เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Short Storyมัชฌิม
เขมิกา
  • ตั้งแต่เรียนจบมาหลายปีดีดักจนถึงตอนนี้ เขมิกาก็ยังไม่เคยได้กลับไปอ๊าคค่าวหรือที่ใดในสวิสอีกเลย

    เธอเคยได้กลับยุโรปอยู่ครั้งหนึ่งแต่เป็นเยอรมัน  และเนื่องจากต้องไปกับกลุ่มคนที่ทำงานและต้องรีบทำงานในเวลาจำกัดจึงไม่ได้แวะกลับไปที่นั่น ทั้งที่อ๊าคค่าวก็อยู่ใกล้ๆกับเยอรมันนี่เอง

    ช่วงหลายปีมานี้ก็ทำให้ไม่ได้ติดต่อกับใครๆที่นั่นด้วย  อย่างดีก็แค่กดไลค์รูปภาพของเพื่อนๆที่เคยเรียนด้วยกัน หรือไม่ก็ส่งข้อความไปสวัสดีทักทายคุณลุงโยฮันกับคุณป้าแอน ที่เคยดูแลเธอสมัยอยู่ที่นั่นบ้างแต่ก็สั้นๆและนานๆที โดยต่างก็รู้กันว่าต่างคนต่างมีภารกิจที่ต้องทำในโลกของตนไปแล้ว

    เขมิการักอ๊าคค่าว เธอจำบรรยากาศอันอบอุ่นในงานคอนเสิร์ตและรสชาติของเบียร์แก้หนาวที่นั่นได้แม่นยำ  ทว่าที่นั่นก็มีความทรงจำรักๆชวนเจ็บปวดและน่าขายหน้าที่เธอเคยสร้างวีรกรรมเอาไว้สมัยที่ยังเป็นวัยรุ่นไม่รู้ประสาอยู่ด้วย

    แต่เรื่องของวัยรุ่นก็เป็นเรื่องของวัยรุ่น  แม้ในสมัยนั้นเรื่องรักๆใคร่ๆอาจจะเป็นเรื่องดรามาที่สุดของชีวิตแล้ว  แต่เมื่อมาเผชิญกับโลกแห่งความเป็นจริงที่โหดร้ายกว่านั้น  ประสบการณ์ชิงรักหักสวาทของเขมิกาจึงไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าเรื่องไร้สติที่เธอเคยทำห้วงหนึ่งเท่านั้น

    เขมิกาลืมเลือนมันไปหลังจากที่เริ่มต้องปากกัดตีนถีบในช่วงเข้าสู่วัยทำงานที่เป็นช่วงเศรษฐกิจพังพาบและพ่อของเธอต้องทยอยขายกิจการของตัวเพื่อใช้หนี้

    ซ้ำร้าย ขิมน้องสาวคนสุดท้องก็มาเกิดอุบัติเหตุต้องนอนแบ็บในโรงพยาบาลเป็นปีแบบที่เขมิกาและคนที่บ้านต้องเสียน้ำตากับเป็นปี๊ปๆในช่วงที่ลุ้นให้น้องรอด

    นอกจากนี้ต้นปีที่ผ่านมา บางกอกโค้ดที่เธอทำงานอยู่ก็เริ่มประสบปัญหาภาวะขาดทุนต่อเนื่อง  เป็นผลให้พนักงานฝ่ายผลิตทยอยกันลาออกหลังจากถูกตัดสวัสดิการและมีการลดเงินเดือน

     ดีไซเนอร์ลาออกกันหลายคนมีเพียงเขมิกากับพี่กั้งที่ยังปักหลักอยู่ช่วยคุณโมนส์กับคุณทิพยนันท์ผู้ก่อตั้งแบรนด์ แม้จะยังไม่มั่นใจว่าสถานการณ์จะดีขึ้นก็ตาม

    หลังจากที่ตัดแบรนด์ย่อยอย่างบางกอกคิตตี้  และกรุงเทพลักซ์ออกไปจนหมดก็ยังไม่มีท่าทีดีขึ้นจนต้องปิดร้านสาขาในตลาดยุโรปอย่างสเปน กับลอนดอน   คุณโมนส์ผู้ก่อตั้งแบรนด์ชาวเดนมาร์กจึงเริ่มบินไปมากรุงเทพ- ยุโรป

