เพิ่งจะเข้าเดือนตุลาคมแต่อากาศในแม่สะเรียงเย็นลงมาก อีกสามสี่องศาก็จะเหลือเลขตัวเดียว ราวกับเป็นเดือนธันวาคมไปอย่างนั้น โชคร้ายที่วันนี้เป็นวันออกหว่าวันแรก ตีสามก็ได้ยินเสียงกุกกักคึกคักไปทั้งบ้านและรวมไปถึงข้างๆบ้านด้วยจนใครก็ตามที่ยังคงนอนอยู่ไม่กล้าจะนอนต่อไปได้อีก
วิรงรองงัวเงียเดินลงมาด้วยชุดนอนพร้อมถุงเท้า และเอาผ้านวมเก่าที่ไม่นวมแล้วห่มตัวลงมาจากห้องนอนด้วยแสงไฟฟลูออเรสเซนด์สว่างจ้าทั้งบ้าน เมื่อลงไปด้านล่าง เสียงคนก็อึกทึกไม่แพ้กัน พ่อเฒ่ากับแม่เฒ่ากำลังนั่งจิบโอวัลติน ขณะเตรียมเรียงขนมกับผลไม้ใส่ถุงเล็กๆแยกเอาไว้เพื่อเตรียมตักบาตร พวกท่านกำลังร้องห้ามน้องสนุ๊คกับสแน็คไม่ให้คว้าเอาขนมที่เตรียมตักบาตรไปกิน ขณะที่เด็กสองคนวิ่งรอบบ้านครื้นเครง
เมื่อวิรงรองเข้าไปในครัว แม่ของเธอก็เอะอะเอ็ดตะโรทันทีเรื่องที่หอบเอาผ้าห่มเข้าไปด้วย
“ก็มันหนาวนี่” เธอเถียง
“หนาวก็ใส่เสื้อกันหนาวซะสิเอาผ้าห่มมาคลุมตัวแล้วเข้าครัวได้ไง น่าเกลียด ออกไปเดี๋ยวนี้เลย”
แม่กำลังคดข้าวนึ่งร้อนๆใส่ถุงพลาสติกถุงเล็กๆเตรียมตักบาตรพระอยู่ และกำลังอุ่นแกงที่แน่นอนว่าน่าจะเป็นแกงฮังเลเพราะกลิ่นเครื่องเทศฟุ้งออกมาด้านนอก กลิ่นแกงฮังเลค่อนข้างรุนแรง อาจจะเหม็นติดผ้านวมได้แม่ถึงได้บอกให้วิรงรองออกไปไกลๆจากครัวเสีย เธอต้องยอมถอยออกมานั่งที่ห้องนั่งเล่นช่วยแม่เฒ่าเตรียมขนมแทน
“ผ้านวมเนี่ยเมื่อไหร่จะเอาออกจากตัวน่ะฮึ?”แม่เฒ่าอดถามไม่ได้ ตาก็แลมองที่ขนมจอกขนมเทียนที่อาจจะไปเปื้อนผ้านวมที่วิรงรองห่มตัวอยู่อย่างรำคาญลูกตา
“มันหนาวอะเจ้าแม่เฒ่า ถ้าไม่ทำตัวให้อุ่นเดี๋ยวน้องเป็นหวัด”วิรงรองแก้ตัว
“ทำไมไม่แต่งเนื้อแต่งตัวให้มันดีๆหนาวก็ใส่เสื้อหนาวสิ ไม่ใช่ว่าใส่ชุดนอนแล้วเอาผ้าห่มมาคลุมตัวแบบนี้ วันนี้บ้านมีแขกผู้ชายอยู่ด้วยเน่อทำอะไรระมัดระวังหน่อยซี่เป็นสาวเป็นนาง”
