เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
My First StorySugar
แสงสว่างที่เลือนไป
  •   หลังจากได้ไปโรงพยาบาล ได้ทานยา ได้อยู่กับตัวเอง ทุกอย่างเหมือนจะดีขึ้นค่ะ แต่สุดท้ายก็ไม่ใช่ อารมณ์เราตอนนั้นดิ่งมากถึงมากที่สุด นอนไม่หลับ เอาแต่ร้องไห้ ไม่ยอมไปเรียน มองทุกคนคือคนแปลกหน้า จนเราเริ่มทำร้ายตัวเองตอนที่ไม่มีใครอยู่บ้าน เอามีดมากรีดขา กรีดและกรีดอยู่อย่างนั้น กรีดไปกรีดมา กลับรู้สึกว่ามันเจ็บดีนะ สบายใจจัง เลยกรีดไปเรื่อยๆ แต่เราไม่ได้กรีดลึกนะ แค่กรีดให้เจ็บเฉยๆ จนขาเต็มไปด้วยเลือดและรอยกรีด ความรู้สึกตอนนั้นเหมือนเป็นบ้ามากค่ะ รู้สึกว่าชีวิตนี้ไม่มีใครต้องการแล้ว จะอยู่หรือไม่อยู่ก็มีค่าเท่ากัน ไม่มีใครรัก พ่อแม่ เพื่อน ทุกๆอย่าง สิ่งที่อยู่กับเราในตอนนั้นคือความมืด เราอยู่ในห้องมืดๆคนเดียว ไม่ยอมกินอะไร ร้องไห้ไม่หยุด ทรมานมาก จากที่เคยเป็นคนเฮฮาร่าเริง ตอนนี้เอาแต่ร้องไห้ ไม่อยากออกไปไหน 
      พอถึงวันเกิดของเรา เพื่อนๆในกลุ่มแอบมาเซอร์ไพรส์ที่บ้าน ซึ่งบ้านของเราห่างจากโรงเรียน10กว่ากิโล พอเพื่อนๆเข้ามาร้องเพลงในห้องเรา ตอนนั้นเราตวาดเลยค่ะ ไล่ให้เพื่อนกลับ ร้องไห้และกรีดร้อง ไล่เพื่อนให้กลับไปอยู่อย่างนั้น พอเพื่อนเห็นแผลที่ขาและสิ่งที่เราทำตอนนั้น เพื่อนเราร้องไห้ค่ะ ตอนนั้นก็ไม่รู้นะ ว่าจะร้องไห้กันทำไม แบนเราออกจากกลุ่มแล้วนี่ อยู่โรงเรียนแล้วโดดเดี่ยวแบบนี้จะไปทำไม เรียนไม่รู้เรื่องแล้วจะไปทำไม ชีวิตไม่มีเป้าหมายแล้วจะเรียนไปทำไม สุดท้ายเพื่อนก็ยอมออกจากห้อง แล้วไปนั่งคุยกับแม่เรา หลังจากนั้นเราก็ได้แต่ร้องไห้เงียบๆอยู่คนเดียว มันทรมานมาก ใจนึงก็คิดว่าถ้าเขาแบนจริงเขาจะมาทำไม อีกใจก็คิดว่าคงมาเพื่อเยาะเย้ย ความคิดดีๆไม่มีในหัวเลยค่ะ คิดลบไปหมดทุกอย่าง มองทุกอย่างในแง่ร้าย
      วันเวลาผ่านไป เราเริ่มไปร.ร.อีกครั้งเพราะว่าใกล้จะสอบแล้ว เรียนไม่รู้เรื่องก็ช่างมัน หลับในคาบเอาก็ได้ แปลกที่จู่ๆก็กลับมาดีกันกับเพื่อนๆ แต่เรายังฝังใจอยู่ และไม่กล้าไว้ใจเพื่อนนัก แต่ตอนนั้นคิดแค่ว่า ขอให้มีความสุขแบบนี้ก็ดีแล้ว ถึงจะแฝงไปด้วยความไม่ไว้ใจก็ไม่เป็นไร 
      วันสอบปลายภาคมาถึง ด้วยความที่ยังอยู่ในช่วงปรับยาอยู่เลยมีผลข้างเคียงบางส่วน มือสั่นค่ะ สั่นแบบจับดินสอฝนข้อสอบไม่ได้ พอเราฝนข้อสอบไม่ได้ ก็เลยเครียดหนักกว่าเดิมค่ะ เครียดว่าจะไม่มีคะแนน มือเลยสั่นหนักกว่าเดิม ทำให้ฝนข้อสอบได้ไม่ถึงครึ่งของวิชานั้น มีอยู่วิชานึง เราฝนได้แค่10ข้อจากเท่าไหร่ก็ไม่รู้จำไม่ได้ มืออยู่เฉยๆมันก็ยังสั่น ทำให้เรากลัวและกังวล สุดท้ายก็ออกจากห้องสอบมาด้วยความรู้สึกที่ค่อนข้างแย่ 
      เนื่องจากว่าเวลาจบม.5ขึ้นม.6ของโรงเรียนเรานั้น เขาให้เรียนต่อทันทีเลยในขณะนร.ชั้นอื่นๆปิดเทอมกัน ตอนนั้นเราก็หยุดบ้างไปบ้างตามประสาคนไร้แรงจูงใจ พอถึงเวลาเปิดเทอมของนร.ชั้นอื่นๆ ก็ถึงเวลาประกาศคะแนนสอบปลายภาค ครูประจำวิชาที่เราฝนข้อสอบได้10ข้อ เดินมาหาเราแล้วถามว่าทำไมฝนข้อสอบแค่นี้ มันเหมือนเป็นการดูถูกครูผู้สอน เราก็ตอบไปว่าเราไม่สบาย พร้อมบอกแบบเบาๆว่าครูไม่เข้าใจ ครูเลยโมโหแล้วบอกว่า "จุฑามาศ เธอมันบ้าไปแล้ว" ประโยคนี้เราจำขึ้นใจเลยค่ะ พอครูเดินไปเราก็ร้องไห้เงียบๆ ถึงเพื่อนๆจะมาปลอบแต่เราก็ยังรู้สึกแย่กับตัวเองอยู่ดี เลยเลือกที่จะไม่อธิบายอะไรกับครูคนนี้ โอเค๊ บ้าก็บ้า หนูบ้าอยู่แล้วนี่นา ได้แต่คิดแบบนี้ในใจ ทุกวันนี้ประโยคนั้นก็ยังติดอยู่ในหัว พอมันเป็นแบบนี้ก็ยิ่งทำให้ความคิดที่จะต่อมหาลัยลดลงไปอีก สุดท้ายก็กลายเป็นความว่างเปล่า เรียนแบบไร้จุดหมาย ทำทุกอย่างเพราะต้องทำ ทำให้เกิดความรู้สึกที่ว่า "อดทนไว้นะตัวฉัน"
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in