เวลาผ่านไปจนถึงช่วงเวลาเย็น ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีส้มอีกครั้ง ชีตาร์ได้สอบถามข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับวิญญาณที่เค้าอยากรู้จนเต็มอิ่ม ถึงแม้เค้าจะหมดเวลาไปกับการเล่นเกมฟุตบอลกับเก็นและชีโต๊สไปกว่าครึ่งก็ตาม ทุกคนยืนส่งชีตาร์กับชีโต๊สที่หน้าบ้าน
"ขอบคุณทุกคนมากนะครับ วันนี้สนุกมากเลย" ชีตาร์ยกมือไหว้ขอบคุณผู้ใหญ่ที่ดูแลเขาเป็นอย่างดี
"ขอบคุณครับ" ชีโต๊สยกมือไหว้ตามพี่
"มีอะไรก็แวะมาหากันได้นะ อีกอย่างชีโต๊สก็เป็นเพื่อนกับเก็นด้วย เราคงต้องพึ่งพากันอีกนาน" คุณพ่อพูดยิ้ม ๆ
"ตอนนี้ชีโต๊สเป็นเพื่อนกับเก็นแล้ว แล้วชีตาร์อยากเป็นอะไรกับใครในบ้านนี้อีกมั๊ย?" คุณยายเดินหมากหยอดอีกรอบ
"อาม่า! ถ้ายังพูดจาแบบนี้อีกหนูจะไม่พูดด้วยแล้วนะ" รันโวยวายหน้าแดงก่ำ
"ก็เห็นเก็นบอกว่าหลานดูวง Boy Attack ทั้งวัน ไม่ได้เป็นแฟนคลับพี่เค้าหรอกรึ?" คุณยายย้อน
"หนูก็แค่ดู แต่ว่าหนูไม่ได้บ้าดารา อีกอย่างพี่ชีตาร์เค้ามานี่เพราะสนใจเรื่องวิญญาณ ไม่ใช่เรื่องผู้หญิง ถ้าพี่เค้ามีอะไรจะถามหนูเค้าก็ถามเองแหละค่ะ!!" รันตะวาดจนเธอหอบ เป็นเพราะแรงกดดันของเธอที่หัวใจแทบจะแบกรับมันไว้ไม่ไหว
"จริง ๆ พี่ก็มีเรื่องจะถามรันนะครับ" คำพูดสั้น ๆ ของชีตาร์ทำให้หัวใจเด็กผู้หญิงมอห้าคนหนึ่งแทบจะหยุดเต้น
"เห็นเด็กที่โรงเรียนบอกว่าแถวนี้มีร้านขนมดังชื่อ ปังปังปัง พี่อยากจะซื้อไปฝากแม่แต่ไม่รู้ว่าร้านอยู่ไหนน่ะครับ" ชีตาร์มองหน้ารันเพื่อรอคำตอบ
“ชื่อร้านนี่ตั้งแล้วจริง ๆ รึ?” อาม่าสงสัย
"แล้ว … หนูจะบอกทางพี่ยังไงล่ะคะ" รันยังคงทำท่าทางเก้ ๆ กัง ๆ
"โอ๊ย ใกล้แค่นี้เอง ก็ไปเป็นเพื่อนพี่เค้าสิ พอซื้อเสร็จก็ค่อยมาส่ง" คุณยายเขี่ยบอลด้วยความรวดเร็ว
"อาม่า!! พี่เค้าแค่ถามทาง!!" รันยังไม่ทันโวยวายเสร็จชีตาร์ก็พูดแทรก
"ถ้าคุณพ่ออนุญาติ พอผมซื้อเสร็จจะรีบพามาส่งเลยครับ" ชีตาร์ขอพ่อ
คุณพ่ออึ้งกับคำถาม และแม้แต่อาม่าที่ชงไม่หยุดก็ยังต้องอ้าปากค้าง
"ไม่ต้องเป็นห่วงลูกสาวนะครับ ให้เก็นไปเป็นเพื่อนด้วย พอกินขนมกันเสร็จก็จะรีบกลับมาส่งครับ" ชีตาร์อ้อนวอนพ่ออีกครั้ง
"เย่ ๆ" เก็นและชีโต๊สจับมือกันและกระโดดดีใจไปเรียบร้อยแล้ว
"พ่อค้าบ ยูโร่จะไปกับกับพวกพี่เค้าด้วย" ยูโร่ดึงมือพ่อพร้อมน้ำตาที่มาปริ่ม ๆ
"ยูโร่ แต่ว่าลูก" พ่อกำลังจะห้ามยูโร่
"เดี๋ยวหนูดูแลน้อง ๆ ได้ค่ะพ่อ ถ้ามีพวกช็อคโกแลตยูโร่คงไม่ดื้อ ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ" รันออกตัวจะดูแลน้องด้วยแววตามุ่งมั่นทั้ง ๆ ที่ผ่านมาเธอมักจะปัดให้เก็นเลี้ยงน้องแทนอยู่เสมอ
"เอ่อ … งั้น (พ่อหยุดคิดครู่หนึ่ง) แน่ใจนะว่าดูแลกันได้ ถ้าเกิดมีอะไรต้องโทรหาพ่อทันทีนะ แล้วต้องกลับเร็ว ๆ กันด้วยนะ" คุณพ่อจำเป็นต้องอนุญาติแบบแพ้ทางสุด ๆ
"เย่ ๆๆ" เสียงเก็น ชีโต๊ส และยูโร่ตะโกนดีใจ ต้องยอมรับว่าความน่าเชื่อถือและเครดิตของชีตาร์มีมากพอที่พ่อจะยอมให้ไปกินขนมใกล้ ๆ บ้าน ถึงแม้จะเจอกันครั้งแรกก็ตาม
"ขอบคุณมากนะครับ " ชีตาร์พาเด็ก ๆ ขึ้นรถ โดยเด็ก ๆ ทั้งสามคนของบ้านรันนั่งเบาะหลัง และชีโต๊สนั่งเบาะหน้าคู่กับชีตาร์ เขาสตาร์ทเครื่องและขับออกไปช้า ๆ
คุณพ่อยืนมองรถเก๋งคันแรกที่พาลูกสาวคนเดียวของเขาไปเที่ยวค่อย ๆ ขับพ้นสายตาไป
"ผมไม่คิดว่าเด็กโตขนาดนั้นจะหาทางไปร้านขนมไม่เจอหรอกนะแม่" คุณพ่อยังคงมองไปที่ถนนและพูดอย่างหวงลูกสาว
"อืม ฉันก็ไม่คิดว่าเจ้ารันมันรู้จักร้านขนมนั่นเหมือนกัน" อาม่าเสริม
"แล้วปล่อยไปแบบนั้นมันจะดีหรอครับ?"
