จากที่ยาย Sandra Dee ดันไปทับที่ตา John Smith แล้ว เราก็ให้เธอไปต่อตูดตาจอห์นเสียเลย ทีนี้เวลาจะค้นหาก็แค่ค้นลิสต์ในตำแหน่งที่ต้องการไปทีละตัว ๆ แบบนี้แล้วก็จะค้นหาได้เร็วกว่าการเลื่อนตำแหน่งไปเรื่อย ๆ ธรรมดา เอ้า ไปดูโค้ดกัน

#define MAX 100000
 
typedef struct {
        long long val;
	int key;
} DATA;
 
std::vector<DATA> storage[MAX];
 
int hash(long long key) {
	static const int magic = 19;
	return (key+magic)%MAX;
}
 
int add_val(long long key, int val) {
	DATA temp;
	int idx = hash(key);
	temp.key = key; temp.val = val;
	storage[idx].push_back(temp);
	return idx;
}
 
int get_val(long long key) {
	int idx = hash(key);
	for (DATA e : storage[idx]) {
		if (e.key == key)
			return e.val;
	}
	return 0;
}

จริง ๆ โค้ดนี้มันก็มีข้อเสียอยู่ คือมันเขียนทับของเก่าไม่ได้  เพราะฟังก์ชัน add_val จะต่อท้าย vector ไม่ใช่เขียนทับ แต่มันก็ "ดีพอ" สำหรับสถานการณ์นี้ที่จะไม่เขียนซ้ำ (หรือหากเขียนเป็นลิงก์ลิสจริง ๆ จะทำให้มันเขียนทับได้ก็ได้)

อันที่จริงจะจบเรื่อง hashing ไว้ตรงนี้ก็ได้  สำหรับการ hash ที่คีย์เป็นอย่างอื่นนั้นก็จงใช้ความคิดสร้างสรรค์แปลงมันเป็นตัวเลขให้ได้ เช่น string เราอาจจะเอาขนาดมาบวกกับค่า ASCII ของอักษรตัวแรก ลบกับ ASCII ของตัวที่สองคูณกับ ASCII ของตัวสุดท้ายลบ ASCII ตัวกลาง แล้วเอาไปหารเอาเศษด้วยขนาด container ของเราอีกที  อย่างที่บอก ขึ้นกับจินตนาการและไสยศาสตร์