    หลังจากเสียค่าเครื่องบินหลายเที่ยว เขาก็ได้ผู้บริหารคนใหม่กลับมาด้วย นัยว่าเพื่อเอามาช่วยกู้บางกอกโค้ดให้ได้

     ช่วงนี้สถานการณ์เริ่มดีขึ้นน้องขิมเริ่มฟื้นตัวและสามารถกลับมาพักฟื้นที่บ้านได้ ขณะที่ซีอีโอคนใหม่มีทุนหนาและเก่งพอจะช่วยจัดการให้บางกอกโค้ดไม่ต้องลดราคาต้นทุนและตัดราคาในตลาด

    ทว่าโชคร้ายของเธอ   เพราะซีอีโอคนที่ว่านั้น ก็คือความทรงจำรักคุดไม่น่าจดจำของเขมิกาในช่วงที่ยังอยู่อ๊าคค่าวนั่นเอง

    “คนนั้นคุณเกริกเกียรติค่ะเรียกสั้นๆว่าคุณกั้ง เฮดดีไซเนอร์ของเรา ส่วนน้องคนนี้คุณเขมิกา เรียกเธอว่าเข็มก็ได้ เป็นคนออกแบบลายผ้าของเราค่ะ”พี่ทิพยนันท์เป็นผู้แนะนำตอนที่เขาเข้ามาอยู่ในห้องประชุม

    มาร์โค วาจเนอร์ ที่สวมแว่นกรอบหนาหัวหยิกผมทองและแต่งตัวเหมือนหนุ่มเนิร์ดแวดวงไอทีมากกว่าผู้บริหารแบรนด์สินค้าตกแต่งบ้านปริบตามองเธอก่อนจะทักเบาๆว่า 

    “เขมิกา...”

    “ค่ะคนนี้แหละค่ะเขมิกามือรางวัลที่พูดถึงวันก่อนคนที่ออกแบบลายข้าวหลามตัดของเราซีซันก่อน” พี่ทิพยนันท์ชิงตอบเพราะเดาว่าเขาอาจจะเคยได้ยินชื่อเขมิกาที่ไหนมาก่อน

    “อ้อ ครับ” เขาดูไม่แน่ใจว่าจะทักทายเธออย่างไรหลังจากที่เขมิกาได้แต่ปิดปากเงียบเมื่อเห็นเขา

    ก็จะให้เขมิกาทำท่าอย่างไรได้เมื่อเจอคนที่ตัวเองเคยเผลอโทรไปโวยวายสารภาพรักกับเขาตอนเมาแอ๋ที่งานมิวสิคเฟสติวัล  ในแบบที่เรียกว่าไม่ได้ดังแค่คนไทยในอ๊าคค่าวเท่านั้นแต่ยังไปไกลแทบจะทั่วยุโรปเพราะปลายทางที่โทรไปนั่นเป็นมิลาน ในงานมิลาโนเฟอร์นิเจอร์แฟร์!  และมีคนที่อยู่ในงานนั่นบอกว่าเนื่องจากอยู่ในระหว่างคุยธุรกิจตอนนั้นโทรศัพท์ของเขาจึงเปิดเสียงดังในตอนที่เธอโทรมาพอดิบพอดี!

    ที่น่าขายหน้ามากกว่านั้นก็คือตอนที่ฝ่ายนั้นโทรมาขอโทษเธอในวันรุ่งขึ้นด้วยประโยคคล้ายๆว่าเขาคงจะช่วยให้เธอสมหวังในรักไม่ได้หรอกหนาเพราะว่าเจ้าตัวเขามีใครในใจไปแล้ว

    เขาไม่รู้หรอกว่าคำขอโทษนั้นมันทำให้เธอน่าสมเพชและเจ็บปวดเสียยิ่งกว่าคำตัดรอนใดๆมากนัก

    แต่ที่ทำให้เรื่องมันดรามาหนักกว่านั้นก็คือการที่เขมิกามารู้ตอนหลังว่าคนที่เขากำลังคบหาก็เป็นเอ๊าสแลนเดอร์สาวไทยเหมือนเธอ

