เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Bandtrash's JournalBands for Bandtrash Thailand
Gerard Way กับการยุบ MCR: "การทำเพลงไม่น่าสนุกอีกต่อไป"
  • ในโอกาสที่คอมิคเกี่ยวกับซุปเปอร์ฮีโร่ของเขากำลังจะฉายในเน็ตฟลิกส์ อดีตเทพอีโมมาเปิดอกถึงการเริ่มต้นใหม่และการกลับมรวมวงกันอีกครั้ง


    เมื่อปลดระวางจากแสงสี เวที และฝูงชนแล้ว ร็อคสตาร์บางคนเลือกที่จะหันไปใช้เวลาที่มีไปกับการทำฟาร์มปลาเทราต์ บางคนไปทำชีสและคบค้าสมาคมกับนักการเมืองจากพรรอนุรักษ์นิยมแทน และอีกหลายๆคน อย่างเช่น เจอราร์ด เวย์ (Gerard Way) ก็หันไปหาหนังสือการ์ตูน

    เมื่อ 13 ปีที่แล้ว เจอราร์ดเป็นหนึ่งในร็อคสตาร์ที่โดดเด่นที่สุดในวงการ เขาเป็นเหมือนเทพแห่งงานเทศกาลเพลงรีดดิง (Reading Festival) เป็นเจ้าของผมสีแพลตินัมบลอนด์ชวนช็อคที่มีสำนักข่าวแท็ปลอยด์คอยตามไปเตรียมคุกคามเขาทุกที่ที่ไป วงมายเคมิคอลโรแมนซ์ วงดนตรีที่เขาเคยเป็นนักร้องนำอยู่ โดนกล่าวหาว่าเป็นต้นเหตุชักจูงเยาวชนเข้าสู่ด้านมืดเพราะเนื้อเพลงของพวกเขาที่ดูจะหมกมุ่นอยู่กับความเจ็บปวดและความตาย อัลบั้มเดอะแบล็คพาเหรด (The Black Parade) ซึ่งวางจำหน่ายในปี 2006 เป็นคอนเซ็ปต์อัลบั้มที่พูดถึงชีวิตหลังความตาย มันได้ลิซ่า มินเนลลี (Liza Minnelli) มาร่วมร้องด้วยและมียอดขายถึง 4 ล้านชุด มันคือการนำสไตล์กอธ (Goth) มารีแบรนด์ใหม่เป็นของยุคศตวรรษที่ 21 แทน และคำเรียกของมันคือ 'อีโม' (Emo) เดอะแบล็คพาเหรด ยังถูกสำนักข่าวเดลี่เมล (Daily Mail) เรียกว่าเป็น "ลัทธิที่ชั่วร้าย" และซาราห์ แซนด์ส (Sarah Sands)  ผู้ซึ่งปัจจุบันเป็นบรรณาธิการประจำรายการทูเดย์ของสถานีวิทยุบีบีซี แชนเนล 4 (Radio 4’s Today programme) กล่าวหาอัลบั้มนี้ว่า "เชิดชูการทำร้ายตัวเอง" ทั้งๆที่ เดอะแบล็คพาเหรด  ได้อิทธิพลมาจากวงควีนส์ (Queens) และชีพทริค (Cheap Trick) มากกว่าจากผู้เชี่ยวชาญเรื่องศาสตร์มืดลี้ลับอย่าง อเลสเตอร์ โครวลีย์ (Aleister Crowley) หรือฆาตกรต่อเนื่องอย่าง ชาร์ลส์ แมนสัน (Charles Manson) แท้ๆ



