เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
พูดถึงเพลงdumbsch
พูดถึงเพลง #3




  • ออกตัวก่อนว่าเรื่องนี้คนทั่วไปอาจจะไม่ได้เข้าใจนัก เพราะมันคือชีวิตติ่งค่ะ (ป้องปากขำ)

    เราได้มีโอกาสอ่านนิยายของนักเขียนคนหนึ่ง ซึ่งเป็นนักเขียนในดวงใจที่เราลิสต์ไว้ ไม่ว่าอย่างไรก็จะติดตามผลงานของเขาต่อไป (เพราะว่ามันช่างดีต่อใจเหลือเกิน) อ่า..นั่นแหละ 


    เนื้อเรื่องว่าด้วยคนหนึ่งคู่ที่ถูกจับให้หมั้นกันตั้งแต่เด็กเพราะแม่ของทั้งสองเจอกันในสำนักชินแสและเชื่อว่าการแต่งงานของพวกเขาจะทำให้ชีวิตเจริญรุ่งเรือง ผู้เขียนได้เล่าถึงลักษณะตัวละครแรกที่มีคาแรกเตอร์เป็นเด็กมหาลัยอายุ 21 ปี กับอีกฝ่ายที่เป็นแค่เด็กม.ต้นอายุ 15 ปี เราชอบตรงที่เขาเอาความเป็นเด็กมาเล่นให้เข้ากัน ในตอนนั้นคงคิดว่าอายุเท่านี้มันมากพอที่จะคิดอะไรได้และตัดสินใจชีวิตตัวเองได้ แต่กลับต้องมาตกม้าตายเพราะถูกแม่จับหมั้นกับเด็กที่ไหนก็ไม่รู้ มันสนุกมาก ๆ ได้เห็นความสัมพันธ์ที่ค่อย ๆ เติบโตของคนทั้งคู่ แม้ว่าคนอายุมากกว่าจะออกแนวรำคาญ (แต่ลึก ๆ แล้วเขาก็หวังดีนั่นแหละ) ส่วนคนอายุน้อยกว่าก็ไม่ได้รู้เลยสักนิดว่าการหมั้นคืออะไร รู้แค่ว่าเขาคือคนที่ในอนาคตจะต้องใช้ชีวิตร่วมกันแบบที่พ่อแม่เป็นอยู่ คิดแบบนั้นแล้วใจเด็กมันก็ชื้น แล้วก็มีเหตุการณ์ที่ทำให้เขาตกหลุมรักเด็กมหาลัยแบบถอนตัวไม่ขึ้น 
    เรื่องมันจบด้วยการที่พวกเขาให้คำสัญญาว่า ถ้าอายุ 18 เมื่อไหร่ค่อยมาขอเป็นแฟน เด็กมันก็โอดโอยว่าทำไมต้องรอนานขนาดนั้น สามปีเชียวนะ แต่ปากก็พูดไปงั้น ทั้งที่ความจริงก็รอได้ ซึ่งในบทความจบลงด้วยความรู้สึกที่ว่า เด็กมันมีความมุ่งมั่น และก็หวังว่าอีกฝ่ายจะยอมใจอ่อนให้กับตนนั่นแหละ

    แต่แล้วเรื่องทุกอย่างมันกลับพีคขึ้นเมื่อได้อ่านต่อตอนถัดไป

    ชีวิตเราเมื่อโตขึ้นก็ต้องเผชิญกับโลกใหม่ ด้วยความที่อายุห่างกันมาก ช่องว่างเยอะจึงทำให้เกิดความกังวล ที่อยู่ด้วยกันนั่นอาจจะเป็นเพราะครอบครัวจับให้หมั้นกันแต่เด็ก คนอายุมากกว่าก็เลยกังวลว่าเด็กคนนั้นอาจจะไม่ได้ใช้ชีวิตวัยรุ่นเต็มที่ ซึ่งอาจจะส่งผลให้ไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วชอบอะไรหรือไม่ชอบอะไร เหมือนกับว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาพวกเขาเอาแต่อยู่ด้วยกัน จนไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้วเราผูกพันธ์หรือว่ารักกันจริง ๆ จุดนั้นก็เลยทำให้โลกเหวี่ยงคนทั้งคู่ไปอยู่คนละซีกโลก คนพี่เรียนต่อป.ท ส่วนคนน้องก็เรียนมหาลัย เราชอบความสัมพันธ์ที่โทรสไกป์หากันทุกวัน แต่คนเขียนก็ลงรายละเอียดลึกกว่านั้น เมื่อเขาใส่เนื้อหาเกี่ยวกับการเผชิญโลกกว้างคนเดียว
    การไปอยู่ต่างประเทศไม่ใช่เรื่องง่าย ภาษา วัฒนธรรม ผู้คน และสภาพอากาศทำให้เราลำบากมากขึ้น ตัวละครเอกของเรื่องคงต้องรู้สึกท้อใจเมื่ออะไร ๆ ก็ไม่เป็นอย่างใจหวัง ทุกวันต้องคอยพยายามถีบตัวเองให้ทันคนอื่น กว่าจะเสร็จภารกิจในแต่ละวัน กว่าจะกลับไปถึงที่ห้อง กว่าจะชินกับทุกอย่าง แน่นอนว่าต้องผ่านเรื่องลำบากมามากมาย ความเหนื่อยล้ามันสั่งสม แต่แค่ได้ยินเสียงและเห็นใบหน้าใครอีกคนที่อยู่ภายในจอก็ทำให้หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง

    มีฉากหนึ่งที่เขาร้องไห้ เพราะว่าคิดถึงอีกคนมากจนอยากกอด ตัวละครบอกว่านี่เป็นครั้งที่สองที่เขาร้องไห้ นั่นก็ทำให้เราน้ำตาคลอ คงจะเหนื่อยมากจริง ๆ นั่นแหละ จากนั้นคู่หมั้นเด็กก็ทำการปลอบใจด้วยการหยิบกีต้าร์ตัวหนึ่งขึ้นมาแล้วร้องเพลงให้ฟัง


    If you’re ever feeling lonely,
    If you’re ever feeling down,
    You should know you’re not the only one
    Because I feel it with you now.
    When the world is on your shoulders
    And you’re falling to your knees
    Oh please,
    You know love will set you free.


    เราอ่านไปก็เปิดเพลงคลอไปด้วย เป็นเพลงที่ให้กำลังใจดีเยี่ยมอีกเพลงหนึ่ง ซึ่งเราว่าคนเขียนนำมันมาใส่ในเรื่องได้ดี จังหวะมันได้ และบริบทในเรื่องมันทำให้เราเกือบร้องไห้ ตัวละครคงต้องผ่านช่วงเวลายากลำบากจริง ๆ แต่ก็โชคดีที่ยังมีคนคอยอยู่เคียงข้างเสมอ

    สรุปแล้วเราชอบนิยายเรื่องนี้มาก ชอบจนกลับไปวนอ่านรอบที่สิบสองแล้วเห็นจะได้ และคิดว่ารอบที่สิบสามอาจจะเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้

    ฝากไว้แค่นี้ดีกว่า เพลงเพราะมากจริง ๆ

    You know love will set you free.

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in