    ความขาดสติยั้งคิดสมัยวัยรุ่นก็ทำให้เขมิกาไปหาเรื่องวุ่นวายกับเด็กสาวผู้น่าสงสารคนนั้นเข้าในวันหนึ่งทำให้มาร์โคถึงกับมาหาเธอที่บ้านประกาศห้ามไม่ให้เธอเข้าไปยุ่งวุ่นวายหญิงสาวคนนั้นอีกมิฉะนั้นเธอจะได้เห็นดีแน่

    เขมิกายอมยกธงขาวแต่โดยดีเมื่อเห็นท่าทีเด็ดขาดของเขา  เธอต้องน้ำตาร่วงเข้าไปขอโทษเด็กสาว และปล่อยให้นางเอกกับพระเอกได้อยู่กันอย่างสันติสุขนับแต่วันนั้นขณะที่ตัวเองบินกลับบ้านเกิดทันทีหลังเรียนจบ

    คาดว่ากรรมที่เคยทำคงจะยังไม่หมดทำให้เธอต้องมาพบกับคู่กรณีเก่าที่ได้กลายมาเป็นเจ้านายของเธอด้วย

     “สบายดีนะครับ  เขมิกา” จู่ๆเขาก็เข้ามาขนาบด้านข้างโดยที่เขมิกาไม่ได้ตั้งตัวเมื่อออกจากห้องประชุมแล้ว

    “สบายดีค่ะ” เขมิกาตอบความละอายแล่นกลับมา และเพื่อไม่ให้เขาคิดว่าเธอยังแค้นเคืองสาวของเขาจึงรีบถามไปอีก “เอ้อ ...น้องปิงก็สบายดีนะคะ”

    เขาเงียบไปเลย 

    เขมิกามารู้เอาตอนหลังว่าทั้งคู่เลิกกันแล้ว     วันที่เธอรู้เป็นวันงานเลี้ยงเปิดตัวซีอีโอคนใหม่ของบางกอกโค้ดซึ่งจัดขึ้นริมสระน้ำบนดาดฟ้าโรงแรมแห่งหนึ่ง 

    “พี่เข็ม   พี่เข็มใช่ไหมคะ จำปิงได้ไหมคะที่เคยอยู่ที่อ๊าคค่าวด้วยกัน” ปิงปิงทักเธอก่อนอย่างเป็นมิตร  ดูยิ้มดีใจจริงๆที่ได้พบเธออีกครั้ง    ท่าทางลืมเรื่องดรามาที่ทั้งคู่เคยมีแล้วสนิททำเอาเขมิกายิ่งรู้สึกผิดที่เคยทำไม่ดีกับเด็กสาวคนนี้มาก่อน

     “สบายดีจ้ะปิงปิงล่ะ กลับไทยนานหรือยัง” เขมิการ้องตอบกลับไป “มางานกับคุณมาร์โคหรือ?”

    เขมิกาหันไปมองทางมาร์โคที่เดินเข้ามาแถวนั้นพอดี 

     “เราไม่ได้มาด้วยกันครับ  ผมไม่ได้เชิญคุณปิงปิง”เขาทำเสียงเย็นชา

    และปิงปิงเองก็ยิ้มเศร้าๆ ตอบว่า“ปิงมากับพี่เอื้อย บก.ของเลิฟโซไซตี้ค่ะ มาในฐานะสื่อ”

    เขมิกาเริ่มงงกับท่าทีเฉยชาของทั้งคู่ แต่ก็ยังไม่รู้เรื่องจนกระทั่งพี่กั้งปราดเข้ามาขอตัวเธอแยกออกมาแล้วกระซิบบอก

    “น้องเข็มรู้จักกับยายปิงปิงแฟนเก่าตามาร์โคด้วยเหรอยะ  ไม่บอกกันมั่งเลย”

    “แฟนเก่า?”