    เจอราร์ด เวย์ในปี 2019 คนนี้ไม่ใช่ผู้ชายคนที่ใส่เสื้อแจ็คเกตทหารสีดำและเรียกตัวเองว่าเป็น 'ผู้กอบกู้ของเหล่าคนที่แหลกสลาย พ่ายแพ้และถูกสาป' (The Saviors of the broken, the beaten and the damned - Welcome to the Black Parade) อีกต่อไป ด้วยอายุ 41 ปีในปัจจุบัน เขาเก็บเสื้อแจ็คเกตทหารกับยาย้อมผมทิ้งไว้ในอดีต ("นี่ก็นานมากแล้วที่ผมได้เห็นสีผมธรรมชาติของตัวเอง แล้วผมอยากรู้ว่าตอนนี้มันเป็นไงมั่ง" เขาเสริม) และกำลังจะออกซีรี่ย์ทางเน็ตฟลิกส์ที่เขาร่วมเป็นผู้อำนวยการผลิต (co-executive producer) ซีรี่ย์สร้างจากหนังสือการ์ตูนเรื่องอัมเบรลลา อะคาเดมี (Umbrella Academy) คอมิคที่เขาเขียนร่วมกับนักวาดชื่อ กาบริเอล บา (Gabriel Bá) ซีรีย์เกี่ยวกับซุปเปอร์ฮีโร่เรื่องนี้ได้สตีฟ แบล็คแมน (Steve Blackman) จากเรื่องฟาร์โก (Fargo) มาเป็นหัวหน้าทีมเขียนบท (showrunner) และได้ดาราอย่างเอลเลน เพจ (Ellen Page), แมรี เจ. ไบลจ์ (Mary J Blige ) และลิงพูดได้สุดเจ๋งที่สร้างจากคอมพิวเตอร์ มาบอกเล่าเรื่องราวของมหาเศรษฐีคนหนึ่งกับเด็กๆที่เขารับอุปการะ และวันโลกแตก เวย์เริ่มเขียนคอมิคเรื่องนี้ประมาณช่วงที่มายเคมิคอลโรแมนซ์ยังทัวร์อยู่ในรถบัสแถวๆสนามกีฬาเวมบลีย์ สหราชอาณาจักร และด้วยสาเหตุนี้ ประสบการณ์จากการทัวร์ของเขาก็มีส่วนเป็นแรงบันดาลใจให้กับอัมเบรลลาอะคาเดมี "มันก็เหมือนเป็นอัตชีวประวัติของผมอยู่นะครับ ตรงที่มันเป็นครอบครัวที่มีปัญหาภายใน" เขาอธิบาย "ซึ่งมันเหมือนกับการอยู่ในวงดนตรีมากเลยล่ะ"  

    ตอนที่ฉันโทรหาเวย์ที่ตอบรับอย่างเต็มใจ เขาอาศัยอยู่ในย่านอีเกิ้ลร็อค ลอสแองเจลีส ในบ้านหรูหราหลังหนึ่งที่เคยเป็นของคู่ศิลปินสไตล์เซอร์เรียลิซึ่ม มาร์ค ไรเดน (Mark Ryden) และมาเรียน เพ็ก (Marion Peck) ซึ่งเป็นเพื่อนของเขาเอง ทั้งคู่ย้ายออกไปเหลือไว้แค่ภาพวาดฝาผนังกับครอบครัวกระรอกที่เกือบเชื่องให้เจอราร์ด ภรรยา และลูกสาวได้ให้อาหารกันเกือบทุกวัน ในตอนนี้กิจกรรมที่ร็อคที่สุดเขาทำคงเป็นแค่ให้อาหารสัตว์ป่าแถวบ้านและดื่มกาแฟวันละหกแก้ว แต่เขาก็มีความสุขที่สุดแล้ว

    "ผมชอบการที่ได้สร้างสรรค์อะไรอยู่ตลอดเวลา ซึ่งแย่หน่อยถ้าคุณอยู่ในวงดัง เพราะคุณต้องทำเรื่องน่าเบื่อหลายอย่างด้วย เช่นออกทัวร์แล้วก็อยู่ห่างครอบครัว หรือส่วนมากมันก็เป็นเรื่องธุรกิจ" เขาอธิบาย "แต่ตอนนี้ผมได้อยู่บ้านกับครอบครัวแล้ว และก็นั่งเขียนคอมิคของผมในห้องทำงาน ผมไม่ต้องออกจากบ้านหรือห่างพวกเขาอีกครับ" ห้องทำงานของเวย์ก็คือสตูดิโอเก่าของเพ็กที่ยังเปรอะสีของเจ้าตัวอยู่



    ถ้าลองคิดดูว่าตลอดเวลาที่ผ่านมานี้ การที่เจอราร์ดมาเป็นร็อคสตาร์ได้นั้นเป็นเรื่องบังเอิญแท้ๆ ก็จะเข้าใจว่าการที่ปัจจุบันเขารักวิถีชีวิตสันโดษราวกับนักบวชแบบนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกเลย ความหลงไหลในคอมิคตั้งแต่วัยเยาว์ของเขานำไปสู่การเขียนและตีพิมพ์คอมิคเล่มแรกตอนที่เขาอายุได้ 16 ปี เขาเข้าเรียนศิลปะที่ นิวยอร์ค สคูล ออฟ วิชวลอาร์ต (New York School of Visual Art) และเข้าฝึกงานที่การ์ตูน เน็ตเวิร์ค คอมิคถูกกำหนดมาให้เป็นชีวิตของเขา แต่หลังจากที่เห็นเหตุการณ์วินาศกรรม 11 กันยายนเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา และชีวิตเขาประสบปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพจิตและพฤติกรรมเสพติดยา เขาก็เริ่มเขียนเพลง