"ไม่ต้องห่วงร๊อก ชั้นคิดว่าถ้าแม่ชีตาร์รู้เรื่องนี้ เค้าน่าจะหวงลูกเค้ายิ่งกว่าเราเยอะเลย เชื่อแม่เถ๊อะ" คุณพ่อทำหน้าคิดงง ๆ ก่อนจะยักไหล่
"งั้นผมเข้าไปทำงานในร้านก่อนก็แล้วกันนะครับ" คุณพ่อเดินเข้าไปในร้านขายยา
"คุณนายขา วันนี้จัดสวนเรียบร้อยแล้วนะคะ เดี๋ยวพรุ่งนี้หนูจะเอากล้วยไม้มาลงให้" ป้าคะน้ากำลังเตรียมตัวกลับบ้าน ขณะนั้นก็มีเสียงมอเตอร์ไซค์ของสามีป้าคะน้ามาจอดหน้าบ้าน
ชายวัยกลางคนไว้หนวดเคราตัวผอมรีบเอาขาตั้งมอเตอร์ไซค์ลงและยกมือสวัสดีด้วยความอ่อนน้อม
"สวัสดีครับคุณนาย"
"นี่มารับคะน้ารึ?" อาม่าถาม
"พอดีกลัวว่าจะมืดเลยมารับน่ะครับ"
"นี่ ร้อยวันพันปีไม่เคยเป็นห่วง มีอะไรพูดมาตรง ๆ เลยตาแก่ ชั้นกับคุณนายไม่มีความลับต่อกัน ไม่ต้องกลัวหรอก"
คุณลุงทำหน้าเหยเกไปไม่เป็นเมื่อเจอเมียพูดดักคอ แต่ก็จำใจพูดความจริงเพราะแพ้สายตาของคุณยาย
"คือพอดีช่วงนี้มันมีเรื่องน่ะครับ แต่ว่าผมก็ไม่กล้าพูดตรง ๆ" คุณลุงพูดด้วยสีหน้ากังวลมาก
"มีอะไรก็บอกชั้นมาเถอะ" คุณยายจี้
"เมื่อก่อนนี้ไม่นาน ละแวกนี้จะมีโจรค่อนข้างเยอะครับ ข้าวของชาวบ้านหายตลอด มีอยู่คนนึงที่หลาย ๆ คนก็รู้ว่ามันเป็นใคร แต่ก็จับกันไม่ได้ซึ่ง ๆ หน้า"
"ที่แท้ก็กลัวโจร มันเป็นใครล่ะ เดี๋ยวชั้นจะจัดการให้เอง" คุณยายพูดอย่างไม่กลัว
"มันเพิ่งตายไปวันนี้เองครับคุณนาย"
"ต๊าย ไอ้เมี่ยงตายแล้วหรอแก!" ป้าคะน้าตกใจมาก
"ข่าวว่าพวกเพื่อน ๆ มันที่เป็นพวกเด็กติดยา พูดกันว่าก่อนจะเกิดเรื่องมันวางแผนจะมาขโมยของในซอยนี้ ผมเดาว่าน่าจะเป็นบ้านหลังนี้นี่แหละ แต่ก็ไม่แน่ใจหรอกครับ มันบอกว่าโดนหมาผีทำร้ายจนอาการสาหัส เท่าที่ผมฟังลักษณะที่พวกมันเล่ากันมา เหมือนกับพวกหมาผีโบราณที่ชอบออกมาวิ่งไล่คนตอนกลางคืนสมัยผมเป็นเด็ก แต่นี่มันก็ยุคสมัยนี้แล้วไม่น่าเชื่อว่าจะยังมีอยู่" คุณลุงเล่าจบป้าคะน้าก็หน้าตาเหวอและกลัวอย่างเห็นได้ชัด
"ปีศาจหมานิลเรอะ เมื่อก่อนมีเยอะเลยล่ะ จะว่าไปก็แปลกจริง ๆ ที่มาโผล่แถวนี้ได้ ชั้นคิดว่าหมดยุคของพวกมันไปแล้วซะอีก" คุณยายพูดนิ่ง ๆ
"นี่คุณนายก็รู้จักเหมือนกันเหรอครับ!" คุณลุงทำท่าตกใจ
"ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงก็รีบกลับกันเถอะ เดี๋ยวฟ้าจะมืดซะก่อน" คุณยายแนะนำ
"งะ งั้นหนูไปก่อนนะคะคุณนาย คุณนายก็ดูแลตัวเองด้วยนะคะ" ป้าคะน้ารีบคว้าจักรยาน
"ไม่ต้องห่วงชั้นหรอก" สองผัวเมียพากันสวัสดีคุณยาย คุณยายยืนมองทั้งสองขี่มอเตอร์ไซค์และจักรยานคู่กันกลับบ้าน