    “นี่เค้าเลิกกันไปตั้งโกฏิปีแล้ว  เลิกกันไม่ค่อยดีด้วย หล่อนไปทักว่าเค้ามาด้วยกันระวังจะโดนเค้าว่าเอา”

     เขมิกาอึ้งไปหันไปดูทั้งคู่ที่ยังมีท่าทีพ่อแง่แม่งอนกันอยู่ก็ถึงบางอ้อในตอนนั้น

    ถึงแม้ว่านั่นจะเป็นเรื่องของสองคนนั้น   แต่อดีตที่เธอเคยก่อกรรมเอาไว้ทำให้การกลับมาโคจรเจอกันนั้น เป็นที่โจษจันท์  และคนในงานที่อยู่วงการดีไซน์และสื่อซึ่งมีพวกที่เคยเรียนกับเธอเริ่มรื้อฟื้นเรื่องราวตอนที่เธอเป็นนางมารร้ายในอ๊าคค่าวขึ้นมาทันที  

    เธอไม่รู้ว่ามันเริ่มมาจากใคร หากมารู้ตัวเอาก็เมื่อเรื่องนั้นดำเนินมาถึงหูพี่กั้งซึ่งก็เกือบเอาตอนงานจะเลิกและคนพูดเรื่องนี้กันทั่วงานแล้ว

    “น้องเข็ม”พี่กั้งหัวฟัดหัวเหวี่ยงเข้ามาหาเธอ “อิพวกนั้นน่ะ มันเพื่อนเข็มรึเปล่า ห๊ะ รู้มั้ยมันเอาเข็มไปพูดว่าเข็มเคยเป็นมือที่สามระหว่างมาร์โคกับน้องปิงปิง พูดกระทั่งว่าเข็มเคยไปตบน้องปิงปิงจนมาร์โคต้องเข้าไปห้ามแถมยังบอกว่าตะกี้เข็มควงมาร์โคมาเยาะเย้ยน้องปิงด้วย  มันรู้นะว่าเข็มเป็นดีไซเนอร์ของบางกอกโค้ดยังกล้าพูดขนาดนี้ โอ๊ยชั้นโมโหมาก ด่ามันไปซะหลายคำเลยนี่ถ้าไม่กลัวบางกอกโค้ดจะโดนสื่อหมายหัวนะ เจ๊จะเอาให้หนักกว่านี้อีก คอยดู”

    เขมิกาใจหล่นวูบรับรู้ว่าเรื่องที่เคยนึกกลัวได้เกิดขึ้นแล้ว

    ในช่วงแรกๆเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องซุบซิบนินทาทั่วไปเท่านั้น แต่หลังๆเรื่องราวเริ่มบานปลายเมื่อมีการตีพิมพ์ซุบซิบเรื่องนี้ในนิตยสารด้วย

    เป็นผลให้เขมิกาต้องเริ่มหลีกเลี่ยงที่จะอยู่ใกล้ๆหรือติดต่อสื่อสารกับมาร์โค  วาจเนอร์  แต่ก็เอาเรื่องที่ตัวเองเคยเป็นแม่มดใจร้ายมาสารภาพหมดเปลือกกับพี่กั้งที่เธอไว้ใจ

    “บ้า แม่ม้งแม่มดอะไรกัน ยัยน้องปิงปิงอะไรเนี่ยก็น้ำนิ่งไหลลึกเหมือนกันนั่นแหละ น้องเข็มไม่รู้อะไรซะแล้ว”พี่กั้งกลับว่าไปอย่างนั้น “นี่รู้ไหม ที่แม่ปิงปิงโดนตามาร์โคเฉดหัวก็เพราะหล่อนคบซ้อนนะยะ   ตอนนั้นเห็นว่าอิตามาร์โคเป็นแค่บายเออร์  แม่ปิงปิงเลยหันไปหานักธุรกิจชาวฮ่องกงคร้า ...น้องเข็มไม่เห็นเรอะตอนโผล่มางานบางกอกโค้ดตามาร์โคทำหน้าชิใส่หล่อนจะตาย นี่คงเห็นมาร์โคได้เป็นผู้บริหารแล้วเลยโผล่มางาน หวังจะคืนดี..ชิ..ยัยนี่ตังหากที่เป็นนังแม่มดตัวจริง”

    ขณะที่มาร์โควาจเนอร์ก็ดูเหมือนจะรู้ตัวว่าถูกเขมิกาหลบเลี่ยง ก็เลยเรียกเธอไปคุย

    “อย่าคิดมากกับเรื่องที่คนพูด  ตั้งใจทำงานให้ดีจะดีกว่า  บางกอกโค้ดยังมีปัญหาที่เราต้องแก้อีกมาก เราต้องช่วยกันทำงานให้ดีที่สุดทำตัวตามปกติเถอะนะ เรื่องข่าวลือเดี๋ยวผมจะจัดการเอง”