“แม่เฒ่าก็พูดเหมือนน้องแต่งตัวโป๊งั้นแหละ แล้วพี่อู๋แกก็ไม่ใช่แขกที่น้องต้องระวังอะไรขนาดนั้นด้วย ”
ทว่า ขณะที่พูด อนรรฆที่กำลังพูดถึงก็เดินเข้ามาที่นั่นพอดี เขาบึนปากให้วิรงรองเห็นทีเล่นทีจริง
“กระโดกกระเดกยังงี้นี่เล้าถึงได้ขึ้นคานไม่มีใครเอา แม่เฒ่าเตือนก็ไม่รู้จักฟัง เห็นงี้แล้วคู่หมั้นเธอก็คงจะทิ้ง”
วิรงรองค้อนขวับ “พี่อู๋ก็ใส่ชุดนอนเหมือนกันนั่นแหละมาบ้านคนอื่นว่าเค้ายังงี้ไม่มีมารยาท”
แม่เฒ่าส่ายหน้าเบาๆทำท่าระอาใจแล้วพูดจาสนับสนุนอนรรฆ ทำนองว่าเพราะวิรงรองทำตัวไม่เรียบร้อยเป็นนิสัยเตือนอะไรก็ไม่ค่อยจะฟัง ก็เลยอยู่เป็นสาวเฒ่าจนปูนนี้ เดือนพฤศจิกายนนี้ก็เข้าสามสิบเอ็ดแล้ว เพื่อนๆในรุ่นแต่งงานกันไปจนลูกโตจะหมดทั้งเมืองแล้วก็ยังไม่มีทีท่าว่าเธอจะได้ไปไหนกับใครเขา ขณะที่อนรรฆก็สนับสนุนแม่เฒ่าเป็นปี่เป็นขลุ่ย
วิรงรองจึงหอบผ้าห่มออกไปยืนตรงระเบียงหน้าบ้านมองดูไฟประดับตามรั้วบ้านของบ้านอื่นๆที่สว่างเรียงรายตามถนนทั้งสาย
พ่อเฒ่าอยู่กับพี่ชายและพี่สะใภ้ของวิรงรองพร้อมด้วยสนุ้กและแสน็คสองหลานจอมซนของเธอพวกเขากำลังเตรียมโต๊ะวางข้าวของที่คนในบ้านจะเอาไว้ตักบาตร วิรงรองเห็นกลุ่มคนที่อยู่บ้านตรงกันข้ามก็กำลังเตรียมของที่หน้าบ้านตัวเองเช่นกัน
บ้านหลังนั้นมีมีบ่าวเฒ่าอายุ 36ที่ยังไม่แต่งงานเหมือนวิรงรองอยู่ด้วย และเพราะอย่างนี้ทำให้แม่เฒ่าชอบจับคู่วิรงรองกับลูกชายบ้านนั้นที่ทำให้อนรรฆเอามาแซวว่าเป็นคู่หมั้นของเธอ
การจับคู่ของแม่เฒ่าคือการชอบไปพูดคุยกับครูศรีอำไพที่บ้านนั้นบ่อยๆแล้วก็ถามไถ่ถึงลูกชายคนเล็กที่ทำงานอยู่ในกรุงเทพฯบางคำถามก็ดูตรง และบางทีก็ แรง
“น้องบีมีแฟนที่กรุงเทพฯไปละยัง”
“น้องบีชอบผู้ชายรึเปล่าทำไมป่านนี้ยังไม่เอาเมียเสียที?”
และบางครั้งก็พูดกันตรงๆเลยก็มี
“น้องบีก็อายุสามสิบกว่าแต่ยังไม่มีเมียเป็นบ่าวเฒ่าเหมือนน้องแหวนสาวเฒ่าบ้านนี้เลย เอามาแต่งงานกันบ๋อ?”
