ความดีมันทำยากเย็น คนดีมันเป็นยากจัง
รอยเท้า คงก้าวบนทางผิดพลั้งนานไป
เก่งแต่กับเรื่องเลวๆ ล้มเหลวมาแล้วมากมาย
ชาตินี้คงเป็นได้ ก็แต่ไอ้พวกไร้น้ำยา
-ความรักทำให้คนหัวขาด-
"ลูกชายจ้องมองมาที่ผม เขาไม่พูดอะไร แต่สิ่งที่ผมได้ยินคือ "มึงฆ่าแม่กู! มึงฆ่าแม่กู!"
น้ำตาคลอค่อย ๆ เอ่อไหลเป็นทาง ในมือกำผ้าห่มหนาที่ถักทอจากเสื้อผ้าของลูก
ภรรยากับเขาหมายมั่นว่า
"เอาไว้โตขึ้น เอาให้ลูกคงจะรู้สึกดีและมีความสุขนะ"
แต่วันนั้น"ติ๋ว"คงไม่ได้เห็นแล้ว
"ความฝันผมเหรอ ทำอะไรก็ได้ขอให้ดัง"
เขาตอบอย่างมุ่งมั่นชายตัวเล็กหน้าตาบ้าน ๆ ยิ้มปากกว้างมองถึงตัวเอง แววตาสนุกสนานแฝงด้วยความมุ่งมั่น ตอนเด็กเขามีชีวิตที่เข้าสูตรของคนสำเร็จเลย พ่อแม่แยกทางกัน บ้านจน ตัวเล็ก บ่อยครั้งที่การกระทำของเขาเป็นเพียงแค่การเรียงร้องควมสนใจ
"ก็ผมตัวเล็ก จะให้ไปต่อยดีใครให้คนอื่นเขามองก็คงไม่ได้ มีสิ่งเดียวที่ผมทำได้คือสร้างรอยยิ้มให้คนอื่น"
จนกระทั่งเรียนจบภาคบังคับ ตั้งใจเข้าเรียนเพาะช่าง แต่สอบไม่ติด ต้องระเหเร่ร่อนขายของที่ตลาดนัด ดิ้นรนเพื่อให้อยู่รอด วันนึงขณะที่เก็บข้าวของเพื่อกลับบ้าน เพื่อนมาด้านหลังทำท่าเหมือนจะชก เขากระโดดหลบ ยกการ์ดตั้ง พูดแกมหัวเราะ
"อย่านะเว้ยไม่รู้จัก พิง ลำพระเพลิง ซะแล้ว "
และเขาก็เรียกตัวเองตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา สองปีต่อมากลับไปสอบใหม่ ติดและมีโอกาสได้รู้จักรุ่นน้องคนนึง กินอยู่ด้วยกัน และมีความฝันร่วมกัน
เมื่อเรียนจบหลายอย่างยังไม่เป็นรูปร่าง พิงเข้าทำงานบริษัทขนม ขโมยขนมแล้วก็ไดนไล่ออก ไม่กล้าสมัครงานใหม่ จึงไปรับจ้างเขียนป้าย และมีโอกาสได้เจอ"ติ๋ว"..