    เขมิการู้ว่าที่เขาให้โอกาสก็เพราะเขาต้องจัดการปัญหาตามนิสัยเป็นระเบียบที่มีจึงอยากแสดงให้เห็นว่าเธอเองก็มืออาชีพ

    “ขอบคุณ    และไม่ต้องห่วงนะ ฉันสาบานเลยว่าฉันไม่ได้คิดอะไรกับคุณแล้วและให้สัญญาว่าจะไม่มีวันคิดเด็ดขาด ฉันจะไม่มีวันทำอย่างเดิมอีกแน่นอนค่ะ” เขมิกาให้คำสัญญาอย่างจริงจัง

    “อ้อ...” มาร์โคถึงกับอึ้ง “ไม่ต้องสัญญาขนาดนั้นก็ได้”

     เขมิการู้ตัวดีว่าตอนนี้เธอไม่ได้เป็นคุณหนูเขมิกาทายาทบริษัทโลจิสติกส์รายใหญ่หรือนักเรียนเหรียญทองของสำนักอุตสาหกรรมดีไซน์ในอ๊าคค่าวอีกต่อไปแล้ว หากมีปัญหาในที่ทำงานช่วงที่พ่อและน้องยังลำบากอาจจะไม่เป็นผลดี

    มาร์โควาจเนอร์ไม่ได้รู้เรื่องที่เธอกำลังลำบากแต่ก็เห็นได้ชัดว่าเธอทำได้ตามที่พูด   เขมิกาเลิกหลบหน้าเขา ก็เลยทำให้คนอื่นๆเลิกจับตามองพวกเขาเสียที ซึ่งเขมิกาเชื่อว่ามันช่วยให้เขาคลายความอึดอัดไปได้ 

    ขณะเดียวกันเขมิกาก็ไม่ได้เข้ามายุ่งเกี่ยวกับเขาถ้าหากไม่มีความจำเป็นจริงๆซึ่งก็น่าจะเริ่มทำให้เขาเบาใจ

    ในช่วงแรกๆที่เข้ามาบริหารใหม่ๆ เขาก็คงได้ยินว่าลายผ้าบางลายในคอลเลคชันเก่าๆยังให้บรรยากาศอ๊าคค่าว และบางลายอาจจะทำให้เขานึกได้ว่าเป็นลายที่ออกแบบจากเรื่องของเขา  ไม่ว่าจะเป็นเครปที่เคยทำกินด้วยกัน  บางลายคล้ายค่ำคืนในคอนเสิร์ตเล็กๆที่เมืองอาเรา บางลายก็ถึงกับเหมือนรูปทรงที่พักที่เขาเคยอยู่ทีเดียว

    เห็นแล้วเขาก็อาจจะรู้สึกอึดอัดใจ  แต่มาถึงเวลานี้คอลเลคชันที่เธอออกแบบไม่มีเค้าความหลังทำนองนั้นเหลือเลยสักกระผีก และแทบไม่คงสไตล์นักเรียนเก่าอ๊าคค่าวเลยด้วย

    “ลายนี้คุณทำเป็นลายฟองเบียร์เหรอ?”พอพูดถึงฟองเบียร์มาร์โคก็อาจจะหวั่นใจว่าจะเป็นความหลังในอ๊าคค่าวอีกจึงถามอย่างวัวสันหลังหวะ

    “เป็นควันน้ำชาค่ะ” เขมิกาตอบอย่างมั่นใจว่ามันไม่เหมือนฟองเบียร์  แต่ถามกลับ “คุณมาร์โคมองเป็นฟองเบียร์หรอกหรือคะ”

    มาร์โครีบสั่นศีรษะทันที

    กระนั้นเขมิกาก็ถือโอกาสอธิบายยาวเหยียด

    “ตามที่คุณโมนส์แจ้งหลังจากทริปลอนดอนคราวก่อน เทรนด์สปริงหน้าจะเป็นลายฟองๆเข็มคิดว่าคงมีคนออกแบบฟองเบียร์เยอะมากแน่ๆเข็มก็เลยเลี่ยงมาเป็นควันน้ำชาแบบจีนๆแทนเพราะกลัวจะซ้ำและโหล   แต่ถ้าคุณมาร์โคคิดว่าฟองเบียร์...”