วิรงรองโคตรจะขายหน้า และไม่กล้าไปเจอะเจอหน้าครูศรีอำไพหลายอาทิตย์ทันทีที่รู้ เธอคอยบอกแม่เฒ่าว่าที่กรุงเทพฯ คนอายุขนาดนี้ไม่แต่งงานก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรนักหนาหรอก คนเป็นแม่เค้ายังไม่เดือดร้อนด้วยเลย แม่เฒ่าจะเอาหลานสาวไปขายเค้าทำไมกัน
“ไม่ได้ขาย ครูศรีอำไพก็กังวลที่ลูกแกไม่แต่งงานเหมือนกัน ”
วิรงรองไม่คุ้นกับบุรีเท่ากับพี่เอพี่สาวของเขา อาจจะเพราะเขาเป็นผู้ชายด้วย และเพราะเขาถูกส่งไปเรียนโรงเรียนประจำที่เชียงใหม่ตั้งแต่ยังเล็กๆด้วย เขาจะกลับบ้านแค่ช่วงปิดเทอมเท่านั้น และเมื่อเรียนจบเขาก็ได้ทำงานที่กรุงเทพฯและจะกลับบ้านเฉพาะช่วงออกหว่ากับสงกรานต์
การกลับมาของเขาทุกๆปีไม่มีอะไรพิเศษ ยกเว้นปีก่อนกับปีนี้ที่แม่เฒ่าตั้งหน้าตั้งตารอเป็นพิเศษ เพราะเริ่มหมายตาเขาไว้กับหลานสาวคนเล็กของแก หลังจากที่หนุ่มๆในแม่สะเรียงพากันแต่งงานไปแล้วหมดเมือง
แต่ ปีที่แล้วเขาทำแม่เฒ่าผิดหวังเพราะพาเพื่อนมาด้วยเป็นกลุ่มใหญ่แถมในกลุ่มเพื่อนยังมีผู้หญิงมาด้วย ทำเอาแม่เฒ่าเซ็งไปพักใหญ่ก่อนจะรู้จากครูศรีอำไพว่าสองสาวในกลุ่มเป็นภรรยาของเพื่อนที่มาด้วย
ปีนี้แม่เฒ่าตั้งตาคอยบุรีอย่างหวาดหวั่นเพราะกลัวว่าปีนี้เขาจะพาสาวชาวกรุงมาแนะนำตัวว่าเป็นเมียไปจริงๆแล้ว
แต่แล้ว ก่อนหน้าที่บุรีจะมาถึงนั้น อ้ายโซ่ หลานชายคนโตของแม่เฒ่าก็โทรมาแจ้งว่าปีนี้นอกจากจะหอบลูกเมียมาแล้วจะขออนุญาตพ่วงน้องอู๋น้องชายของแม่อิ๋วเมียอ้ายโซ่มาพักที่บ้านด้วย
พอรู้ข่าวนี้แม่เฒ่าแทบจะลืมบุรีไปเสียสนิท แต่มาตื่นเต้นกับอนรรฆแทน เพราะขานี้ก็เป็นบ่าวเฒ่าวัย 35 ที่เหมาะสมกับหลานคนเล็กของแกเหมือนกันแถมดูจะมีภาษีดีกว่าบุรีหน่อยๆตรงที่ดูคุ้นเคยกับน้องแหวนมากกว่าบุรีที่อยู่บ้านติดกันมานานเสียด้วย
อนรรฆกับบุรีมาถึงแม่สะเรียงพร้อมกัน อนรรฆนั่งเครื่องบินมาลงที่เชียงใหม่แล้วต่อรถตู้จากเชียงใหม่เข้าแม่สะเรียง ขณะที่บุรีขับรถยนต์ตัวเองยาวจากกรุงเทพฯเข้าแม่สะเรียงเอง เพราะชินกับเส้นทางแล้ว แต่ตอนที่รถยนต์ของเขาตรงเข้าบ้านตรงกันข้ามนั้นเป็นช่วงเดียวกับที่รถตู้มาจอดเทียบหน้าบ้านโดยมีหนูแหวนกับหลานๆสองคนยืนรออยู่ที่หน้าบ้านพอดิบพอดี
ในช่วงที่อนรรฆลงรถมาทักทายแม่แหวนกับหลานๆนั้นเองที่แม่เฒ่าตาไวเหลือบไปเห็นหนุ่มแว่นสี่ตาบ้านตรงกันข้ามหันหน้ามามองทางนี้ด้วย
หึ หึ แม่เฒ่าลอบหัวเราะเบาๆอยู่ในใจ เพราะด้วยสัญชาตญาณคนเฒ่าเพศหญิงแล้วดูปราดเดียวก็พอจะเห็นแววว่าน้องบี ลูกชายคนเล็กสี่ตาบ้านนั้นน่าจะสนใจน้องแหวนของแกมาบ้างแล้ว
