เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
I READ YOU A LOTilysm
Review | The Power of The Dog



  • The Power of The Dog
    by Thomas Savage 










                รู้จักเรื่องนี้เพราะมีข่าวออกมาว่าพี่เบนจะเล่นเป็นตัวละครหลัก แล้วไปอ่านเนื้อเรื่องคร่าวๆ แล้วพบว่าน่าสนใจมาก เพราะ Annie Proulx ที่แต่ง Brokeback Mountain เรื่องสั้นเกี่ยวกับคาวบอยหนุ่ม 2 คนที่ตกหลุมรักกันในตำนาน เป็นผู้เขียน Afterword ให้หนังสือเล่มนี้ และชื่นชมว่าเจาะลึกถึงประเด็น homosexuality ในสังคมคาวบอยสม่ัยก่อนไปพร้อมๆ ประเด็นอื่นได้ดีเลย ก็เลยอยากได้หนังสือเล่มนี้มากกกกกกกจนเริ่มออกตามล่า แล้วเผอิญไปเจอในร้านหนังสือมือ 2 ก็เลยคิดว่าโชคชะตาเลือกเรามาคู่กันแล้ว อิ___อิ



    เรื่องย่อ 

                Phil และ George เป็นเจ้าของฟาร์มที่ใหญ่ที่สุดในหุบเขาหนึ่งใน Montana พวกเขาเป็นพี่น้องที่สนิทสนมกันมากและทำงานเคียงข้างกันเสมอ ในขนะที่ Phil ฉลาด หล่อเหลา ชอบเสียดสีและร้ายกาจ George ติดจะโง่ทึ่ม งุ่มง่าม เก็บตัว แต่ใจดี ความขัดแย้งระหว่างทั้งสองเกิดขึ้นเมื่อ George แต่งงานแล้วพา Rose เข้ามาอยู่ด้วย Phil เชื่อว่า Rose แค่หวังเงิน และพยายามหาทางไล่เธอออกจากบ้านไปโดยเห็น Peter ลูกชายที่มีจริตจะก้านเหมือนผู้หญิงของเธอเป็นเครื่องมือสำคัญ





    ตัวละคร


    "But Phil knew...what it was to be a pariah, and he had loathed the world, should it loath him first."

     

                Phil เป็นตัวละครที่เราเกลียดและชอบที่สุดในเรื่อง เขาเป็นผู้ชายแบบที่เรียกได้ว่าทั้งชีวิตนี้ไม่ขอเจอ ดิบเถื่อน โหดร้าย ขยันพูดจาเหน็บแนม ดูถูกผู้หญิง เหยียดเชื้อชาติอื่น รังเกียจผู้ชายที่ไม่ masculine และคนรักเพศเดียวกัน แต่ขณะเดียวกันก็ฉลาด รอบรู้ ดังนั้น Phil จะทำให้คนอ่านมี mixed feelings ไม่ชอบสิ่งที่เขาทำแต่ก็ลุ้นว่าเขาจะทำอะไรต่อไป เพราะ Phil คือตัวเดินเรื่องที่สำคัญและสรรหาสารพัดวิธีมาพิสูจน์ toxic masculinity ของตัวเอง ทำให้ Phil สะท้อนภาพผู้ชายในชนบทอเมริกันตะวันตกได้เป็นอย่างดี ว่าคาวบอยมีค่านิยมอะไรบ้างสำหรับทุกอย่าง


                 แต่เราไม่คิดว่าจะมีใครเกลียด Phil ได้ลง อย่างน้อยก็เราคนนึง เพราะว่าถึงแม้ผู้ชายคนนี้จะร้ายแค่ไหน แต่เขาก็เป็นตัวละครที่ซับซ้อนและมีมิติมาก มีความคิดลึกๆ มีมุมที่ซ่อนไว้ไม่ให้ใครรู้ มีเหตุผลของการกระทำตนเองแบบที่เราอ่านจบแล้วหดหู่อะ เพราะรู้ว่าตัวละครนี้ต้องการความรักไม่แพ้ใครเลย อีกอย่าง เราชอบมากที่ Phil ฉลาดเกินกว่าจะใช้กำลังในการรังแกใคร ดังนั้นหมดปัญหาเรื่องฉากความรุนแรงเกินรับได้