"หวังว่าเด็ก ๆ คงจะไม่กลับดึกนะ" คุณยายยืนพูดคนเดียว
ที่ร้านขนมชื่อ ปังปังปัง เป็นร้านติดแอร์บรรยากาศดีมาก กลิ่นขนม โกโก้ และกาแฟ ดึงดูดวัยรุ่นให้มาผ่อนคลายที่นี่ได้อย่างไม่แปลก โต๊ะนึงในร้านมีบันนี่กับชิคกำลังนั่งทานขนมกันอยู่
"โทษทีนะชิค ที่เราบ่นว่าทำไมต้องพาเราถ่อมาไกล ๆ เราไม่คิดเลยว่าที่นี่จะมีขนมอร่อยขนาดนี้น่ะ"
"ไม่เป็นไรหรอกย่ะ ชั้นรู้อยู่แล้วว่าพอเธอได้กินแล้วต้องพูดอย่างนี้"
"ปิ๊งป่อง" เสียงสัญญาณประตูต้อนรับลูกค้าดังขึ้น "ป่ังปังปังยินดีต้อน …. ฮึ้ยยย!!" พนักงานหญิงในร้านหยุดพูดกลางคันด้วยความช็อค บันนี่ที่กำลังดูดน้ำโกโก้ก็สำลักทันทีเมื่อเงยหน้ามามองที่ประตูร้าน
"เป็นไรของแกบันนี่" ชิคหันไปมองที่ประตูบ้าง ภาพที่เห็นคือชีตาร์กำลังทำมือจุ๊ ๆ ที่ปากเพื่อขอร้องให้พนักงานในร้านไม่โวยวายออกมา ในขณะที่ชิคกำลังจะกรี๊ด ชีโต๊สก็โผล่มาตรงหน้า
"พี่ ๆ อย่าส่งเสียงดังนะครับ ถ้าไม่บอกใครว่าพี่ชีตาร์อยู่ที่นี่ เดี๋ยวจะให้ลายเซ็นเป็นการขอบคุณนะครับ" ชีโต๊สเข้ามาจัดแจงด้วยความชำนาญ โชคดีที่ร้านนี้เป็นแค่ร้านเล็ก ๆ ตอนนี้ในร้านจึงกลายเป็นเสียงซุบซิบ ๆ แทน แต่ก็ดูวุ่นวายไปอีกแบบ
"พี่ชีตาร์มาทำอะไรที่นี่นะ" ชิคพูดเสียงแหลมข้างหูบันนี่ด้วยความตื่นเต้น ตอนนี้บันนี่อ้าปากค้างและสะกิดชิคให้มองไปที่ประตูร้านอีกครั้ง ภาพที่ทั้งสองเห็นคือชีตาร์กำลังเปิดประตูให้รันเดินเข้าร้านมา ตามด้วยเก็นกับยูโร่ แต่แน่นอนว่าบันนี่กับชิคโฟกัสอยู่ที่รันคนเดียวเท่านั้น แก้วโกโก้ในมือชิคหลุดมือลงพื้นทันทีและหกกระจายใส่เท้าของบันนี่
"อ๊ายยย ยัยบ้า!!! นี่รองเท้าคู่โปรดเชียวนะ!!" บันนี่โวยวาย รันจึงหันไปเห็นทั้งสองในทันที
"ชิค บันนี่!!" รันเรียกชื่อเพื่อนด้วยความดีใจ และทั้งหมดก็ได้มานั่งกินขนมโต๊ะเดียวกับชีตาร์โดยปริยาย
"มุมนี้น่าจะไม่ค่อยมีคนสังเกตุเห็นแล้วพี่ ผมบอกพนักงานให้คอยดูแลไม่ให้ใครกวนแล้วไม่ต้องห่วง" ชีโต๊สพูดจาเหมือนผู้จัดการที่ผ่านงานมาแล้วครั้งไม่ถ้วน ในขณะนี้ที่โต๊ะมี ชีตาร์ ชีโต๊ส เก็น ยูโร่ รัน ชิค และบันนี่ พร้อมขนมและเครื่องดื่มที่เยอะพอจะกินสำหรับสองวัน
"สรุปพี่ชีตาร์รู้จักกับรันได้ยังไงเหรอคะ?" ชิคถาม
"เก็นเป็นเพื่อนกับน้องชายพี่ชีตาร์น่ะ" รันตอบ
"ต๊ายยย ชั้นอยากมีน้องชายมั่งจัง ว่าแต่แล้วไหนล่ะคะน้องชายของพี่ชีตาร์น่ะ" บันนี่ถาม