    “ไม่ๆ” มาร์โครีบปฏิเสธ “ผมว่าลายควันน้ำชาแบบจีนดีแล้วล่ะครับ ผมเห็นดีด้วย ไม่เหมือนฟองเบียร์หรอกดูยังไงก็ลายจีน”

    เขมิกาเห็นเขารีบปฏิเสธด้วยท่าทีเก้อๆก็เริ่มเดาว่าเขาคงไม่ชอบใจถ้าเธอออกแบบลายฟองเบียร์ที่เคยเป็นความหลังของเธอกับเขา   

    เธอหนักใจ   

    ไม่ว่าเธอจะทำอย่างไรเขาก็ยังหวาดระแวงเธออยู่ดี

    “คุณไม่ได้กลับไปอ๊าคค่าวอีกเลยสินะผมไม่ได้ยินข่าวคุณเลยหลังจากคุณเรียนจบ”

    ในงานเลี้ยงฉลองยอดขายที่เพิ่มขึ้นแบรนด์ที่ผับแห่งหนึ่งระหว่างที่พี่กั้งลุกไปเต้น    มาร์โคก็เข้ามาชวนคุยด้วยประโยคที่เขมิกาก็คิดว่าเขาคงระแวงอีกแล้ว และเธอก็เพียรอธิบายอย่างอดทนอีกครั้ง

    “ไม่ได้กลับเลย  แทบไม่ได้ติดต่อกับใครที่นั่นอีกเลยมีแค่คุณลุงโยฮันกับป้าแอนนาเท่านั้นเองแต่ก็นานๆครั้งค่ะ แค่ถามสารทุกข์สุกดิบกันเท่านั้น  แต่เพื่อนๆที่นั่นฉันขาดการติดต่อไปนานแล้ว”

    “อ้อ” มาร์โคทำเสียงรับรู้แบบอึ้งๆ

    “ฉันไม่ได้ติดต่อกับปิงปิงด้วยค่ะ   วันนั้นเป็นวันแรกที่ได้เจอกับเธอจริงๆ” เขมิกาย้ำอีกครั้งแข่งกับเสียงเพลงในผับ ขณะที่ชักจะท้อแท้ใจ

    “อ๋อ” เขาพยักหน้า “ถึงว่าคุณเลยไม่รู้ว่าพวกผมเลิกกันนานแล้ว”

    “ฉันไม่รู้เรื่องจริงๆ” เขมิกาเริ่มเหน็ดเหนื่อยกับการต้องอธิบาย

    เธอเริ่มเมาแล้วและฤทธิ์แอลกอฮอลล์ทำให้น้ำตาไหลออกมาเพราะความเหนื่อยใจตะโกนพูดแข่งกับเสียงเพลงในผับ

     “ฉันขอโทษคุณกับน้องปิงปิงจริงๆนะ ฉันรู้สึกไม่ดีมาตลอดและไม่เคยคิดจะไประรานอะไรพวกคุณอีกเลย  ที่ฉันถามปิงปิงวันนั้นก็เพราะฉันไม่รู้ว่าพวกคุณเลิกกันแล้ว  ฉันไม่ได้มีเจตนาจะเยาะเย้ย  ฉันอุตส่าห์ไม่กลับไปที่อ๊าคค่าวและไม่ติดต่อเพื่อนๆที่นั่นอีก ฉันก็นึกว่าการหายไปจากที่นั่นเป็นการขอโทษที่เพียงพอแล้วจริงๆ  แต่ตอนนี้ฉันไม่รู้จะทำยังไงดี คุณถึงจะยกโทษให้ฉัน    หรือฉันควรจะลาออกไปดี?” 