----------------"----------------
ถ้าคนอื่นนั่งคุณจงยืน
ถ้าคนอื่นยืนคุณจงเดิน
ถ้าคนเดินคุณจงวิ่ง
ถ้าคนอื่นวิ่ง ให้ขึ้นวินหนีแม่งเลย
อย่าอยู่เฉย ๆ โอกาสมันไม่ได้มาหาเรา
----------------"----------------
-2-
เวลาจะมองหน้าเธอ กลัวเจอกับความน้อยใจ
ที่ฟ้องว่าฉันไม่เคยเอาไหนซะที
เจ็บปวดเมื่อเห็นแววตา
สัญญากับเธอตรงนี้
จะต้องเป็นคนดี ต่อให้พรุ่งนี้จะตาย
- ความรักทำให้คนหัวขาด-
"ติ๋ว โทรเรียกให้ผมกลับบ้าน ผมไม่กลับเราทะเลาะกัน เธอออกมาเที่ยวกับเพื่อน รถประสบอุบัติเหตุ เธอจากไป ผมมันเหี้ยเอง แต่หลายครั้งที่ให้สัมภาษณ์ นักเขียนก็ตัดออก ทำให้ผมดูดี ไม่! ความจริงผมมันเหี้ย"
เขาเอาผ้าห่มผืนนั้นมาคลุมกาย หลับไหลไปในความมืดและไร้ทางออก ความรู้อึมครึมคล้ายบางสิ่งกดทับ เขาขยับตัวไม่ได้ ในหัวเขาคิดเธอคงไม่ให้อภัย
พิงวัย 27 แต่งงานกับติ๋วทำงานเขียนป้ายไปสักพักก็ไม่สู้ดี วันนึงน้องที่เคยอยู่ด้วยกันก็ชวนเขาไปทำงานที่โรงพิมพ์ "ศิษย์สายสะดือ"ของคุณ ศุ บุญเลี้ยง ทำหน้าที่หลาย ๆ อย่างทำอาร์ตเวิร์คให้นิตยสาร "ไปยาลใหญ่" ถ้าจะให้เปรียบก็ อะเดย์ สมัยนี้
ทำงานทุกวัน อ่านเรื่องสั้นทุกวันจนคันมืออยากเขียนบ้าง โดยพื้นเพเป็นคนมีทักษะด้านการเขียนเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ทำให้เขาลองเขียนส่งให้คุณ ศุ บุญเลี้ยงอ่าน และได้ตีพิมพ์ คุณ ศุ บุญเลี้ยงชอบเลยถามเขาว่าอยากรวมเล่มไหม๊ละ ให้เขียนมาสิ
คุณศุ บุญเลี้ยงต้องไปต่างประเทศเดือนนึง ขณะนั้นพิงก็เขียนเรื่องสั้นทั้งหมด 8 เรื่องส่งให้ คุณศุ ตกใจว่าทำไมเขียนเร็วจัง
"ผมไม่รู้ว่า พี่จุ้ย จะตายตอนไหน ถ้าผมไม่เขียนแล้วพี่จุ้ยตายผมก็ไม่มีโอกาสอีกสิ"
คุณศุก็รวมเล่มออกขายและได้รับการตอบรับดีมาก ๆ เหตุการณ์นี้ทำให้ พิง ตัดสินใจออกมาทำโรงพิมพ์เอง เขาพิมพ์หนังสือเอง 7 เล่ม เหลือเต็มโกดัง และเป็นหนี้ สุดท้ายต้องตัดสินใจหอบภรรยาไปทำงานที่ ซานฟรานซิสโก โดยงานที่เขาได้รับคือ "คนล้างจาน"
----------------"----------------
ผมเคยทำงานเป็นคนเชียร์คนดูในห้องส่งของคุณปัญญา
วันนึงผมไปทำธุระที่ธนาคารและคุณปัญญามาทำงานเร็วกว่าทุกวันทำให้ไม่เจอผม
เมื่อผมกลับมา ทุกคนในห้องส่งเงียบ ผมหวัดดีคุณปัญญาตามปกติ
และเมื่อเดินเข้าห้องส่งพบว่ามีคนใหม่มาแทนผม
ผมผิดจริงก็ต้องยอมรับ คุณปัญญาไม่ได้ใจร้าย
แต่เขาต้องเด็ดหัวบางคนเพื่อให้ทุกคนทำงานต่อไป แค่นั้นเอง
----------------"----------------
-3-
เพิ่งรู้ว่ากอดมันหวาน เมื่อเธอนั้นไปไกลลับตา
ใช้ทั้งสองมือไขว่คว้า คงไม่มีค่าใด
ห้องน้อยของเธอกับฉัน ที่วันนั้นมันดูแคบไป
เพิ่งจะรู้มันกว้างใหญ่เกิน จะนอนคนเดียว
-เขียนถึงคนบนฟ้า-