ส่วนอนรรฆผู้ที่เพิ่งจะเข้ามา(อยู่ในใจแม่เฒ่า) นั้น แม้ดูจะยังไม่มีท่าทีอะไรกับวิรงรองในตอนแรกๆเพราะดูจะตลกโปกฮาร่าเริงกับคนไปทั่ว แต่พอถึงตอนที่ต้องออกมาช่วยกันยกต้นกล้วย กาบมะพร้าวกับโคมไฟมาแต่งประดับที่รั้วบ้านนั่นเองแม่เฒ่าก็เริ่มสังเกตเห็นแววของอนรรฆขึ้นมาบ้าง เพราะเขาเอาแต่ซักถามเรื่องการทำซุ้มราชวัติจากวิรงรองอยู่คนเดียว พ่อเฒ่าพยายามจะช่วยอธิบายเขาก็ยังหันไปถามวิรงรองซ้ำแถมระหว่างที่ยืนประดับดอกไม้และต้นกล้วยก็คอยพูดจาเย้าแหย่วิรงรองให้ครื้นเครงทั่วถนนทั้งสาย
ในช่วงบ่าย ทุกบ้านต่างก็พากันออกมาแต่งรั้วบ้านตัวเอง ที่บ้านครูศรีอำไพก็มีทั้งตัวแกและลูกสาวกับลูกชายรวมทั้งลูกเขยและหลานๆออกมาช่วยกันแขวนโคมไฟและเอาดอกไม้มาตกแต่งรั้วบ้านด้วยแม่เฒ่าเห็นบุรีหันมามองทางบ้านนี้เป็นระยะๆและดูจะบ่อยกว่าปกติ
“น้าบีอกหักแล้วๆ ครูวิรงรองมีแฟนมาจากกรุงเทพฯแล้ว”ถนนที่กั้นระหว่างสองบ้านนั้นเล็กมากเดินแค่สามก้าวก็ถึง เสียงหลานสาวที่ร้องแซวบุรีให้ได้ยินก็เลยดังมาถึงหูแม่เฒ่า จนพ่อเฒ่าถึงกับสะดุ้ง แล้วหันไปมองทางอนรรฆกับวิรงรอง
ขณะที่อนรรฆหันไปมองตามเสียงทันควันแต่วิรงรองทำหูทวนลม ก้มหน้าก้มตาดึงดอกไม้ปักกาบมะพร้าวที่บิดโค้งตรงประตูรั้วพลางก็ฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี
“ไม่ยักรู้ว่าหนูแหวนแสนซนของเรามีคู่หมั้นคู่หมายกะเค้าด้วย”อนรรฆเริ่มพูดขึ้น เสียงไม่ดังมากแต่ก็ไม่ได้ถึงกับเบาที่แม่เฒ่าคาดว่าฝั่งนู้นก็อาจจะได้ยิน
“บ้า ไม่ได้เป็นคู่หมั้นอะไรกันเล้ย”วิรงรองแหววเสียงสูง “เด็กๆเค้าแซวไปยังงั้นแหละ บ้านใกล้กัน อายุพอๆกันเฉยๆ แต่คุยกันนับคำได้เลย พี่เค้าอยู่กรุงเทพฯนู่น”
อนรรฆเลิกคิ้วสูง “เป็นหนุ่มกรุงเทพฯด้วย”
หึ หึ แม่เฒ่าลอบหัวเราะในใจอีกครั้งหนึ่ง เมื่อพ่ออนรรฆหนุ่มเมืองกรุงได้ล่วงรู้ว่าคู่หมายของหนูแหวนก็มาจากพระนครบางกอกเหมือนกับตัวเขาเอง
“ไม่ได้เป็นคนกรุงเทพฯ พี่เค้าเป็นคนที่นี่ ไปทำงานกรุงเทพฯเฉยๆ”วิรงรองแก้ หันไปมองหน้าบุรีที่หันมามองทางเธอโดยตรง ก็เลยออกปากเสียงดังกับเขาว่า “เนอะ พี่บีเนอะ”
บุรีพยักหน้าตอบ วิรงรองเห็นว่าเขายังดูเก้อๆเขินๆอยู่จึงพูดอีก
“แต่แปลกเน้อ ปีนี้ได้เห็นพี่บีโผล่มาช่วยพี่เอกับน้าไพทำซุ้มราชวัติกะเค้าด้วย”
บุรีเริ่มยิ้มตอบ“พี่มาช่วยแม่ทุกปีแหละ แหวนไม่เห็นเอง พี่ซะอีกเพิ่งเห็นแหวนโผล่มาปีนี้เอง ปีก่อนแม่เฒ่าบอกแหวนอยู่โรงเรียนเลิกค่ำๆ สงสัยมีกิ๊กที่โรงเรียน ปีนี้เลิกกะกิ๊กในโรงเรียนมาได้แฟนจากกรุงเทพฯนี่เองถึงอยู่ช่วยได้”
“บ้า”วิรงรองลากเสียงยาวทีเดียว
“นี่ไม่ได้เป็นแฟนครับ”อนรรฆผู้ร่าเริงเถียงขึ้นทันควัน “คุณครูกระโดกกระเดกยังงี้ผมไม่เอาด้วยหรอก”
“ผมก็ไม่เอา”บุรีว่า แล้วก็หัวเราะร่วน
“นี่”วิรงรองร้องออกมา “พูดกันนี่ถามแหวนกันก่อนมั้ยว่าอยากได้พวกพี่มาเป็นแฟนไหมน่ะ?”