    มีสปอยล์


                   การดำเนินเรื่องไม่บอกตรงๆ แต่แสดงให้ดู จนกลายเป็นคนอ่านต้องอยู่กับความคลุมเครือ ตอนอ่านเราก็เดาเอาเองว่าทำไม Phil ถึงได้หมกมุ่นอยู่กับ masculinity ขนาดนั้น ทำไม Phil ต้องทำร้ายคนอื่นโดยเฉพาะ Rose ซึ่งเป็นผู้หญิง และที่สำคัญ ในขณะที่ Peter ถูกล้อ ถูกรังแก โดย Phil เป็นคนแรก ว่าเป็น Sissy ไม่ใช่ชายแท้ ทำไมคนที่ดูเหมือนจะมีความรู้สึกให้ Peter มากที่สุดถึงเป็น Phil ล่ะ แล้วทุกอย่างก็เมคเซนส์กับการที่ Phil ชอบอยู่กับเหล่าคนงานผู้ชาย, ชื่นชม Bronco Henry จนเหมือนเป็นรักแรก, และไม่แต่งงาน ไม่สนใจผู้หญิง อ่านจนจบถึงจะรู้สึกว่าได้รับการยืนยัน ที่แท้ Phil เป็น “repressed homosexual” และเขารู้ดีว่าตัวเองเป็น “a pariah(คนนอกคอก)” ทำให้เขาต้องแสดงออกในทางตรงข้ามเพื่อปกปิดมันเอาไว้ พอรู้แบบนี้แล้วจุกในอกมาก สังคมสมัยนั้นคือกดขี่คนๆ นึงขนาดไหนอะว่าต้องแสดงออกยังไง และการรู้ว่าตนเองชอบเพศเดียวกันมันเป็นฝันร้ายสำหรับเขาแค่ไหนทั้งที่มันไม่ควรเป็นแบบนั้นเลย มีประโยคนึงที่บาดลึกใจเรามาก คือ Phil รู้สึกว่าตัวเองอยู่ผิดที่ผิดเวลาอยู่เสมอ ในที่นี่คือเขาหลงรักวันเวลาเก่าๆ มากกว่า แต่สำหรับเราพอมาอ่านในปัจจุบันนี้ รู้สึกว่าถ้า Phil เกิดมาในยุคนี้ เขาคงไม่ต้องใช้ชีวิตของตัวเองอยู่กับการโกหกหลอกลวงและเสแสร้งเป็นคนอื่น T__________T 


                   การสร้างและพัฒนาตัวละครของ Thomas Savage คืออัจฉริยะมาก ฉากสุดท้ายของเรื่องที่ทำให้ขนหัวลุกคือ Phil ตายเพราะมือของเขาเองที่เขาจงใจไม่ใส่ถุงมือเวลาทำอะไรต่างๆ จนมือพังไปหมด เพืื่ออวดว่าตนเองเป็นชายแท้ เป็นคนที่แข็งแกร่ง แต่สุดท้ายเขาก็ตายเพราะมือตัวเอง เหมือนจะบอกคนอ่านว่าการใช้ชีวิตอยู่กับการเสแสร้งนี่แหละที่จะย้อนกลับมาฆ่าเราในที่สุด แม้แต่ Phil ที่ดูเหมือนจะโหดร้ายที่สุดในเรื่อ ก็ถูกทำลายเพราะความหวาดกลัวไม่ยอมรับตัวเอง



