เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
#อ่านจบแล้วMercuvellia
เล่มที่ 3 : นักสืบอาคม โดย จเด็จ กำจรเดช
  • #อ่านจบแล้ว
    นักสืบอาคม โดย จเด็จ กำจรเดช

    นักสืบฝึกหัดไปสืบคดีในวัดที่มีเจ้าอาวาสรับจัดกระดูก  รูปปั้นปีศาจ และเรือพระ...


    นักสืบอาคม ของ คุณจเด็จ กำจรเดช เล่มนนี้มีเสน่ห์ความน่าสนใจตรงที่ 'การเล่าเรื่อง' และ 'พล็อต'
    เรื่องนี้เปิดบทมาด้วยไคลแม็กซ์ ที่ตอนแรกเราอาจจะดูงงงวยว่าเกิดอะไรขึ้น
    ทว่าเมื่อเปิดในหน้าต่อ ๆ ไป ตัวละครผู้เป็นผู้ดำเนินเรื่องจะเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้เราได้ฟัง

    'การเล่าเรื่อง' เป็นเสน่ห์ข้อแรกที่ทำให้หนังสือน่าสนใจ เพราะเล่มนี้เล่าผ่านมุมมองตัวละครที่ที่ยิ่งไปกว่าแค่การมองเห็น แต่ลึกลงไปถึงความนึกคิดต่อสิ่งเหล่านั้น มีคนเรียกการเล่าเรื่องแบบนี้ว่า 'กระแสสำนึก' 

    ความน่าสนใจอยู่ตรงที่ นอกจากจะเป็นมุมมองในห้วงเวลาที่ตัวละครยังมีชีวิต  ห้วงเวลาที่เขาคิดว่าเขากำลังจะตาย  และจิตออกจากร่าง และมองดูร่างที่ถูกกระทำอยู่นั้นก็เป็นส่วนหนึ่งในมุมมองของความคิดเขา--ความคิดซึ่งถูกถ่ายทอดออกมาเป็นบทบรรยายและขับเคลื่อนเรื่องราว  ตรงส่วนนี้เป็นส่วนที่เราคิดว่าหนังสือเล่มนี้ทำให้เราว้าว คิดว่าน่าสนใจและอยากแนะนำให้เพื่อน ๆ นักอ่านได้ลองอ่าน

    ในส่วนของ 'พล็อต' เรื่องนี้บอกเล่าเรื่องราวของ 'อาคม'นักสืบ(ฝึกหัด) ที่พึ่งประสบอุบัติเหตุ  แต่มีงานต้องเข้าไปสืบเรื่องราวไม่ชอบมาพากลในวัดแห่งหนึ่ง  ซึ่งเจ้าอาวาสวัดเป็นหมอรักษากระดูก--จัดกระดูก--ด้วยวิธีลึกลับ  ที่วัดเต็มไปด้วยรูปปั้นปีศาจ  เขาต้องเข้าไปสืบหาอะไรบางอย่างที่เขาเองก็ยังไม่แน่ใจว่าต้องสืบหาอะไร  ในขณะที่ภายในวัดมีแต่สิ่งที่น่าสงสัยทั้ง  เจ้าอาวาสวัด ช่างทำเรือพระที่มาพร้อมลูกชายและลูกสาว  ผู้ป่วยที่มารักษาและผู้ใหญ่บ้านผู้คอยระแวงสงสัยในตัวอาคม 

    การเข้าไปสืบเสาะหาความจริงภายใต้พื้นที่ที่ถูกทำให้คลุมเครือด้วยความลึกลับและไสยศาสตร์  ทำให้เรื่องราวภายในหนังสือเรื่องนี้น่าติดตาม  ยิ่งเรื่องราวน่าตื่นเต้น ยิ่งลุ้น กว่าจะรู้ตัวเราจะพบว่าหนังสือเล่มนี้ได้มาถึงตอนจบโดยที่เราไม่ทันได้รู้ตัว

