เมื่อไหร่ก็ตามที่พูดถึงโฆษณาของไทยประกันชีวิต สิ่งที่ทุกคนนึกถึงก็คงจะหนีไม่พ้นโฆษณาเรื่องราวชีวิตของชายชรา นามว่าปู่ชิว ที่สร้างความซาบซึ้งจนทำให้คนดูต่อมน้ำตาแตกมาแล้ว (โฆษณาเก่ามากกกกกกกก) และหลังจากนั้นไทยประกันชีวิตก็ได้ผลิตโฆษณาแนวนี้ออกมากระแทกจิตใจของคนดูอีกเรื่อยๆ แต่ที่เราอยากหยิบยกมาพูดในวันนี้ก็คือเรื่องนี้ Silence of Love
Silence of Love เป็นหนึ่งในโฆษณาไทยประกันชีวิตที่พูดถึงเรื่องราวของพ่อที่พิการเป็นใบ้ และลูกสาววัยรุ่นที่ถูกเพื่อนล้อเลียนเรื่องพ่อ (สังคมเพื่อนแบบนี้ทำให้คนที่ถูกล้อเลียนเกิดความรู้สึกว่าชีวิตตัวเองนั้นมีปัญหา และเกิดเป็นปมด้อยในจิตใจ) มีฉากที่แสดงให้เห็นถึงความรู้สึกของคนที่มีปัญหาชีวิต (อยู่คนเดียว ดูซึมเศร้า) ซึ่งเป็นเรื่องราวที่ละเอียดอ่อนและสะท้อนมาจากความจริงส่วนใหญ่ในสังคมไทยสมัยนี้ และถูกถ่ายทอดออกมาได้ค่อนข้างสะเทือนอารมณ์คนดูพอสมควร
เนื้อเรื่องของโฆษณา ปูเรื่องให้เห็นถึงปัญหาที่เป็นต้นเหตุให้ลูกสาวรู้สึกอาย และเกลียดที่มีพ่อเป็นใบ้ (เพื่อนนี่ หืมมม ตัวดีเลย) พ่อสอนหรือเตือนอะไรก็รำคาญ และจุดพลิกผันคือการที่มีเรื่องของความรักในวัยรุ่นเข้ามาเกี่ยวข้อง ลูกสาวก็ได้หันไปให้ความสำคัญกับแฟนหนุ่มมากกว่าพ่อ และเกิดเหตุการณ์ที่ทะเลาะกับแฟนหนุ่มจนคิดฆ่าตัวตาย แต่พ่อก็เข้ามาช่วยพาไปส่งโรงพยาบาลไว้ได้ทัน ได้มีการขอร้องหมอถึงแม้ว่าพ่อจะเป็นใบ้พูดไม่ได้ ก็แสดงออกทางอารมณ์ให้เห็นถึงความเป็นห่วงลูกอย่างชัดเจน เหตุการณ์นี้ทำให้ได้เห็นถึงความรักของพ่อที่มีต่อลูก จนลูกสาวสัมผัสได้ถึงความรักนั้นและเริ่มกลับตัวคิดได้
วิธีการเล่าเรื่องจะเป็นการเล่าผ่านตัวละครเอกของเรื่อง และมีเสียงบรรยายของลูกสาวปะปนกันไป มีการเขียน subtitle ด้านล่างเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งดูมีความเป็นสากล สามารถเข้าใจได้ทุกเชื้อชาติ
ในระหว่างการเล่าเรื่องมีการตัดสลับฉากย้อนให้เห็นถึงอดีต และมีตัดต่อฉากกระตุ้นอารมณ์ด้วยการใส่ Insert Shot แทรกเข้าไปในฉากที่อยู่ในโรงพยาบาล ตอนที่ชีพจรเต้นต่ำจนดูเหมือนกับว่าลูกสาวจะไม่รอดแล้ว และตอนที่พ่อเป็นคนให้เลือดแก่ลูกสาว ส่วนเพลงประกอบโฆษณาเป็นเพลงเกาหลี Ee Jook Il Nom Eh Sarang (ในเรื่องเป็นเพลงบรรเลง) ก็สามารถช่วยดึงอารมณ์ให้จมกับความรู้สึกเศร้าไปกับเนื้อเรื่องยิ่งกว่าเดิมเข้าไปอีก (น้ำตาจิไหล ฮืออออออออออ)
โทนสีของฉากส่วนใหญ่เน้นให้ดูเก่าๆเป็นแสงแบบ Low Key ที่สร้างความรู้สึกหดหู่ให้เกิดอารมณ์ร่วมไปกับโฆษณา ฉากในการถ่ายทำก็ดูเหมาะสมกับตัวเนื้อเรื่อง เช่น บ้านที่อาศัยที่ดูโทรมๆ ไม่ได้เว่อร์วัง (ตามสไตล์คนจีนที่เน้นเก็บเงิน ไม่เน้นใช้) อาชีพของพ่อที่แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจทำงานหาเงินเพื่อเลี้ยงดูลูกสาวคนเดียวของเขา การแต่งกายของตัวละครก็ดูเป็นชีวิตประจำวันปกติ
เชื่อว่าทุกคนที่ได้ดูคงจะรู้สึกอินไปกับโฆษณานี้ (ไม่มากก็น้อย) เพราะในช่วงชีวิตวัยรุ่นของคนส่วนใหญ่ก็คงจะเคยผ่านเหตุการณ์ที่ใกล้เคียงกับในโฆษณา เคยรำคาญเวลาพ่อแม่เตือนหรือว่าสอน ไม่พอใจและหงุดหงิดเหมือนกับลูกสาวในเรื่องนี้ และคิดได้ในภายหลังเช่นกัน (รวมถึงตัวเราเองด้วย)
"จริงๆ โฆษณานี้มันก็นานแล้ว แต่ที่เลือกหยิบมาเล่าสู่กันฟังเนี่ย ก็เพราะคิดว่า โฆษณานี้มันเหมือนกับเป็นการเตือนสติให้ฉุกคิดว่าเราหลงลืมความสำคัญของครอบครัวไปหรือไม่ แม้ว่าเราผิดหวังจากเรื่องอะไร ก็ยังมีคนที่รักและเป็นห่วงเรา รอเราอยู่ที่บ้านเสมอ"