    หมดสปอยล์






                      พูดถึง Peter บ้าง ตัวละครนี้เป็นอีกตัวละครที่เราชอบที่สุด Peter เป็นเด็กเงียบๆ แปลกแยก แต่ฉลาดแล้วก็มีแพชชั่นในการเป็นหมอผ่าตัด แต่คนอื่นมองว่าเขาเป็นผู้ชายที่ออกสาว มักจะโดนเรียกอย่างดูถูกว่า "Sissy" ทำให้คนอ่านรู้สึกว่าตัวละครนี้ต้องมีอะไรในใจระดับหนึ่ง การค่อยๆ ทำความรู้จัก Peter ไปพร้อมๆ กันทำให้หนังสือเรื่องนี้มีสีสัน เพราะทุกอย่างที่ Peter ทำเราต้องคิดอีกตลบว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ และช่วงที่ Peter ได้เจอกับ Phil เป็นช่วงที่น่าสนใจที่สุดเลย


                      ด้วยความที่เรื่องนี้ดำเนินด้วยมุมมองแบบ 3rd person และจะมองผ่านมุมตัวละครแต่ละตัวสลับกันไป ทำให้เราได้เข้าไปอยู่ในหัวตัวละครทั้งหมด แต่จุดที่ไม่ชอบก็คือบางคร้้งไม่รู้จะโฟกัสที่ใคร การเปลี่ยนมุมมองค่อนข้างรวดเร็วปุบปับ จู่ๆ ก็ไปอีกเรื่องอะไรงี้ ทำให้หลุดสมาธิบ่อยๆ ก็มี 




    เนื้อเรื่อง


                Deliver my soul from the sword, my darling from the power of the dog

                

                ในแง่ของพล็อตจัดเป็นแนวดาร์กดราม่าสำหรับเรา ก็มีความเข้มข้น กดดัน หักมุมหลายตลบและปมเรื่องที่ขมวดแน่นขึ้น แน่นขึ้น จนอดลุ้นตามไม่ได้ แต่การดำเนินเรื่องค่อนข้างเนิบนาบ เอื่อยๆ และมีบรรยายภาพเยอะมากกกกกกกกกกกกกกกกกก ไม่ว่าจะเป็นฉาก การใช้ชีวิตในฟาร์ม หรือปัญหาอื่นๆ เช่นความต่างระหว่างชนชั้น การฆ่าตัวตาย มุมมองที่มีต่อผู้หญิง หรือปัญหาเชื้อชาติอย่างกลุ่มคนอินเดียนแดงในอเมริกาสมัยนั้น ทำให้น่าเบื่อหลายจุด ช่วงเริ่มแรกอ่านแล้วจะหลับ ท้อแท้ งง ปรับตัวไม่ทัน แต่พอมีตัวละคร Rose และ Peter เข้ามาแล้ว เรื่องก็ตื่นเต้นขึ้นมาก โดยเฉพาะตอนท้ายๆ ที่อ่านแล้วขนลุกเลย ขนลุกจริง

                จุดที่ชอบที่สุดคือการสร้างอารมณ์ร่วมและประเด็นในเรื่อง คนเขียนพาเราอินไปกับตัวละครเก่งมากๆ บทจะน้ำตาซึมก็น้ำตาซึม บทจะกลัวก็กลัวงี้ ตอนอ่านไม่เท่าไหร่ แต่พอได้ตกผลึกความคิดดีๆ พบว่าเรื่อง The Power of the Dog พาเราขบคิดเรื่อง repressed homosexuality กับ toxic masculinity หนักมาก ด้วยความที่เป็นยุคสมัยนั้น การแปลกแยกแตกต่างในทางใดก็จะไม่ได้รับการยอมรับ ทั้งเชื้อชาติ ฐานะ เพศ ศาสนา และเรื่องนี้ก็สามารถทำให้เราเห็นภาพประเด็นพวกนี้ได้ชัดเจนเลย จนเกิดความรู้สึกอึนๆ หน่วงๆ และหม่นไปหมดตอนอ่านจบ รวมถึงตอนที่อ่าน afterword และรีวิวคนอื่น