แล้วผู้คนที่กำลังพากันแต่งซุ้มหน้าบ้านตัวเองบนถนนสายนั้นทั้งสายก็พากันหัวเราะอย่างครื้นเครงขณะที่แม่เฒ่าเริ่มอมยิ้มออกมาจนพ่อเฒ่าและลูกสาวของแกสังเกตเห็น
ตกเย็นแม่เฒ่ายังมีกลยุทธ์เล็กๆน้อยๆด้วยการวานให้วิรงรองเอาแกงฮังเลไปให้บ้านครูศรีอำไพตอบแทนที่ครูส่งขนมวงมาให้เมื่อเช้า คนอื่นๆไม่รู้เรื่องกลยุทธ์ของแม่เฒ่าดอก เพราะเป็นเรื่องปกติที่จะแลกอาหารกันตามบ้านอยู่แล้วโดยเฉพาะในช่วงนี้ที่ผู้คนทำอาหารอร่อยๆเตรียมตักบาตรใหญ่กัน
เมื่อวิรงรองรับส่งอาหารไปทางบ้านบุรีอนรรฆก็เกิดอยากไปด้วยหน้าตาเฉย
“ขอไปด้วยได้ไหมเนี่ยอยากเห็นหน้าคู่หมั้นแหวนชัดๆ”
ทว่าอิ๋วพี่สาวของเขากระแอมออกมาดังๆเพื่อปรามว่าเป็นการเสียมารยาทเขาจึงเปลี่ยนใจไม่ไปแล้วขณะที่เมื่อวิรงรองไปถึงก็พบว่าบุรียืนรออยู่พอดีและเป็นครั้งแรกที่ชวนคุยให้เข้าบ้านเสียด้วย
“แม่กำลังต้มส้มป่อย”เขาบอก “จะเสร็จแล้วเข้าไปรอในบ้านก่อนสิ จะได้ถือไปด้วยเลยทีเดียว”
“โอย เกรงใจแค่ขนมวงก็ให้ตั้งเยอะ ไม่เอาแล้ว”วิรงรองว่าพลางจะเดินกลับบ้าน แต่เขาก็รั้งไว้
“อย่าเพิ่งไปสิ ถ้าไม่รอเอากลับไปเดี๋ยวอ้ายก็ต้องเดินข้ามถนนเอาไปให้อยู่ดี”
และเสียงครูศรีอำไพก็แหววออกมาจากในครัวทันทีที่ได้ยินเสียงลูกชาย
“บี! ลูกให้น้องอยู่รอรับแกงที่บ้านเราได้ยังไง เสียมารยาท ตัวน้องเค้ายังข้ามถนนเอาแกงมาให้เราเลยลูกก็ต้องข้ามถนนเอาไปให้น้องเค้าสิ น้องแหวนไม่ต้องอยู่รอหรอกลูก เดี๋ยวครูให้อ้ายบีเอาต้มส้มป่อยไปให้ที่บ้านเอง”
วิรงรองฟังคำพูดเกรงใจของครูศรีอำไพดังนั้นจึงเปลี่ยนใจเข้าไปนั่งรอในบ้านตามคำเชิญของบุรีซึ่งก็น่าจะถือว่าเป็นครั้งแรกที่เขาเชิญ และดูท่าว่าหนุ่มมาดขรึมอย่างเขาเริ่มเปิดปากพูดจากับวิรงรองมากขึ้นกว่าแต่ก่อนด้วย ทว่าเพราะไม่ค่อยได้คุยกันนานจึงยังกระอักกระอ่วนอยู่บ้าง บทสนทนาจึงมีเพียงแค่กลับมาถึงได้กี่วันแล้ว จะกลับเมื่อไหร่ กลับยังไงและแป๊ปเดียวต้มส้มป่อยของครูศรีอำไพก็เสร็จพอดี
“ไม่น่าอยู่รอเลย”ครูศรีอำไพบ่น “เดี๋ยวให้อ้ายบีถือไปส่งให้ก็ได้”
