เล่าสู่กันฟัง: Netflix Original ‘Persona’
ตอน LoveSet
นำแสดงโดย ไอยู
เบ ดูนา
กำกับโดยอีคยองมี
คำว่า Love ถ้าแปลมาจากภาษาอังกฤษโดยตรง คงมีความหมายว่าความรักหรือ รัก แต่ถ้าเราลองหยิบมันไปใช้เป็นศัพท์ทางการกีฬา ‘เลิฟ’ นั้นจะแปลว่าศูนย์(มาจากคำว่าl’oef มาจากภาษาฝรั่งเศสแปลว่าไข่) ถึงจะดูสอดคล้องก็จริง แต่พอมานั่งคิด ๆ ดูคุณคยองมีคงไม่เอาคำว่าเลิฟมาตั้งชื่อภาพยนตร์ เพียงเพื่อให้คล้องจ้องกับกีฬาเทนนิสอย่างเดียวแน่ๆ
เรื่องราวเรื่องนี้เป็นเรื่องราวที่เกี่ยวกับ‘ไอยู’ (ชื่อเหมือนแฟนเราเลย แย่จัง แฮ่) หญิงสาวที่พยายามทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้พ่อแต่งงานกับ‘ดูนา’ ครูสอนภาษาอังกฤษของตัวเอง แต่สุดท้าย เธอก็ตัดสินใจแข่งเทนนิสกับครูสาวตามคำท้าโดยมีเป้าหมายคือ การยุติความสัมพันธ์ของทั้งคู่
ในตอนที่เราดูหนัง เราก็ดูไปเรื่อย ๆด้วยความคิดที่ว่า‘ไอยูกับดูนานั้นคงเกลียดกันจนเข้าไส้’ เพราะตัวหนังเองก็ปูมาแบบนั้นในเทรลเลอร์ แถมมีตัวละครสูตรสำเร็จอย่างลูกสาวสวยที่แสนเอาแต่ใจพ่อม่ายหนุ่มผู้แสนดี และหญิงสาวที่กำลังจะกลายเป็นแม่เลี้ยงใจร้ายพ่วงมาอีก แต่เมื่อเราดูไปถึงจุดจุดหนึ่งเราก็เริ่มรู้สึกว่า เฮ้ย มันไม่เหมือนที่เราคิดไว้เลยนี่หว่า!
สาเหตุที่เรารู้สึกว่าทิศทางของหนังเริ่มเปลี่ยนไปก็เพราะท่าทีของตัวละครเบ ดูนา ที่เริ่มมีท่าทีที่’สนอกสนใจ’ ลูกเลี้ยงในอนาคตมากเป็นพิเศษทำให้เราทำการค้นหาข้อมูล และพบกับกับบทความที่ชื่อว่า Is Tennis Full ofLesbians? เมื่อลองเข้าไปอ่านก็รู้สึกว่าหรือนี่อาจจะเป็นสาเหตุที่ผู้กำกับเลือกกีฬาเทนนิสเพื่อเป็นธีมหลักของภาพยนตร์?
ในบทความนั้นได้มีการยกคำพูดของ Margaret Court-นักเทนนิสหญิงชาวออสเตรเลียที่เธอได้ให้สัมภาษณ์ในทิศทางที่ว่า วงการเทนนิสนั้นเต็มไปกลุ่มเลสเบี้ยน หรือหญิงรักหญิง
กลับมาที่ตัวละครของดูนา เอาจริง ๆแล้วเราแทบจะไม่รู้เรื่องราว background ของตัวละครนี้เลยด้วยซ้ำเรา(ผู้ชม)นั้นได้ถูกตัวอย่างภาพยนตร์ brainwash จนตัดสินไปแล้วว่าเธอคงเป็นเพียงผู้หญิงคนหนึ่งที่พยายามจับพ่อของลูกศิษย์ตัวเองมาเป็นสามีแต่ถ้าหากเรามองมุมกลับ ปรับมุมมอง แล้วเอาบทความข้างต้นที่เราได้หามาเชื่อมโยงกัน…จะเป็นไปได้มั้ยที่คนที่ดูนาพยายามเข้าหาตั้งแต่แรกคือไอยู ไม่ใช่พ่อของไอยูและถ้าเป็นไปตามที่เรา(ผู้เขียน)ได้ตีความไว้จริงๆ LOVE SET ที่เป็นชื่อเรื่องนั้นอาจจะมาจากคำว่า เลิฟ ที่แปลว่ารักจริง ๆ ก็ได้
ต่อมา ในเรื่องภาพและเสียง เราไม่มีความรู้ด้านนี้เท่าไหร่จึงขอรีวิวเพียงอย่างเดียว เรื่องนี้คงเป็นเรื่องที่เราชอบที่สุดในสี่เรื่องถ้าพูดถึงtone ของภาพ โทนมันสดใสเข้ากับบรรยากาศหน้าร้อนของบ้านเราเป็นที่สุดดูแล้วรู้สึกว่าตัวละครมีชีวิตชีวา เราก็มีชีวิตชีวา นั่งดูหนังอย่างใจจดใจจ่ออะดรีนาลีนพุ่งพล่านไปตามความเร็วของลูกเทนนิส ดูไปลุ้นไป ใครจะชนะหนอ
ส่วนเรื่องการแสดง เราขอโฟกัสที่ไอยู(เพราะนักแสดงท่านอื่นอย่างดูนานั้นเทพอยู่แล้ว) ไอยูเป็นศิลปินอีกคนหนึ่งที่ทำให้เราว้าวได้เรื่อยๆ ตั้งแต่บทเด็กสาวอ้วนตุ๊นุอย่างคิมพิลซุก เด็กชีวิตอาภัพอย่างซุนชินและจีอัน สาวบ๊องอย่างโบทงไอดอลสุดเหวี่ยงอย่างซินดี้ ทุก ๆตัวละครมีคาแรคเตอร์ที่แตกต่างกันและไอยูนั้นก็สามารถพัฒนาการแสดงให้ตัวละครเหล่านั้นกลายเป็นรูปธรรมมากขึ้นเรื่อยๆ ในเรื่องนี้ก็เช่นกัน เราเดาได้เลยว่าแฟนคลับไอยูหลาย ๆ คงช็อกไม่ต่างกันที่ได้เห็นไอยูในลุคนี้ลุคเด็กสาวก๋ากั่นที่พูดคำว่า f*ck อย่างไม่อายปากเอาแต่ใจ แถมตั้งแง่ครูของตัวเอง ถึงจะเป็นบทที่ดูไกลจากตัวเองสักหน่อย แต่เราคิดว่าไอยูสามารถถ่ายทอดออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติเพราะถึงแม้ว่าจะชื่อไอยูเหมือนกัน แต่ไอยูที่เล่นเทนนิสกับไอยูที่เป็นนักร้องนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in