                สรุปแล้วคือสนุกปานกลาง เสพได้แต่ไม่ว้าว เพราะความว้าวไปอยู่ที่การสร้างตัวละครและการนำเสนอประเด็นในเรื่องมากกว่า แต่พล็อตก็ถือว่าผูกปมต่างๆ ได้ดี build tension ได้ดี แต่การคลายปมยังค้างคาใจอยู่ 



    มีสปอยล์


                  มีหลายจุดมากที่รู้สึกว่าอ่านพลาดไป ผลของความโง่ศัพท์และขี้เกียจเกินจะเปิดดิกนี้ เลยไม่สามารถบอกได้ว่าพล็อตแน่นแค่ไหน...แต่ที่แน่ๆ คือช็อกกับตอนจบ ใครไม่ขนลุกคือเก่งมาก เพราะเราขนลุกจริงๆ ร้องฟัคดังมากด้วย เข้าใจแล้วว่าทำไมคนเขียนถึงปูคาแรกเตอร์ Peter ได้เย็นชาและลึกลับขนาดนั้น สุดท้ายคือ Peter เอาซากสัตว์ตัวที่เจอนั่นแหละมาฆ่า Phil ทั้งที่เรานึกว่าเขารักกันอะ... ฝันสลายเพราะชอบเคมีระหว่างคู่นี้ แต่ก็เป็นตอนจบที่เข้ากับเรื่องจนอยากปรบมือให้ จากที่เบื่อๆ ง่วงๆ ระหว่างการอ่านคือตาถลนเลย ประทับใจการวางพล็อตส่วนนี้มาก T_T


    หมดสปอยล์


               



    ความรู้สึกส่วนตัว

                  มี Love-hate relationship กับนิยายเล่มนี้ เพราะว่าภาษายากมากกกกกกกกกกก ยากมากกกกกกกกกมากกกกกกกก อ่านยากจริงอะไรจริง แง หรือเราโง่เกินไป แต่พอศัพท์ทั้งเก่าและเป็นศัพท์ที่เกี่ยวกับคาวบอยก็ท้อแล้วอะ u____u เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง มีจุดที่ไม่เข้าใจและคิดว่าไม่สำคัญเลยอ่านผ่านๆ แต่จริงๆ สำคัญรึเปล่าก็ไม่รู้ ก็เลยคิดว่าไม่ใช่หนังสือที่เหมาะสำหรับการแนะนำเพราะอ่านแล้วรู้สึกผีบ้านิดๆ เว้นแต่จะชอบแนวนี้และชอบเสพภาษาอังกฤษเก่าๆ อยู่แล้ว ก็คงอ่านได้ตามปกติ แต่อีกใจนึงก็ชอบมากเพราะว่าตัวละครดีและเป็นคนที่อินกับ homosexuality ในยุคที่ยังไม่ได้รับการยอมรับ เช่น Brokeback Mountain ก็เป็นหนังรักของเกย์คาวบอยในดวงใจ แล้วเรื่องนี้เป็นแรงบันดาลใจบางส่วนให้ Brokeback Mountain อะ T______T ย่อมให้อะไรบางอย่างที่นิยายโมเดิร์นให้ไม่ได้เพราะขาดแบ็กกราวน์แบบในเรื่องนี้ สุดท้ายแล้ว The Power of the Dog ก็จัดเป็นนิยายที่อ่านแล้วไม่ผิดหวัง ตั้งใจว่าจะอ่านใหม่เพื่อทำความเข้าใจหรือซึมซับให้มากขึ้นก่อนดูพี่เบนเล่นในหนัง <3





    -ilysm.






                 






Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
Nocturnal (@Nocturnal)
ไม่นึกว่าจะมีคนไทยรีวิว the power of the dog เป็นคนอ่านนิยายวายเยอะมากกกและจิ้นเหมือนกัน555 ถ้าเป็นนิยายวายก็จะลงเอยกันหวานชื่น ทั้งที่ฟิล emotionally abused/bullied ปีเตอร์มาทั้งเรื่อง แต่นิยาย lgbtq ที่ต่างจากวายเขาจะไม่ romanticize อะไรแบบนั้น และจะค่อนข้าง real & raw