    ส่วนตัวเราชอบเรื่องนี้  
    เพราะในการอ่านหนังสือเล่มหนึ่งจบลงไปแล้ว  การหวนคิดถึงเนื้อหา ตัวละคร  เรื่องราว พล็อต หรือปมต่าง ๆ ที่ได้ตามมาหลังจากนั้น  ระยะเวลาที่หากยาวนานมากแค่ไหน  จะเป็นตัวบ่งบอกถึงความติดตรึงในความทรงจำของเรากับหนังสือเล่มนั้น ๆ  เราเรียกอาการของเรานี้ว่า 'อาฟเตอร์เอฟเฟค' ซึ่งก็เ็นการเรียกเอาเองของเรา  

    เรานี้ทำเราคิดถึงปมปริศนาต่าง ๆ ได้ต่อมากมาย ส่วนหนึ่งเราคิดว่าเพราะการเล่าและเรื่องราวที่ดูเหมือนจะจบแต่มีบางอย่างที่เราก็คิดว่ามันยังไม่จบ  มันจึงเป็นเรื่องราวที่ทำให้เราชอบเรื่องนี้ 

    ยิ่งหนังสือเล่มไหนทำให้เราได้ขบคิดได้มาก  อาจจะคิดเล่น ๆ หรือคิดจริงจัง  หนังสือเล่มนั้นจะเป็นหนังสือที่เราค่อนข้างชอบ

    ถ้าถามเรื่องนี้ให้อะไร  หนังสือเล่มนี้ให้สิ่งที่เราหวนรับรู้ถึง ประเด็นการค้ามนุษย์และประเด็นโรฮิงญาอีกครั้ง  ประเด็นที่เคยเป็นข่าวในประเทศไทยเมื่อหลายปีก่อน--ข่าวดังมาก--แล้วตอนนี้กลับเป็นเรื่องราวที่เงียบหายเข้ากลีบเมฆไปอย่างไร้ร่องรอย  ราวกับว่าพวกเขาได้ล่องทะเลหายไปอย่างลึกลับ--ทั้งที่ความจริงอาจจะไม่ใช่--มันเป็นประเด็นการเมืองที่สำคัญอีกประเด็นหนึ่ง  ที่เมื่อเราไม่ได้อยู่นแวดวงที่สนใจ  เรากลับลืมเลือน  หนังสือเล่มนี้ทำให้เราหวนคิดถึงเรื่องนั้นได้อีกครั้ง

    ส่วนสุดท้ายหากถามหนังสือเรื่องนี้เหมาะกับใคร  เราว่าเล่มนี้เหมาะสำหรับใครก็ตามที่ชอบ วรรณกรรมเยาวชน  นิยายแนวสืบสวน  หรือนิยายที่ดำเนินเรื่องราวด้วยตัวละคร เด็กหนุ่มวัยรุ่น เพราะเรื่องนี้จะรู้สึกว่าตัวละครแอบแกล้งคนอ่านประมาณว่าจะแอบแง้มบอกเรื่องราว แต่ไม่ เปลี่ยนใจขออุบไว้ก่อน  ตัวละครเล่าเรื่องแบบนั้น  เป็นตัวละครที่อยู่ระหว่างกวน ๆ กับน่าตบให้หัวทิ่ม 'อาคม' มีลักษณะแบบนั้น  

    สำหรับคนอีกประเภทที่เราว่าเล่มนี้เหมาะสำหรับคุณคือ  ใครที่กำลังหาเรื่องราวงานเขียนนิยายที่มีพล็อตที่แปลก ๆ เรื่องนี้จะทำให้คุณอ่านแล้วติดหนึบ

    ตรงกันข้ามที่เรื่องนี้ไม่เหมาะสำหรับใคร  เราคิดว่า ใครที่ต้องการอ่านหนังสือที่มีบทจบอย่างสวยงาม  จบเคลียร์แบบไม่ต้องคิดอะไรต่อ จบแบบจบจริงๆ เรื่องนี้อาจจะทำให้คุณขัดใจในตอนจบ. 

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in