“งั้นเดี๋ยวลูกเดินถือไปส่งให้น้องแหวนก็ได้เดินไปด้วยกัน”บุรีออกปากที่ทำให้วิรงรองงง อยากถามว่าแล้วจะให้รอรับต้มทำไมตั้งหลายนาทีถ้าสุดท้ายแล้วก็จะเดินข้ามไปบ้านเธออยู่ดี แต่ก็ไม่กล้าออกปากถามจริงๆ กลับเป็นครูอำไพเสียเองที่ออกปาก
“แล้วจะให้น้องเค้าอยู่รอทำไมล่ะน่ะ”
อย่างไรก็ตามวิรงรองก็ได้เดินกลับมาที่บ้านพร้อมกับบุรีและต้มส้มป่อยที่ทำเอาแม่เฒ่ากระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจในกลยุทธ์ของแก พลางก็หันไปมองอนรรฆที่นั่งอยู่ข้างและส่งยิ้มทักทายชายหนุ่มผู้เดินมาด้วยอย่างร่าเริงทว่าเมื่อฝ่ายนั้นเดินกลับไปที่บ้าน อนรรฆก็โพล่งถามขึ้นทันที
“ปกติแล้วที่นี่ส่งกับข้าวแลกกันไปมากันอย่างนี้ประจำเลยหรือครับ?”
โซ่พยักหน้าตอบเขาพร้อมอธิบาย
“ไม่ประจำหรอกครับแต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา ไม่เฉพาะกับบ้านครูศรีอำไพด้วย บ้านข้างๆนี้ก็แลกกันบ่อย ยิ่งช่วงเทศกาลนะทำขนมอะไรกันก็เอามาแลกกันกินเรื่องปกติ”
“พอเราทำแกงฮังเลไปให้เขา เขาทำต้มส้มป่อยก็คงจะนึกถึงเรา เลยเอามาให้น่ะเพราะต้มส้มป่อยนะกินกับฮังเลจะเข้ากันมาก” พ่อเฒ่าอธิบายเสริม
“เหรอครับสองอย่างนี้กินคู่กันเหรอครับ?” อนรรฆถามต่อ
“ก็ไม่เสมอไปหรอกแต่ถ้ากินด้วยกันจะเข้ากันมากเลยล่ะ แกงฮังเลจะออกเค็มๆมันๆมีเครื่องเทศเยอะ พอมีซุปเปรี้ยวๆอย่างต้มส้มป่อยมาซดก็จะช่วยตัดเลี่ยนได้”
“อ้ออย่างนี้นี่เอง” อนรรฆพยักหน้าไปด้วยปรายตามองวิรงรองไปด้วย “ของต้องกินคู่กันเพราะมันเข้ากันสินะครับ”
แม่เฒ่าเหลือบไปทางหลานสาวที่ซดน้ำซุปส้มป่อยไม่รู้ไม่ชี้แล้วอดยิ้มไม่ได้ ขณะที่อนรรฆยังอดไม่ได้กับประเด็นนี้ ถามต่อไปว่า
“แล้วประเพณีเอากับข้าวแลกกันนี่เราต้องเดินไปส่งกันไปมาด้วยเหรอครับ”
ถามถึงตรงนี้พ่อเฒ่าเริ่มไอแค่กๆสำลักน้ำซุป ขณะที่โซ่หันไปมองทางน้องสาวตรงๆ เห็นทำไม่รู้ไม่ชี้ก็เลยถาม
“เออ นั่นดิแหวน ก็แหวนรอเอาต้มมาแล้วทำไมบีจะต้องเดินมาบ้านเราอีกอะ?”
