ไม่เป็นไรยังไงเราก็ดูซาวน์แทร็คอยู่ดีเนอะ (แต่ตอนอ่านซับก็เจอชื่อเรื่องไทยเนี่ยสิ)

แต่เดี๋ยวก่อน อยากให้ฟัง 10 เรื่องน่ารู้ของหนัง Independence Day Resurgence จากพวกพี่ JUSTดูIT กันก่อนไปดู

หนังโคตรพ่อโคตรแม่ตำนานอย่าง Independence Day ที่เข้าฉายในปี 1996 โดยฝีมือผู้กำกับอย่าง Roland Emmerich ซึ่งต่อมาเค้าก็ได้กำกับ Godzilla และ 2012 ตามลำดับ (ทำไมมีแต่หนังทำลายล้าง) 20 ปีผ่านไปจนมาถึงเวลานี้ ID4 กลับมาอีกครั้งในชื่อภาคใหม่ว่า Independence Day Resurgence (สงครามใหม่มันบดโลก) การกลับมาครั้งนี้ก็ดึงนักแสดงหลักและรองจากภาคแรกกลับมาด้วย (ยกเว้น Will Smith) ไม่ว่าจะเป็น 

Bill Pullman ในบท Ex-President Thomas Whitmore

Judd Hirsch ในบท Julius Levinson

Brent Spiner ในบท Dr.Okun

ยังไม่พอครับ ยังขนนักแสดงใหม่มาอีกไม่ว่าจะเป็นน้องชายตัวจริงของที่เทพธอร์อย่าง Liam Hemsworth ในบท Jake Morrison , Jessie T. Usher ในบท Dylan Hiller ลูกบุญธรรมของ Captain Steven Hiller (Will Smith) ที่แถ(รึเปล่า)ว่าได้ตายไปตอนซ้อมรบอะไรซักอย่าง และนักแสดงอีกสองคนที่สำคัญอย่างขาดไม่ได้เลยก็คือ 

Maika Monroe ในบท Patricia Whitmore ลูกสาวอดีตท่านประธานาธิบดี

Angelababy ในบท Rain Lao (ฮิ้วๆๆๆๆๆ)

ทำไมเราเป็นคนแบบนี้เนี่ย ฮ่าๆๆๆๆ

คือแบบว่านี่แค่นักแสดงนะเนี่ย ยาวเหยียดมาก มาส่วนของเนื้อเรื่องบ้างดีกว่า หลังจากถูกรุกรานในภาคแรกเมื่อปี 1996 เวลาผ่านมา 20 ปี มนุษย์ได้นำเทคโนโลยีจากต่างดาวมาพัฒนาโลกเพื่อความสะดวกสบาย และเพื่อป้องกันการรุกรานที่จะคืบคลานเข้ามาอีกแน่ๆไม่ว่าจะช้าหรือเร็ว จนวันนั้นก็กลับมาถึงจนได้ เมื่อมนุษย์ต่างดาวที่ถูกคุมขังไว้ที่ Area51 เกิดแสดงอาการขึ้นมาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนตลอด 20 ปี แล้วมวลมนุษยชาติจะรับมือกับสงครามครั้งนี้อย่างไร? นี่คือเรื่องย่อคร่าวๆของหนังเรื่องนี้ 

จะถามว่าหนังภาคแรกกับภาคนี้แตกต่างกันอย่างไรก็คงบอกแบบง่ายๆ(อาจจะกวนตีน)ว่าภาพมันสวยกว่า (ฮ่าๆๆๆๆ แน่นอนสิวะ) 

เอาดีๆละ จากการที่ได้ไปดูในวันนี้ (ซึ่งไม่ได้ไปดูรอบสื่อ หือๆๆๆๆ) สรุปเป็นข้อๆๆปล้องๆๆ (คนอ่าน:พ่องงงง) ได้ดังนี้ครับผม 

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าทุกคน (ที่เคยดูภาคแรก) ต่างก็เกิดความคาดหวังตั้งแต่ได้ดูตัวอย่างของภาคต่อนี้ แล้วก็ไม่ทำให้ผิดหวัง คุ้มค่ากับการรอคอยจริงๆ Special Effect ตระการตา (ขนาดไม่ได้ดูในระบบ IMAX) ฉากแอ็กชั่นมันส์ สนุก ตื่นเต้น สรุปคือบันเทิง เหมาะกับชาวไทยผู้รักหนังแอ็กชั่นถล่มภูเขาเผากระท่อม กัญชาหรือจะเป็นแอมแฟตามีน (เดี๋ยว)  

ถ้าบอกเยอะจะเป็นสปอย งั้นไปดูกันเอาเองแล้วกันครับจะได้รู้เอง สนุกกว่ากันเยอะ (แต่ต้องไปดูในโรงหนังนะ ไม่เอาซูม มันไม่น่ารักเลย) 

เนื่องจากเหตุผลอะไรก็ช่างที่ทำให้ Will Smith ไม่รับแสดงหนังภาคต่อของหนึ่งในหนังที่สร้างชื่อของเค้าก็ตาม หนังก็ยังสนุกได้ 

อันนี้ด้วยความเห็นส่วนตัวของผมเลย (ไม่พอใจใครขออภัยนะครับ) อย่างแรกคือภาพ แน่นอนอยู่แล้ว ห่างกันตั้ง20ปี ทำให้ด้านเอฟเฟ็กต์ภาคต่อชนะขาดลอย อย่างที่สองคือความพีค ภาคแรกฉากที่พีคกินใจผมที่สุดคือฉาก Speech ของ President Whitmore ครับ ส่วนภาคสองไม่ค่อยมีฉากพีคๆให้จดใจสักเท่าไหร่ 

มาให้ขำได้เป็นช่วงๆเลยทีเดียวเลยแหละครับ 

 

6.สามัคคีคือพลัง 

ข้อคิดนี้คงจะเหมือนกับภาคแรก ที่ทุกคนร่วมมือกันจนผ่านศึกครั้งนี้ไปได้สำเร็จ 

7.เริ่มจะชินกับมารยาทที่ไม่ดีในโรงหนังแล้ว รอบนี้ก็คุยกันในโรงหนังเหมือนเดิมปัดโธ่ 

ที่แย่ไปกว่านั้นก็คือ ตอนเดินออกจากโรงหนังเนี่ยขยะในโรงหนังเต็มเลย นี่หรือคนไทย กินแล้วก็เก็บไปทิ้งด้วยสิครับ สงสารพี่ๆคนเก็บกวาดโรงหนังจริงๆ