    "การเขียนเพลงคือวิธีระบายของผม... ก็เหมือนใช้ศิลปะบำบัดน่ะครับ" เขากล่าว "แต่จู่ๆมันก็บูมแล้วควบคุมไม่ได้จนกลายเป็นวงนี่"

    มายเคมิคอลโรแมนซ์กลายเป็นหนึ่งในวงที่ดังที่สุดในช่วงทศวรรษ 2000 แต่ช่วงเวลาที่พวกเขาเป็นวงแนวหน้านั้นช่างสั้นเหลือเกิน เค้าลางการสิ้นสุดของวงนี้มาให้เห็นกับอัลบั้ม เดงเจอร์เดยส์: เดอะ ทรูไลฟ์ ออฟ เดอะ แฟบิวลัส คิลจอยส์  (Danger Days: The True Lives of the Fabulous Killjoys) อัลบั้มของปี 2010 ที่โดนรื้อเขียนใหม่ทั้งชุด "พออะไรๆเริ่มประสบความสำเร็จและไปได้ดี ก็จะเริ่มมีคนที่เสนออะไรขึ้นมากมาย แล้วตอนนั้นแหละที่คุณจะอยู่ในจุดที่ลำบากแล้ว" และหลังจากที่เดอะแบล็คพาเหรดประสบความสำเร็จ ก็กลายเป็นว่า "จู่ๆทุกคนก็เริ่มมีการคาดหวังกันแล้วว่าเอ็มซีอาร์ควรจะออกมาเป็นยังไง มันก็เลยยิ่งทำให้ยากสำหรับเราที่จะตัดสินใจได้ควรจะไปทิศทางไหนต่อ คุณจะติดอยู่ในความกังวลว่า 'ทำออกมาแล้วมันจะดีพอรึเปล่านะ?'"

    เวย์ประกาศยุบวงในปี 2013 ท่ามกลางความเสียใจของชาวอีโมทั่วโลก "พอเป็นแบบนี้การทำเพลงมันก็ไม่น่าสนุกอีกต่อไปแล้ว ผมคิดว่าการยุบวงทำให้พวกเราหลุดออกจากวังวนนั้น" 

    ในตอนนั้น หนึ่งในสาเหตุของการยุบวงที่เขาบอกกับทุกคนคือว่าโลกนี้ได้เปลี่ยนไปแล้ว การที่บารัค โอบามาขึ้นเป็นประธานาธิบดีก็เท่ากับว่าพวกเขา (มายเคมิคอลโรแมนซ์) ไม่จำเป็นอีกต่อไป ฉันบอกเวย์ว่าจริงๆแล้วโลกอาจจะต้องการพวกเขายิ่งกว่าคราวไหนเสียอีกนะ ถ้าดูจากสภาพการเมืองของสหรัฐและสิ่งที่เกิดขึ้นในปี 2018 น่ะ ปีที่เวย์เองก็เรียกว่า "เป็นปีของมนต์ดำ"

    "ผมก็คิดอยู่นะตอนที่เห็นว่าโลกมันเริ่มจะเละเทะอีกแล้ว ผมคิดทันทีเลยแหละ แต่ว่าตอนนี้ผมเปลี่ยนไปมากจากคนที่ผมเคยเป็นตอนนั้นแล้ว ผมไม่รู้ว่าตัวเองจะกลับไปมีส่วนร่วมอีกยังไง ผมไม่รู้ว่าวงของเราจะกลับไปมีบทบาทแบบนั้นอีกได้ยังไง แต่คุณก็พูดถูกจริงๆแหละครับ โลกเรากำลังต้องการอะไรที่เป็นแง่บวกแน่นอน"

    แน่นอนว่าฉันไม่ใช่คนเดียวที่อยากรู้ว่าวงที่มีความหมายต่อคนจำนวนมากวงนี้จะมีโอกาสกลับมารวมตัวกันอีกไหม