“เค้าคงอยากมาคุยกะแขกบ้านเรามั้ง”วิรงรองว่า “ท่าทางสนใจพี่อู๋จะตาย ปกติไม่เห็นเคยมาส่งแหวนซักกะทีนึง นี่แหวนชักสงสัยแล้วนะที่เค้าอยู่มาป่านนี้ยังไม่มีเมียเนี่ย เพราะเค้ายุ่งกับงาน หรือว่าเพราะ.... ชอบผู้ชายมากกว่า..กันแน่”
วิรงรองพูดจริงจังจนพ่อเฒ่าคล้อยตาม “เออ แหวนพูดมีเหตุผลแฮะ ทุกทีไม่เคยมา พอพ่ออู๋มาเท่านั้นแหละ เจ้าแว่นนี่มาบ้านเราเลย รึมันจะเป็นเกย์จริงๆ พ่ออู๋ว่าไง สนใจไหมล่ะพ่อ?”
และนั่นทำเอาอนรรฆหุบปากได้ทันที
พอเข้าเช้าตอนตีสามกว่าๆแม่เฒ่าลุกมาก็เห็นอนรรฆในชุดนอนหัวเราะเอิ๊กอ๊ากกับหลานๆแล้วแถมเมื่อเห็นแม่เฒ่าตื่นก็ถามถึงวิรงรองทันควันเลย จนแม่เฒ่าชักจะมั่นใจแล้วว่าหนุ่มคนนี้น่าจะติดบ่วงแร้วหลานสาวแม่เฒ่าแน่ๆ
แต่วิรงรองก็ไม่ได้ความเอาซะเลยตื่นมาพร้อมผ้าห่ม และผมเผ้าก็ไม่ได้หวีให้เรียบร้อย ตื่นก็สายไม่เป็นกุลสตรีจนแม่เฒ่าต้องลอบมองดูปฏิกิริยาของอนรรฆบ่อยๆแถมที่ร้ายที่สุดน้องแหวนของแกยังไปชะเง้อชะแง้มองบ้านตรงข้ามให้พ่ออู๋หน้าเสียซะอีก ทางนู้นก็เป็นเกย์รึเปล่าก็ไม่รู้
วิรงรองไม่ได้เห็นบุรีมาตักบาตรที่หน้าบ้านเขาเป็นครั้งแรก อันที่จริงก็เห็นกันแทบจะทุกๆปีนั่นแหละตั้งแต่เขายังเป็นเด็กๆเลย แต่ดูเหมือนครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกที่เขาโบกมือมาทางเธอซึ่งยืนอยู่ชานบ้านขณะที่กำลังเตรียมของบนโต๊ะนั้นแถมร้องตะโกนมาอีก
“แหวนยังห่มผ้านวมอยู่อีก พระวัดแรกมาที่ต้นถนนแล้วนะ”
มันแปลกมากที่เขามองลอดรั้วบ้านเธอเข้ามาเห็นเธอห่มผ้านวมตรงชานบ้านได้ด้วย ทุกทีเขาก็ไม่เคยทำ วิรงรองจึงรีบวิ่งเข้าบ้านเพื่อหาเสื้อกันหนาวมาสวมแทนการหอบผ้าห่ม แต่ก็อดหันไปมองอนรรฆไม่ได้
“แหมพอคู่หมั้นให้ไปเปลี่ยนเสื้อ ก็รีบเปลี่ยนเลยเชียวนะ” อนรรฆเหน็บ
“หึงเหรอ?”วิรงรองถามหน้าตายออกมาพร้อมเสื้อกันหนาวไหมพรมสีแดง
อนรรฆหัวเราะร่วน “ชั้นไม่ได้เป็นเกย์นะจะได้หึงหนุ่มข้างบ้านเพราะแก”
วิรงรองหัวเราะตอบแล้วเดินออกไปหน้าบ้าน ยืนรอพระสงฆ์หลายรูปจากหลายวัดที่เพิ่งจะออกพรรษาเดินเรียงรายบิณฑบาตรจากกลุ่มคนที่ยืนรอตามถนนทั้งสาย อากาศหนาวเย็นมากจนพระหลายรูปต้องสวมหมวกไหมพรมสีเหลืองมาด้วยพร้อมห่มจีวรหนากว่าปกติ ทว่ายังมีบางรูปจากบางวัดที่เคร่งครัดจนเดินมาแบบไม่สวมรองเท้า ทั้งที่พื้นก็เย็นมาก