"ก็นั่งอยู่ข้าง ๆ พี่ชีตาร์ไง" รันชี้ไปทางชีโต๊สที่กำลังทำหน้าเซ็งเพราะรู้ดีว่าตัวเองหน้าตาไม่เหมือนพี่
"อ่าา ขอโทษนะจ๊ะ พี่นึกว่าแฟนคลับ" บันนี่ตอบแหย ๆ
"บันนี่กับชิคอยากทานอะไรอีกสั่งได้เลยนะครับ พอดีพี่มีเรื่องจะคุยกับรันนิดหน่อย เดี๋ยวรีบกลับมานะครับ" ชีตาร์พูดจบก็ลุกขึ้นพร้อมมองหน้ารันที่กำลังเหวอ แล้วลุกเดินตามออกไปนอกร้านอย่างงง ๆ
"เก็นดูแลยูโร่ด้วยนะ" รันฝากน้อง
"ไม่ต้องห่วงพี่ งานประจำ" เก็นตอบ
"นี่แก สองคนนั้นยังไงกันแน่ อย่าบอกนะว่ายัยรัน?" ชิคสงสัยจนใจร้อนรุ่ม
"ไม่สำคัญหรอกย่ะ เมื่อกี้เห็นรึเปล่าว่าพี่ชีตาร์เรียกชื่อเราสองคน" บันนี่พูดตาลอย ๆ
"จริงด้วย!!" ทั้งสองคนหันมามองหน้าและพากันกรี๊ด แต่ก็ต้องเจอเบรค เมื่อเห็นชีโต๊สทำหน้าเซ็งพร้อมยกนิ้วขึ้นมาจุ๊ ๆ ที่ปาก
ขณะนี้พระอาทิตย์ได้ตกดินไปเรียบร้อยแล้ว ข้าง ๆ ร้านเป็นลานกว้างล้อมรอบไปด้วยต้นไม้เหมาะให้เด็กหนุ่มสาวสองคนเดินคุยกันได้อย่างเป็นใจ
"พี่รู้นะ ว่ารันมีความสามารถพิเศษ" รันทำหน้าเหวอ เหมือนอยากจะเถียงแต่ก็พูดไม่ออก
"ทำไมรันถึงไม่ชอบสิ่งที่ตัวเองเป็นล่ะครับ?” รันสวนกลับทันที
"จะพูดยังไงดีล่ะคะ พี่ต้องลองมาเป็นเอง ผู้หญิงทุกคนก็อยากจะดูดีน่ารัก ผู้ชายชอบผู้หญิงสวย ชอบผู้หญิงมีความสามารถ ไม่ว่าในโลกนี้จะมีผู้หญิงดี ๆ กี่แบบ ก็คงไม่มีผู้ชายคนไหนอยากได้แฟนที่มีผีเข้าสิงร่างหรอกมั้งคะ!"
แม้ว่ารันจะสุดปลื้มชีตาร์สักแค่ไหน แต่ท่าทีที่เธอแสดงออกไปก็ดูจะไม่ค่อยพอใจนัก
"แล้วไม่คิดเหรอ ว่าความสามารถของรันสามารถช่วยคนได้มากขนาดไหน"
"หนูไม่รู้นะคะว่าพี่ต้องการอะไร แต่หนูไม่ดีพอจะช่วยใคร หนูอยากช่วยตัวหนูเองก่อน ช่วยให้หนูได้เป็นตัวหนู ได้ยิ้มและร้องไห้เมื่อตัวหนูต้องการ ไม่ใช่ปล่อยให้ใครก็ได้มาอยู่ในตัวหนูแล้วใช้ร่างกายหนูตามใจชอบ!"
เสียงของรันสั่นเครือและน้ำตาได้คลออยู่จนเต็มดวงตาทั้งสองข้างของเธอเรียบร้อย ชีตาร์เดินเข้ามาประชิดรันอีกก้าว และจ้องหน้ารันอย่างจริงจัง
"แล้วถ้าเป็นพี่ขอให้รันช่วยล่ะ" น้ำตาของรันไหลลงมาเป็นทางทันที ชีตาร์ใช้นิ้วปาดน้ำตาที่แก้มรัน
"ช่วยในฐานะอะไรคะ?" รันถามชีตาร์ด้วยแววตาเจ็บปวด
"ไม่รู้สิ เพราะว่ารันไม่ได้เป็นแฟนคลับพี่" ชีตาร์พูดพลางคิด
"ถูกค่ะ หนูไม่เคยเป็นแฟนคลับพี่ ก่อนหน้านี้เราเคยเจอกันแค่ครั้งเดียวที่หน้าโรงอาหาร"
"งั้นหรอ … งั้นพี่ต้องขอโทษด้วยที่ยื่นแก้วกาแฟให้รันไปทิ้ง ที่ทำอย่างนั้น เพราะคิดว่ารันอาจจะดีใจเหมือนผู้หญิงคนอื่น ๆ"
