมรังนกในชามมาซ่อนไว้ในชายแขนเสื้อแล้วเดินออกไปข้างนอก ถึงแม้ร่างกายจะอ่อนแอเพราะอาการป่วย แต่ยามเขาย่างก้าว แผ่นหลังกลับตั้งตรงดุจต้นไผ่หยก เหยียดตรงเป็นพิเศษ
สะใภ้แซ่ซ่งมองแผ่นหลังบุตรชายของตน เอ่ยเสียงเบาว่า “ภายในใจฉี่เจ๋อคงไม่ได้ถือโทษแม่นางเมิ่งแล้วกระมัง?”
อวี๋เมิ่งซานส่ายหน้า “ข้าดูแล้วไม่ใช่ นิสัยของเขาเย็นชาเกินไป ไม่มีความรู้สึกอะไรต่อแม่นางเมิ่งเลยแม้แต่นิด ไม่ได้ใส่ใจแม้แต่น้อย ความคิดถือโทษโกรธเคืองจะมาจากที่ใดกัน?”
อวี๋ฉี่เจ๋อถือขนมรังนกมาถึงห้องเล็กตรงมุมเรือนตะวันออก เดิมทีห้องเล็กนี้เป็นห้องหุงต้ม แต่เพราะภายหลังสร้างห้องหุงต้มใหม่ ห้องหุงต้มเล็กนี้จึงถูกปล่อยว่าง หลังจากขุดเอาเตาออกไป จึงใช้เก็บข้าวของเบ็ดเตล็ด ถือเสียว่าเป็นห้องเก็บฟืน
อวี๋ฉี่เจ๋อผลักประตูไม้ของห้องเก็บฟืนเล็ก ฝุ่นผงลอยฟุ้ง เขาใช้ชายแขนเสื้อพัดไล่พลางขมวดคิ้วเล็กน้อย ปรายตามองหยากไย่ตรงมุมประตูแล้วค้อมกายเข้าไปในห้องเล็ก
อวี๋เจียวที่นอนอยู่ภายในห้องเล็กเพิ่งจะรู้สึกตัว ทว่าดวงตาไม่ต่างอะไรกับถูกทากาว ไม่ว่าทำอย่างไรก็ไม่อาจเปิดเปลือกตาขึ้นมาได้ ขณะสะลึมสะลือนางรับรู้เพียงทั้งร่างเจ็บปวดไปหมด โดยเฉพาะหน้าอกและขาทั้งสองข้าง ราวกับเพิ่งผ่านอุบัติเหตุทางรถยนต์ครั้งใหญ่มา นอกจากนั้นเบื้องล่างของร่างกายยังทั้งแข็งทั้งเย็น จมูกได้กลิ่นเชื้อราตลบอบอวลไปทุกแห่ง
แสงสว่างที่สาดส่องเข้ามาอย่างฉับพลันทำให้อวี๋เจียวลืมตาขึ้น ภายในสายตาของอวี๋เจียวปรากฏแผ่นหลังทอแสงเป็นประกายและใบหน้าหล่อเหลาดุจหยกเจือกลิ่นอายบัณฑิตหลายส่วน นางพบว่าชายคนนี้สวมชุดสีเขียวแขนยาว ชายแขนกว้าง คอเสื้อทาบไปทางด้านขวา ภายในดวงตากระจ่างแจ้งของนางฉายแววสงสัย นี่มันอะไรกัน? หรือว่าอยู่ในความฝัน?
อวี๋ฉี่เจ๋อเห็นอวี่เจียวฟื้นแล้ว เขาไม่ได้ส่งเสียง หยิบขนมรังนกออกมาจากชายแขนเสื้อแล้วส่งให้อวี๋เจียว
อวี๋เจียวมอง 'เจ้าก้อน’ ดำๆ บนมือของเขา พยายามฝืนใจให้เชื่อว่าคือขนมรังนก คิดอยากจะเอื้อมมือออกไปรับ แต่การกระทำนี้กลับกระทบไปถึงซี่โครงบริเวณหน้าอก นางเจ็บจนใบหน้าเหยเกทันที จำต้องสูดอากาศเย็นเข้าไปหลายครั้ง ทันใดนั้นใบหน้าเรียวเล็กซีดเผือดลงหลายส่วน
อวี๋ฉี่เจ๋อเห็นเช่นนี้ค่อยๆ ค้อมเอวลง นำขนมรังนกยัดใส่มือของอวี๋เจียว ก่อนจะหันหลังมุ่งหน้าเดินไปทางด้านนอกห้องเล็ก
ถึงแม้อวี๋เจียวจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์ ทว่าริมฝีปากแห้งผากทำให้นางเอ่ยกับบุรุษหนุ่มรูปงามที่กำลังมุ่งไปข้างหน้าโดยสัญชาตญาณว่า “พ่อรูปหล่อ ขอน้ำให้ฉันสักแก้วได้ไหม?”