     พี่กั้งที่เดินกลับมาได้ยินเข้าพอดีจึงเข้ามาช่วยอย่างเหลืออด

    “จริงๆฮะคุณมาร์โค นางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคุณมาร์โคจะมาช่วยบริหารบางกอกโค้ด  พอดีช่วงก่อน พ่อนางเกือบล้มละลายนางต้องวิ่งวุ่นไปช่วยพ่อเรื่องขายที่ขายกิจการเอามาใช้หนี้  แถมไม่พอน้องสาวยังรถคว่ำตอนนี้ยังเดินไม่ค่อยได้ ต้องใช้ไม้ค้ำอยู่เลย ช่วงก่อนร้องห่มร้องไห้ตาบวมมาทำงานทู้กวันจนผมนึกว่าน้องมันตายไปแล้ว  พี่ทิพย์ให้ลาพักไปดูน้องก็ไม่ยอมกลัวโดนไล่ออก   ดรามาขนาดนี้นางไม่มีเวลาไปราวีน้องปิงปิงหรอกครับ ถ้าคุณมาร์โคไม่เชื่อก็ไปถามพี่ทิพย์กับคุณโมนส์ดูก็ได้ อย่ากดดันนางให้ถึงกับต้องลาออกเลย”

    เขมิกาน้ำตานองหน้ารู้สึกอับอายอีกครั้งที่ต้องมาร้องไห้ต่อหน้าเขาเป็นครั้งที่สองแบบหมดท่าแทบอยากจะลาออกให้รู้แล้วรู้รอดเสียเดี๋ยวนั้น

    ทว่าอย่างไม่คาดคิดมาร์โคเข้ามาโอบเธอเอาไว้ และลูบหัวเบาๆ

    “ผมขอโทษ”

     เขมิกากลัวคนจะว่าให้เกิดเรื่องอีกจึงขืนตัวจะผลักออกเขาจึงจับไหล่รั้งไว้ก่อน

    “ช่วยฟังก่อนๆ  ผมรู้เรื่องที่คุณกั้งพูดหมดแล้วผมไปถามเอากับคุณโมนส์เอง”

    เขมิการีบเบี่ยงตัวออกทันทีและยกแขนเสื้อเช็ดน้ำมูกน้ำลายที่ไหลย้อยเปรอะเปื้อนออกจากหน้าตาดูไม่ได้ของตัวเองก่อนยืนเงยหน้ามองอีตาแว่นหัวหยิกผมทองอย่างเอาเรื่อง และคิดว่าตายก็ตาย

    “คุณถึงกับต้องไปถามคุณโมนส์เลยเชียวหรือ  คุณกลัวฉันขนาดนั้นเชียวหรือ?”

    “ไม่ใช่อย่างงั้น”

    “ถ้าถึงขนาดนี้ฉันลาออกก็ได้”เขมิกาตะโกนด้วยฤทธิ์น้ำเมาอย่างเจ็บใจ

    “ไม่ใช่ ฟังก่อน” เขาจับแขนเธอขยับแว่นตาตัวเองไปด้วย “ผมไปตามถามคุณโมนส์เพราะผมชอบคุณนะ”

    เขมิกาเงยหน้ามองเขาให้อธิบาย

    “ก็ใช่ ผมกลัวผู้หญิงที่ไล่ตาม และผมเคยกลัวคุณจริงๆ แต่ตอนนี้ผมแน่ใจว่าคุณกำลังวิ่งหนีอยู่ และผมว่าผมไม่กลัวผู้หญิงที่วิ่งหนีผมนะ... ผมว่าผมชอบคุณแล้วจริงๆ ผมถึงไปถามเรื่องคุณจากคุณโมนส์”

    เขมิกาน้ำตาหยุดไหลแล้ว แต่ยังรู้สึกหนักอึ้งอยู่

    “ตอนนี้ดูท่าคุณหมดใจกับผมแล้วจริงตามที่เคยพูด   ผมรู้ ตอนนี้ผมต้องใช้ความพยายามวิ่งตามคุณบ้างแล้ว และดูท่าคุณก็คงอยากหนีผมไปไกล...ตกลง.. ผมจะไล่ตามเอง...  แต่อย่าถึงขนาดลาออกจากกันเลย  ให้โอกาสผมได้ตามดูก่อน  ผมขอแค่นี้ คุณพอจะให้โอกาสนี้กับผมได้ไหม?  ..เขมิกา ”

    -----------

    ภาพปกวาดโดย Obata Yuki

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in