"ไม่ต้องขอโทษหรอกค่ะ เพราะว่าหนูไม่ได้ทิ้ง" ชีตาร์อึ้งและมองหน้ารัน
"หนูเก็บเอาไว้ใส่ต้นกระบองเพชร หนูตั้งชื่อ แล้วก็คุยกับมันก่อนนอนทุกวัน แต่หนูบอกพี่แล้วว่าหนูไม่ได้บ้าดารา เพราะหนูไม่ได้รู้จักพี่มาก่อนเหมือนผู้หญิงคนอื่น ๆ หนูก็แค่บ้าผู้ชายคนนึงที่มายื่นแก้วกาแฟให้หนูไปทิ้ง ….. โดยที่หนูยังไม่ทันรู้จักเค้าด้วยซ้ำ"
ในขณะที่ชีตาร์กำลังอึ้งจนไปไม่เป็น รันก็หันหลังพร้อมน้ำตาที่ไม่รู้ว่าเศร้าเพราะเรื่องไหนกันแน่ รันเดินกลับไปที่ร้าน ทันใดนั้นกลิ่นควันบุหรี่ก็ลอยมาเตะจมูกทั้งสองคนพร้อมกลุ่มเด็กผู้ชายที่ท่าทางไม่เป็นมิตรที่กำลังเดินเข้ามา และคนที่เดินนำหน้าก็เข้ามาขวางรัน
"จะรีบไปไหนจ๊ะคนสวย? ร้องไห้ด้วย มีใครทำให้เสียใจเดี๋ยวพี่จะอัดมันให้จมดิน"
ชายตัวสูงผิวคล้ำผมเป๋พูดพร้อมแสยะยิ้ม โดยมีสมุนอีกสี่ห้าคนที่สมทบอยู่ด้านหลัง พวกมันดูคล้ายฝูงหมาป่าที่เดินเข้ามาเจอกับกระต่ายน้อยที่ติดอยู่ในวงล้อมของพวกมันด้วยความบังเอิญ
"ถึงว่าพ่อไม่ค่อยอยากจะให้ออกมาเที่ยวแถวนี้ ทำไมที่ที่ยังไม่ค่อยเจริญถึงต้องมีคนแบบพวกแกนะ พาลเสียชื่อคนอื่น ๆ ที่เค้าทำดีกันไปหมด"
รันโพล่งออกไปอย่างไม่แคร์ผลที่จะตามมา
"ขอโทษนะครับ พวกพี่มีธุระอะไรรึเปล่า?"
ชีตาร์รีบเดินแทรกตัวเข้ามาช่วยรันทันที
"เฮ่ย แกใช่มั้ย? ที่ทำให้ผู้หญิงหน้าตาน่ารักขนาดนี้ต้องร้องไห้ ไม่ต้องมาสะเออะเลย ตอนนี้น้องเค้าได้เจอเนื้อคู่ใหม่แล้วโว๊ย"
พอลูกพี่พูดจบ เหล่าลูกน้องก็พากันหัวเราะชอบใจ
"เฮ่ยพี่ ไอ้นี่มันนักร้องรึเปล่า?"
คนนึงในกลุ่มอันธพาลพูดทักออกมา
"บ้าไปแล้ว แกมันชีตาร์นี่หว่า เฮ่ย พวกเราวันนี้เราจะได้กินเนื้อเสือชีตาร์ว่ะ"
เหล่าจิ๊กโก๋พากันหัวเราะเสียงดังขึ้น
"แฟนเก่าของข้าต้องจากข้าไปเพราะมัวแต่หลงนักร้องอย่างแก จนมันมาขอเลิก มันบอกว่าข้าไม่มีตังค์พอแม้จะซื้อบัตรคอนเสิร์ตพวกแก มันก็เลยต้องตายเพราะว่าหักหลังคนอย่างข้า เดี๋ยวพวกแกเตรียมตัวเป็นข่าวลงหนังสือพิมพ์ได้เลย ว่าแต่ต้องทำให้เป็นศพรึเปล่า? จะได้ไม่มีเสียงไปฟ้องตำรวจ"
หัวหน้ากลุ่มสูบบุหรี่เข้าปอดยาว ๆ จนเห็นแสงไฟแดงวาบที่ดูร้ายกาจดั่งแสงไฟจากขุมนรก และพ่นควันบุหรี่ใส่ที่ใบหน้าอันหล่อเหลาของชีตาร์ช้า ๆ รันพูดสวนขึ้นมาทันที
"แกรู้รึเปล่า ที่ราคาบัตรคอนเสิร์ตต้องแพงขนาดนั้น ก็เพราะเอาไว้กันคนอย่างพวกแกเข้ามาสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นยังไงล่ะไอ้ชั่ว!!"