การกระทำของอวี๋ฉี่เจ๋อชะงักค้าง บนใบหน้าของผู้ที่หันหลังให้อวี๋เจียวฉายแววขุ่นเคือง สตรีนางนี้ ช่างไร้ยางอายยิ่งนัก!
เขาสะบัดชายอาภรณ์เดินออกไปจากห้องเล็กทันใด
อวี๋เจียวเผยสีหน้าประหลาดใจ ถึงแม้สายตาจะมองเห็นเพียงแผ่นหลังของชายหนุ่ม แต่กลับรู้สึกเหมือนเขาโมโหเสียแล้ว
เธอก็แค่ขอน้ำแก้วเดียว เขาโมโหอะไร?
อวี๋เจียวอยากจะพลิกกาย ครั้นเพิ่งขยับตัวกลับเจ็บจนส่งเสียง ‘ซี๊ด’ ออกมา นางใช้มือลูบหน้าอก ผลคือไม่ต่างจากที่คิดเอาไว้ ซี่โครงหักไปหนึ่งซี่ โชคดีที่ไม่ได้เป็นตำแหน่งร้ายแรง พักรักษาอีกไม่กี่วันก็ดีขึ้นแล้ว
แต่ขาทั้งสองข้างที่เจ็บจนเหมือนกับหักไปแล้วนี่หมายความว่าอะไร? อวี๋เจียวค่อยๆ เงยหน้ามองไปยังขาทั้งสองข้าง พบเพียงบนกระโปรงเต็มไปด้วยเลือด เมื่อใช้มือลูบดูพบว่าคือรอยแผลจำนวนมาก เป็นสภาพหลังถูกทรมานอย่างสาหัส
อวี๋เจียวเจ็บจนบนหน้าผากมีเหงื่อเย็นผุดออกมา นางมองสำรวจสภาพโดยรอบ ที่ๆ นางอยู่คือห้องเล็กโกโรโกโส ด้านข้างกองสุมไว้ด้วยอุปกรณ์ทำนาจำนวนหนึ่ง มีหน้าต่างบนหลังคาหนึ่งบาน ด้านบนหลังคามีรอยรั่วไม่น้อยแห่ง และนางนอนอยู่บนกองฟางหนึ่งกอง มิหนำซ้ำบนตัวยังสวมชุดโบราณ นางพลันก้มหน้าลง เมื่อใดความฝันที่ไร้สาระนี้จะจบสิ้นลงสักที?
นางปิดเปลือกตาลง คิดว่าหลังนอนหลับแล้วลืมตาตื่นอีกครั้งคงจะกลับไปยังเตียงใหญ่นุ่มสบายของตัวเอง ความเจ็บปวดทั่วกายจะไม่มีอีกต่อไป
ภายในลานเรือน หลังอวี๋ฉี่เจ๋อออกมาจากห้องเล็กได้ถูกสะใภ้สามแซ่จ้าวกับฮูหยินเฒ่าอวี๋เห็นเข้าเสียแล้ว ฮูหยินเฒ่าอวี๋เรียกเขาเอาไว้ “ตายแล้วใช่หรือไม่?”
อวี๋ฉี่เจ๋อเอ่ยอย่างราบเรียบ “ยัง”
กล่าวจบก็มุ่งหน้าไปทางเรือนหุงต้ม ตักน้ำสะอาดขึ้นมาจากถังใหญ่หนึ่งถ้วย จากนั้นเดินออกมาแล้วมุ่งหน้าไปทางห้องเล็กอีกครั้ง
ฮูหยินเฒ่าอวี๋เอ่ยพลางขมวดคิ้วเมื่อเห็นเช่นนั้น “เจ้าห้า สาดน้ำทิ้งไปเสีย!”
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in