    "ใช่ มีคนขอให้เรามารวมตัวกันอีกอยู่เรื่อยๆ จริงๆคือเกิดขึ้นบ่อยมาก" เขาว่า "ผมดีใจนะครับ  พวกเขาน่ารักมาก...." แต่มันจะไม่มีทางเกิดขึ้นเหรอ? "ผมก็คิดถึงตอนที่เล่นโชว์กับเพื่อนๆ[ในวง]นะครับ... แต่ผมไม่คิดว่าจะรวมล่ะ"


    ถ้าสาเหตุที่คุณต้องการให้พวกเขารวมวงกันเป็นเพราะอยากเห็นผลงานเพลงใหม่ๆล่ะก็ เจอราร์ดมีอะไรเตรียมไว้ให้คุณอยู่แน่นอน ในปีที่แล้วเขาปล่อยเพลงใหม่ออกมา 3 เพลง หลังจากที่เคยออกอัลบั้มเดี่ยว เฮซิแทนต์ เอเลี่ยน (Hesitant Alien) ในปี 2014 แต่ว่าเขาจะออกผลงานอะไรที่เป็นทางการอย่างเช่นอัลบั้มฉบับเต็มไหม? เรื่องนั้นไม่น่าจะเป็นไปได้

    "ผมกะว่าจะปล่อยเพลงออกมาเฉยๆแล้วดูว่าจะเป็นยังไงบ้าง ผมตั้งใจไว้อย่างนั้นครับ"

    ความรุงรังของอุตสาหกรรมดนตรีซึ่งเคยเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้มายเคมิคอลโรแมนซ์ยุบวงนั้น ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เจอราร์ดไม่อยากทำงานเพลงในระบบแบบเดิมอีกแล้ว

    "ตอนผมทำเพลงเดี่ยวผมก็ยังติดอยู่ในวังวนนั้นอยู่ เราเสียเวลามากกว่าที่ควร จริงๆเราควรจะได้อัดอัลบั้มให้เสร็จภายในเดือนเดียวแล้วก็ปล่อยเลยด้วยซ้ำ"

    ถึงแม้ว่าเขาจะบอกว่าเอ็มซีอาร์จะไม่มีวันกลับมารวมวงกันใหม่ แต่สิ่งที่เขากำลังจะพูดต่อไปนี้ก็อาจจะทำให้แฟนๆยังมีความหวังอยู่ "ผมคิดว่าถ้าเรากลับมาทำเอ็มซีอาร์กันอีกครั้ง เราจะไม่อยู่ในวังวนนั้นแล้ว" เขาว่า "มันน่าจะออกมาเป็นแบบ 'อ่ะ เนี่ยเพลงใหม่จากพวกเรา เราจะปล่อยเพลงนะ จบ แค่เนี้ยแหละ'"

    โปรเจคต์ใหญ่ชิ้นต่อไปของเจอราร์ดคือเขียนนิยายเล่มแรกในชีวิตเขา ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาคิดมาตั้งแต่สมัยที่ยังเรียนอยู่ที่โรงเรียนศิลปะแล้ว ถ้าพูดถึงเรื่องไอเดีย เวย์น่ะมีอยู่เต็มร้อย

    "เคยได้ยินคำที่เขาพูดกันไหมครับ? ว่าตอนที่เขียนเพลงอัลบั้มแรก คุณจะมีทั้งเวลาชีวิตจนถึงจุดที่เริ่มเขียนที่จะบ่มเพาะมันออกมา ผมคิดว่าคำพูดนี้ใช้ได้กับสำหรับการเขียนหนังสือเล่มแรกด้วย" เขาบอก

    ถึงแม้ว่าทุกวันนี้เขาจะเก็บตัวอยู่ในห้องทำงานของเขามากกว่าออกมาเล่นเป็นวงหลักในเทศกาลดนตรีก็ตาม เขาจะไม่หยุดอยู่แค่นี้และเราจะได้เห็นผลงานจากผู้ชายที่ชื่อ เจอราร์ด เวย์ ในอนาคตอีกแน่นอน

    อัมเบรลลาอะคาเดมี ฉบับซีรี่ย์มีกำหนดฉายวันที่ 15 กุมภาพันธ์นี้ทางเน็ตฟลิกส์










    ที่มา: Gerard Way on the end of My Chemical Romance: 'It wasn't fun any more'

    บทความโดย: เลโอนี คูปเปอร์ (Leonie Cooper)

    ตีพิมพ์เมื่อ: วันเสาร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา 10.00 น. (ตามเวลามาตรฐานกรีนนิช) 

    แปลโดย: Bands for Bandtrash TH

    สืบค้นเมื่อ: วันเสาร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา 21.30 น. (ตามเวลาไทย) 

     

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in