รันด่าอย่างไม่เกรงกลัว ถ้าไม่เพราะเธอใจกล้า ก็คงเพราะไม่รู้ถึงอันตรายในสิ่งที่ทำ
"ผัวะ!!" รันโดนตบด้วยหลังมือจัง ๆ จนลงไปนั่งกองกับพื้นทันที ชีตาร์สวนหมัดทันทีแต่ก็โดนจับไว้ได้ด้วยแขนเพียงข้างเดียว หมัดของชีตาร์เป็นหมัดที่กำอย่างสั่น ๆ หมัดที่เต็มไปด้วยคุณธรรมและความถูกต้อง แต่ก็ไร้ซึ่งทักษะการต่อสู้และความกล้าของนักรบ
"เจอหน้ากันแป๊บเดียว พวกแกก็ทำให้ข้าโกรธมากเลยนะ อย่างเดียวที่ข้าจะรับปากแกได้นะไอ้หน้าหล่อ ….. นั่นก็คือ ข้าจะไม่ฆ่าแฟนแก (หัวหน้าแก๊งหยุดคิดครู่หนึ่ง) จนกว่ามันจะเป็นเมียข้า"
ทันใดนั้น มันสะบัดแขนทีเดียวชีตาร์ก็ลงไปกองกับพื้น และมันก็ได้กวาดขาเตะที่ยอดหน้าชีตาร์อย่างจังจนชีตาร์หมอบลงไปกับพื้นด้วยความชำนาญเหมือนกับทำเรื่องแบบนี้มาแล้วจนนับไม่ถ้วน
ตอนนี้ภายในร้านเพื่อน ๆ ของรันเริ่มเป็นกังวล
"ชั้นว่าสองคนนั้นหายไปนานเกินไปแล้วนะ" บันนี่กล่าวทัก
"ใจเย็น ๆ สิครับ พี่ชีตาร์อาจจะทำอะไรที่ผู้หญิงทุกคนใฝ่ฝันก็ได้ อย่าขัดเพื่อนเลยดีกว่าครับ"
ชีโต๊สพูดยิ้มมุมปากอย่างแก่แดด
"นายหมายถึงเค้าจะหอมกันหรอ?" เก็นถามใส ๆ
"ชั้นหมายถึงจูบต่างหากเล่าเพื่อน" ชีโต๊สพูดหรี่ตามองเก็น
"กรี๊ดดดด จ จ จูบบบ จูบถึงขั้นไหนล่ะเนี่ย" ชิคพูดครวญคราง
"หรือจะมากกว่านั้น แถวนั้นทั้งเปลี่ยวแล้วก็มีป่าด้วยนะ!!" บันนี่ดึงพาออกนอกเรื่องไปไกล
"ถ้ายูโร่เริ่มซนเมื่อไหร่ผมจะไปตามแล้วล่ะ เพราะตอนนี้เค้กช็อกโกแลตใกล้หมดแล้วด้วย" เก็นพูดปิดท้าย และตอนนี้ที่สวนหลังร้าน ชีตาร์โดนหัวหน้ากลุ่มซ้อมไปพอสมควร รันนั่งร้องไห้ตัวสั่นจนแทบไม่มีความกล้าใด ๆ หลงเหลืออยู่อีก
“ไม่มีเวลาแล้ว ยิงไอ้นักร้องนี่ซะ เดี๋ยวข้าเอาอีนี่ไปเอง”
หัวหน้าแก๊งพูด รันเห็นสมุนของมันหยิบปืนขึ้นมาสำรวจกระสุน ตอนนี้ความกลัวของเธอมาถึงจุดพีคที่สุดที่ชีวิตคนจะกลัวอะไรได้
“พี่ชีตาร์” รันเรียกชีตาร์
“รัน” ชีตาร์ขานรับด้วยความชาทั้งร่างกายและจิตใจของเขา
“หนูจะใช้ความสามารถของหนูช่วยพี่เอง”
รันหลับตาเอามือกำหินที่คอและสื่อสารจิตถึงวิญญาณที่เธอสำผัสได้ เธอเห็นร่างนักรบไทยตัวสูงใหญ่ที่ร่างเต็มไปด้วยรอยสักอย่างชัดเจน เป็นวิญญาณท่านปู่ที่อยู่ในศาลที่บ้านได้ตามเธอมานั่นเอง
“ช่วยหนูด้วย”
เป็นคำพูดในใจของรันก่อนที่เธอจะหมดสติ ขณะเดียวกันอันธพาลคนหนึ่งยืนเอาปืนส่องที่หัวชีตาร์และกำลังจะเหนี่ยวไก แต่จู่ ๆ รันก็ลุกขึ้นมาหมุนตัวท่าจระเข้ฟาดหางเตะปืนหลุดจากมืออันธพาลกระเด็นเข้าป่าไปด้วยความแรง หัวหน้าแก๊งและสมาชิกทั้งหมดต่างหันไปมองด้วยความตื่นตะลึง และยิ่งมึนงงที่เสียงรันกลับกลายเป็นเสียงผู้ชายที่ทุ้มใหญ่น่าเกรงขาม
“สมัยนี้เด็กชาวบ้านพกปืนไฟที่ใช้ในสงครามได้ด้วยหรือ? นี่พวกเจ้าไม่กลัวโดนตัดหัวรึไง หรือว่าบ้านเมืองไม่มีขื่อมีแปเสียแล้ว”
ดวงตารันดุดัน และหินที่ห้อยคออยู่ก็ส่องแสงสีเขียววูบวาบอยู่ภายใน
“อีนี่ ถึงว่าปากดีนัก ที่แท้มันก็เป็นมวยนี่เอง (หัวหน้าแก๊งพูดแบบฝืนความกลัวเล็กน้อย) ถ้าไม่อยากตายแบบสบายกันก็ตายด้วยตีนพวกกูนี่แหละ!”