อนรรฆเองก็สวมหมวกไหมพรมมายืนถูมือไล่ความหนาวใกล้ๆ ทั้งคู่ผลัดกันหยิบถุงขนมกับข้าวสวยใส่บาตรพระที่เดินแถวเรียงรายมาเป็นระยะ แม่เฒ่าเห็นแล้วก็อดลอบมองไปทางฝั่งตรงกันข้ามไม่ได้ และก็เห็นบุรีชะแง้มาทางนี้อย่างออกหน้าออกตาตามที่แกคาด
เมื่อหมดไปสี่วัดถนนก็ว่าง เพราะวัดที่เหลือนั้นอยู่ไกลน่าจะไปตักบาตรถนนสายอื่นก่อน น่าจะใช้เวลาอีกนานกว่าจะมาถึง ระหว่างนี้มีเด็กเล่นประทัดดอกไม้ไฟกันครึกครื้น แถมตำบลที่เธออยู่ได้จัดการจุดพลุเสียเอิกเกริกด้วย
ช่วงนี้บุรีเดินข้ามมาที่ฝั่งบ้านของวิรงรอง ชวนอนรรฆคุยเรื่องสถานที่เที่ยวในแม่สะเรียงและฝ่ายนั้นก็ตอบเป็นเรื่องเป็นราวดี
“เดี๋ยวเช้านี้ไปตลาดเช้าหาของพื้นเมืองกินกันสิครับ ผมมีของกินแนะนำ”
อนรรฆหันไปยิ้ม“เอาสิครับ ....แล้วเดี๋ยวกลางวันมากินข้าวบ้านเราบ้าง พี่สาวผมจะทำยำถั่วพูสูตรบ้านผมเลี้ยงตอบแทน”
“จริงหรือคะ พี่อู๋”วิรงรองตาโต หันไปบอกบุรีทันที “ยำถั่วพูฝีมือพี่อิ๋วนี่สุดยอดเลยเจ้า อ้ายบีต้องชิมให้ได้ แถมเที่ยงนี้ที่บ้านก็ยังมีแกงฮังเลเลี้ยงด้วยค่ะอ้ายบีมากินนะคะ”
บุรียิ้มตอบพยักหน้าหงึกๆ ขณะที่อนรรฆหันมาบอกวิรงรองด้วย
“ยำถั่วพูกับฮังเลก็ดีนะ แกงฮังเลเครื่องเทศมันๆตัดกับยำผักราดกะทินิดหน่อย น่าจะลองชิมดูอาจจะเข้ากันมากกว่าฮังเลกับต้มส้มป่อยก็ได้”
พอเงยหน้าจะตอบอนรรฆ ก็เห็นตาเขามองลงมาอย่างแน่วแน่เรื่องยำถั่วพูกับแกงฮังเล วิรงรองจึงต้องรีบเมินสายตาแว้บไปที่พลุสีสวยซึ่งกำลังพราวไปทั้งฟ้าพอดี
ประเพณีที่พระสงฆ์ได้ออกจากการจำพรรษามาเป็นแรมเดือนอันนี้เป็นประเพณีที่ทางบ้านวิรงรองถือปฏิบัติมานานแล้วเมื่อเธอได้ขวบหนึ่งก็ถูกอุ้มออกมาขอรับบุญจากพระสงฆ์ที่หน้ารั้วบ้าน และนี่ก็เป็นออกหว่าปีที่สามสิบเอ็ดของเธอที่ปฏิบัติเหมือนๆกันทุกปี
แต่จะเป็นเพราะพลุ เพราะจะได้กินข้าวเช้าในตลาดกับอ้ายบีเป็นครั้งแรก หรือ เพราะจะได้กินฮังเลกับยำถั่วพูก็ไม่รู้ได้ ที่ทำให้วิรงรองมั่นใจว่าปีนี้ออกหว่าจะทำให้ชีวิตเธอต่างไปจากทุกปีอย่างแน่นอน
********
ภาพปก taken from Ichigo Takano จากการ์ตูนเรื่อง Orange
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in