"ผมตกอยู่ในเงามืดกว่าสองปีทำงานไม่ได้ โศกเศร้า จนกระทั่งเงินเก็บหมด ชิวิตสิ้นหวัง ต้องกลับมาทำงานเขียนบทอีกครั้ง ในความเศร้า งานที่ผมรับเป็นละครตลกทั้งหมด ผมต้องทำเพื่อเงินเพื่อลูก ทำเพื่ออนาคต ผมเขียนความตลกท่ามกลางคราบน้ำตา และผมต้องทำให้ได้"
เขากับลูกชายนั่งดูวิดีโอโป๊ด้วยกัน บอกลูกชายว่าถ้าจะดูก็ดู แต่ให้เบาเสียงเดี๋ยวข้างห้องได้ยิน เพราะยุคสมัยนี้ซ่อนอะไรไม่ได้เหมือนสมัยก่อน เปิดให้รู้และสอนให้เข้าใจน่าจะดีที่สุด
ที่เมืองลุงแซม พิงและภรรยาดิ้นรนทุกอย่างเพื่อหาเงินใช้หนี้ พร้อม ๆ กับเปิดดูวิดีโอรุ่นน้องเขาที่ไปได้ดีในสายบันเทิง สร้างความปวดใจและคำถามว่าเขาทำอะไรอยู่ เขาจึงเริ่มทำตามความฝัน ตอนเย็นหลังจากเลิกล้างจานก็กลับมาเขียนบทหนัง จนกระทั่งผ่านไปสองปีหนี้ที่มีอยู่ก็หมด เขาแบกความฝัน กลับเมืองไทย หอบบทหนังที่มีไปเสนอให้ ไท เอนเตอร์เทนเม้น ซึ่งบทเขาดีมาก ๆ ทางไทเลยขอซื้อบทแต่เขาไม่ขาย เขาต้องการกำกับเอง "คุณ เป็นเด็กล้างจานมาก่อนไม่มีพื้นฐานแล้วผมจะมั่นใจได้อย่างไร"พิงไม่ขายบทเพราะมั่นใจว่าบทดี ยังไงก็ต้องมาง้อ แล้วโอกาสก็จากไป
เขาไปสมัครเป็นผู้ช่วยผู้กำกับโฆษณา แต่งานที่ทำจริง ๆ คือกันคน ตอกป้าย ไล่หมา ทำทุกอย่างที่ไม่เกี่ยวกับความฝันเลย จนกระทั่งวันนึง “พี่หน่อง-อรุโณชา ภานุพันธ์” แห่งบอร์ดคาสต์ เข้ามาหาแล้วชวนคุยสัพเพเหระ ถามพิงว่าทำอะไรได้บ้าง
"เขียนบทได้ไหม๊"
"ได้ครับ"
"งั้นลองเขียนเรื่อง ซึมน้อยหน่อย กะล่อนมากหน่อย มาให้ดูสิ" พี่หน่องพูดเล่น แต่พิงทำจริง เดือนเดียวบทกว่าสามสิบตอนถูกส่งให้พี่หน่อง และแกชอบมาก
"ทำไมถึงเขียนเร็วจัง"
"ก็ผมไม่รู้ว่าพี่หน่องจะตายวันไหน ถ้าผมไม่เขียนแล้วพี่หน่องตายผมก็ไม่มีโอกาสอีกสิ"
นั้นเป็นจุดเริ่มต้นให้ชื่อของพิงลำพระเพลิงจุดติดในแวดวงละคร งานที่ได้รับเปลี่ยนชีวิตพิงไป พิงสนุกกับงาน เงินที่ได้ และชีวิตสุขสบาย ปล่อยลูกเมียไว้ด้านหลัง จนกระทั่ง"ติ๋ว" ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์
"ตอนแรกก็คิดว่าคงไม่เป็นอะไรมาก พอไปเห็นสภาพเขาที่อยู่ในห้องไอซียูแล้วผมรับไม่ได้เลย สุดท้ายก็ถอดเครื่องช่วยชีวิตออก มันเป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายสุดๆ สภาพจิตใจย่ำแย่มากๆ มีแต่ความรู้สึกผิดบาปทรมานอยู่ในใจ ถ้าวันนั้นผมกลับไปอยู่บ้านเขาคงไม่ตาย”
กิจกรรมทุกอย่างของพิงถูกยกเลิก พิงเข้าสู่ความมืดมนเต็มตัว "เราฆ่าคน" ดังก้องในหัว หมดสิ้นทุกอย่างแม้แต่ความฝัน
-4-
ชีวิตนี้ ถ้าไม่มีเธอก้าวเข้ามา
ฉันคงเป็นคนไร้ค่าคนหนึ่งเท่านั้น
แปลกที่คนไม่รู้ มีเพียงผู้เดียวคือฉัน
อยากกอดเธอแน่นๆนานๆในวันที่เสียเธอไป
เชื่อว่าที่ตรงนั้น เธอยังพร้อมจะรอฉันอยู่