พวกมันโห่ร้องและวิ่งแห่เข้ามาที่รันพร้อม ๆ กันทั้งหกคน
“นี่ถ้าเป็นร่างของกูเอง กูต่อให้พวกมึงร้อยคนเลยก็ได้”
ร่างของรันยืนบ่นก่อนเอี้ยวตัวหลบและใช้แม่ไม้มวยไทยอัดพวกอัธพาลล้มลงทีละคนด้วยความสนุกโดยเน้นใช้เข่าและศอก
“ข้อดีของร่างแม่หนูนี่คือตัวเบา ทำให้กูกระโดดได้สูงและว่องไวมากกว่าเก่า”
ร่างของรันยังคงพูดจาวนเวียนอยู่กับเรื่องการต่อสู้ และคอยอัดคนที่ยังมีแรงพยายามลุกขึ้นมาต่อสู้ให้หมอบลงไปจนไม่เหลือ ตอนนี้ชีตาร์พยายามประคองตัวเองลุกขึ้นมา
“รัน เธอทำได้ยังไงน่ะ”
วิญญาณของท่านปู่พยายามพูดจาให้เป็นรันเพราะไม่อยากให้ชีตาร์รู้
“อย่าได้ใส่ใจเลยท่านพี่ ให้น้องช่วยประคองกลับเรือนจะดีกว่า”
คำพูดของรันตอนนี้ทั้งดูประหลาดและดูเหมือนกะเทยมาก ทันใดนั้นหัวหน้ากลุ่มก็ลุกมาจากพื้นพร้อมมือถือที่มีไฟหน้าจอสว่างอยู่
“พวกแกไม่รอดแน่ พรรคพวกของข้าทั้งหมดกำลังมาที่นี่”
ร่างของรันก้าวเท้าด้วยความเร็ว เพียงแค่สองก้าวเข่าก็ลอยไปปะทะหน้าของหัวหน้าแก๊งด้วยความแรงจนฟันบางซี่กระเด็นออกมาและมันก็น็อคลงไปกองอยู่กับพื้น วิญญาณท่านปู่รู้ว่าถ้าต้องต่อสู้กับผู้ชายจำนวนมากกว่านี้ ร่างกายของรันอาจจะรับไม่ไหว ยังไม่รวมถึงปืนที่พวกมันจะพกมาอีก
“รีบไปกันเถอะท่านพี่ ก่อนที่พวกมันจะยกพลมาเสริม”
ร่างของรันฝืนพูดเป็นผุ้หญิง
“ผมรู้ว่าคุณไม่ใช่รัน” ชีตาร์พูด
“งั้นมึงจะมัวยืนคุยหาพระแสงอะไรอยู่ล่ะ! ไม่อยากตายก็ก็รีบไปที่รถเครื่องของมึงแล้วรีบพาเด็ก ๆ กลับเรือนเดี๋ยวนี้!!” ร่างของรันตวาดชีตาร์ ตอนนี้ชีตาร์วิ่งขโยกเขยกไปหาเด็ก ๆ ด้วยความตกใจ
“เก็น ชีโต๊ส พายูโร่มาขึ้นรถกลับบ้านเดี๋ยวนี้!”
ชีตาร์ตะโกนจากประตูหน้าร้าน เด็กทั้งสามลุกออกจากร้านด้วยความงงทิ้งให้บันนี่และชิคนั่งเหวออยู่สองคน
“พี่ชีตาร์จู่ ๆ ก็มา จู่ ๆ ก็ไป เป็นฝันดีที่สั้นเหลือเกิน” บันนี่บ่นเพ้อ ๆ
“แต่ค่าขนมทั้งโต๊ะเนี่ย ฝันร้ายแน่นอน” ชิคทำหน้าเซ็ง
และในขณะที่ทุกคนกำลังทยอยขึ้นรถ แก๊งมอเตอร์ไซค์กลุ่มใหญ่ก็ขับมาถึงและเห็นชีตาร์กำลังจะขึ้นรถเป็นคนสุดท้ายพอดี โดยมีหัวหน้าแก๊งคนเดิมที่ยังลุกขึ้นมาไหวกระโดดขึ้นมอเตอร์ไซค์คันหน้าทันทีและพร้อมจะตามล่าด้วยความแค้น
“ตามมันไป!!” หัวหน้าแก๊งตะโกนด้วยใบหน้าที่มีเลือดกบปาก
“ออกรถเดี๋ยวนี้ ขับให้เร็วที่สุด!!”
ร่างของรันตะโกนออกมาเป็นเสียงท่านปู่ เก็นพอจะเดาออกว่าตอนนี้รันโดนสิงร่างอยู่ ชีตาร์เหยียบคันเร่งอย่างไม่คิดชีวิต ฝูงมอเตอร์ไซค์บิดคันเร่งไล่จี้มาอย่างประชิด แต่ด้วยความแรงของเครื่องยนต์ทำให้ชีตาร์ยังคงขับหนีมาได้เรื่อย ๆ
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ยพี่!?” ชีโต๊สถาม
“อย่าเพิ่งถามตอนนี้ หนีกันให้รอดก่อนค่อยเล่า!”
ชีตาร์ตะโกนตอบ
แล้วเสียงปืนก็เริ่มดังขึ้น พวกมันเริ่มใช้ปืนยิงใส่รถของชีตาร์ ทำให้เด็ก ๆ ที่อยู่บนรถกลัวมาก ปัง! ปัง! เพล้งงงง !!! อ๊ากกกกก เด็ก ๆ ร้องด้วยความกลัว กระสุนปืนนัดหนึ่งยิงโดนกระจกหลังทะลุกระจกหน้าจนกระจกบางส่วนแตกพังลงมาและลมจากด้านนอกก็ตีเข้ามาจนผมของรันและเด็ก ๆ ปลิวไปหมด ตอนนี้ชีตาร์ขับหนีจนมาถึงถนนใกล้บ้าน กลุ่มมอเตอร์ไซค์ยังคงไล่หลังรถของเค้ามาอย่างไม่ลดละ ตอนนี้ยูโร่ร้องไห้ไม่หยุด ในยามฉุกเฉินจู่ ๆ เด็กน้อยยูโร่ก็ระเบิดจิตใจแห่งความกลัวของเขาออกมาโดยการตะโกน
“ช่วยด้วย!!!!!”
ยูโร่ตะโกนสุดเสียง ทันใดนั้นทุกคนก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของม้าที่ค่อย ๆ ดังขึ้น ทั้งที่มันไม่น่าดังฝ่าเสียงเครื่องยนต์ของรถมาเข้าหูได้ และสิ่งที่ทุกคนเห็นคือสุนัขตัวสีดำสนิทขนาดสูงใหญ่เท่าม้า วิ่งมาจากถนนฝั่งทางกลับบ้านสวนเข้ามาที่รถ โดยหมายักษ์ตัวนี้มีดวงตาสีแดงก่ำสว่างออกมาทั้งสองดวง ทำให้ใครต่างรู้ว่ามันคือผีหรือปีศาจแน่นอน เจ้าหมาดำวิ่งสวนรถของชีตาร์พุ่งไปที่ฝูงมอเตอร์ไซค์กัดเข้าที่บ่าของหัวหน้าแก๊งที่นำอยู่หน้าสุดและเหวี่ยงร่างลอยไปกระแทกกับเสาไฟฟ้าตายคาที่ทันที จากนั้นก็หันกลับมาวิ่งตามและใช้หัวกระแทกมอเตอร์ไซค์คันอื่น ๆ ให้ล้มลงเรื่อย ๆ ความเร็วของมอเตอร์ไซค์นั้น ไม่ว่าจะบิดแรงแค่ไหนก็ไม่สามารถขับหนีความเร็วของหมาผีตัวนี้ได้เลย มอเตอร์ไซค์หลายคันล้มทับกันไม่เป็นท่า มีแค่บางคันที่หนีไปได้ มีคนตายเพิ่มเพราะรถล้ม และมีคนบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก และไม่ว่าจะเป็นแก๊งมอเตอร์ไซค์แก๊งไหน ถ้าเจอเจ้าหมาผีตัวนี้เล่นงานเข้าก็คงจะมีสภาพไม่ต่างกัน ชีตาร์มองไปที่กระจกหลัง เขาไม่เห็นรถคันไหนตามพวกเขามาอีก ไม่มีทั้งคน และไม่มีทั้งหมาผี เขาเลี้ยวรถเข้าซอยบ้านรันได้สำเร็จ ตอนนี้ไฟหน้ารถส่องเห็นรั้วบ้านของรัน เป็นความรู้สึกที่คล้ายกำลังจะตื่นจากฝันร้าย คุณยายยืนถือไม้เท้ารออยู่หน้ารั้วบ้านเพราะระแวงว่าจะเกิดเหตุร้าย ด้วยจิตระดับสูงของคุณยายทำให้สำผัสกับวิญญาณของปีศาจที่กำลังตามมาได้ คุณยายจึงตะโกนบอกคนในรถว่า
“รีบเข้าบ้านกันก่อน!”
หลังจากที่รถขับเข้าไปในรั้วบ้าน คุณยายก็ยังยืนเฝ้าอยู่กลางถนนคนเดียวเพื่อเผชิญหน้ากับอะไรบางอย่าง และตอนนี้ในเงามืดกลางถนนมีเงาสูงใหญ่ของหมาที่สูงผิดธรรมชาติ และไฟจากดวงตาแดงก่ำสองดวงกำลังค่อย ๆ ก้าวเข้ามาหาคุณยาย
“คาถาไหนดีละเนี่ย คิดไม่ออกเลยกู” คุณยายบ่นแบบหวั่น ๆ
แต่แล้วเมื่อปีศาจหมายักษ์เดินพ้นความมืดออกมากระทบแสงของหลอดไฟที่ส่องบนพื้นถนน ก็กลับกลายเป็นลูกหมาตัวเล็ก ๆ สีดำเดินออกมาและนั่งลงกระดิกหาง
“สรุปแกเป็นหมาของยูโร่เรอะ?”
โปรดติดตามตอนต่อไป
“ปีศาจหมานิล”
หมาผีโบราณมีสีดำสนิท ตัวสูงใหญ่เท่าม้า และมีเสียงฝีเท้าเหมือนม้า ชอบวิ่งมาหลอกและทำร้ายผู้คนยามค่ำคืน พบเห็นได้มากตามพื้นที่กันดารสมัยก่อน และมีผู้พบเจอมาถึงสมัยที่ผู้เขียนยังเป็นเด็ก รวมถึงเพื่อนและครอบครัวรุ่นคุณยายของผู้เขียนด้วย (โปรดใช้วิจารณญาณ) บางครั้งก็ชอบปรากฏตัวเป็นลูกสุนัขก่อนที่จะขยายตัวใหญ่และวิ่งขับไล่รถที่ผ่านไปมา บางตำนานเล่าว่าให้ใช้วิธีกำก้อนดินหรือหินที่พื้นปาใส่เป็นการขับไล่
นี่เขียนไปน้องจินตนาการเป็นฉากหนังไปด้วยใช่ไหมคะ
สงสารแก๊งค์แว๊นน่ะ
เมื่อก่อนเป็นพลพรรคของบร๊ะเจ้านะรู้ป่าว