แล้วที่สุด ก็รู้เธอรอไม่ไหว
เจอเพียงแค่รอยน้ำตา หยดบนนาฬิกาที่ตาย
ให้ฉันได้กอดมันไว้ และบอกว่ารักเธอ
-เวลาตาย-
พิงกลับสู่หนทางอีกครั้งจากคราบน้ำตานำพาให้เขาเขียนบทภาพยนต์ที่มาจากชีวิตช่วงที่ภรรยาเขาตาย ไปยื่นบริษัทต่าง ๆ แต่ก็โดนปฏิเสธ เพราะบริษัทต้องการให้แก้บท พิงไม่ย้อท้อ จนกระทั่งไปเจอคุณปรัชญา ปิ่นแก้ว และได้แนะนำไปที่ สหมงคลฟิล์ม เสี่ยเจียงก็สนใจและถามว่าเรื่องนี้จะให้ใครเป็นพระเอก พิงตอบด้วยความมั่นใจว่า
"ผมเอง"
"เอ็งนินะ หน้าแบบนี้อั๊วไม่เอา"
พิงกลับมาบ้านเพื่อพิจารณาหาชื่อพระเอกใหม่ และคนที่ผุดขึ้นมาให้ห้วงคิดของเขาคือ โน้ส อุดมแต้พานิช รุ่นน้องที่พิงรักนั่นเอง "โครตรักเอ็งเลย" ก็ก่อกำเนิดขึ้นมา จากบทชีวิตและคราบน้ำตาของพิงเอง
ปัจจุบัน พิงกลายเป็น 1 ใน 10 มือทองของวงการบทละคร และผู้กำกับ ผลิตผลงานมากมายประดับวงการละครไทย พิง เดินมาถึงตรงนี้ จากเรื่องสั้นในไดอารี่ที่ไม่มีใครสนใจ
ไดอารี่ที่เขาเขียนวันนั้น คือความฝันของเขาเอง
ผมเขียนไดอารี่ทุกวันและเขียนเรื่องสั้นในนั้น วันนึงผมก็เอาเรื่องสั้นนั้นให้คุณ ศุ บุญเลี้ยงดู นั่นจึงทำให้รู้ว่า ผมเข้าใกล้ความฝันอีกนิดแล้ว
----------------"----------------
Special Interview -Nake And The City โดย น้าเน๊ก-
-ทำไมคุณถึงกลับมาเขียนบทอีกครั้ง-
"เอาแบบเท่ๆ ก็ ผมคิดได้ว่าทุกอย่างมันต้องเดินต่อไปให้กำลังใจตัวเองและลุกขึ้นอีกครั้ง แต่ถ้าเอาแบบเหี้ย ๆ ก็ ตังค์หมด ไม่เขียนก็ไม่มีแดกไงละ"
-เขียนบทละครเขียนยังไงถึงจะขายได้-
"เอาแบบเท่ ๆ ก็ สังเกตพฤติกรรมคน เข้าใจ เขียนอย่างทุ่มเทและเต็มที่ เดินตามความฝันอย่างถึงที่สุด ตอบแบบความจริงก็ เขียนตามผู้จัด ตามใจลูกค้า ฮ่า ฮ่า
-ทำไมละครไทยถึงไม่ไปไหน น้ำเน่าและน่าเบื่อ-
"ผมเขียนบทตามที่ผมสังเกต บทละครนั้นต้องโง่กว่าคนดู คนดูบ้านเราเป็นคนธรรมดา เขาจะมีความสุขที่เดาเรื่องได้ สนุกเมื่อตามทัน ถึงแม่มีกิจกรรมมาขัดขวางการดูเขาก็พอจะรู้เรื่อง เพราะตัวละครชัดเจน ตัวร้ายมองก็รู้ว่าร้าย อ้าปากก็รู้ว่าจะทำอะไร แต่ถ้าเขียนบทหนัง ต้องฉลาดกว่าคนดู เพราะคนดูมีสมาธิมากกว่า คิดตามได้ดีกว่า ถ้าบทโง่กว่าคนดู หรือคนดูเดาได้ นิจบเลย"
-วันนี้คุณสำเร็จแล้วหรือยัง-
"ผมมาไกลเกินกว่าฝันครับ"
- สุดท้ายผ้าห่มผืนนั้นมีอาถรรพ์จริงเหรอ-
"เปล่า ติ๋วเขาเอาทุกอย่างมาเย็บ มันเลยหนัก ห่มแล้วขยับไม่ได้ แค่นั้นครับ
เสียงหัวเราะปกคลุมห้องส่ง อีกครั้ง
แด่ชายที่อยากดัง และดังได้ ที่จริงแล้วสิ่งที่เขามีมากกว่าความดัง
คือความเก่งในตัวเขานั้นเอง
พิง ลำพระเพลิง
ลิง บันดาลใจ18.2.16
14.00
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in