เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
My First Storyjokesocool
GHOST JOB บ้านคนดุ ทะลุสามโลก EP.6 Drugstore
  • ณ บ้านหลังเดิมของครอบครัวลึกลับ ตอนนี้เป็นเวลาใกล้เที่ยง เก็นเด็กชายชั้นประถมใส่ชุดอยู่บ้านกางเกงขาสั้นสบาย ๆ แต่ก็ยังคงใส่แว่นตลอดเวลา เขาเดินออกมาจากประตูบ้านและเห็นยูโร่กำลังเทขนมใส่ถาดอาหารสัตว์หน้ากรงกระต่าย

    "ทำอะไรน่ะยูโร่?"

    "เทอาหารทิ้งไว้ เผื่อปิกาจูมันหิวแล้วกลับมากินน่ะพี่"

    "นี่ยังหวังให้มันกลับมาอีเหรอ? แต่ลูกหมามันคงไม่กินช็อคโกแลตหรอกมั้ง? คิดว่านะ"

    ยูโร่วิ่งเข้าไปดูการ์ตูนในบ้านต่อโดยไม่สนใจที่เก็นพูด เก็นเห็นคุณยายกำลังเดินโยนเศษหินอยู่ริมรั้วบ้าน จึงเดินเข้าไปทักทาย

    "อาม่าทำอะไรอยู่ครับ?"

    "ม่ากำลังโยนหินหักเขี้ยวอยู่ เอาไว้กันพวกงูเงี้ยวเขี้ยวขอมันมายุ่งกับยูโร่น่ะ เวลาพวกงูหรือสัตว์มีพิษได้กลิ่นหินพวกนี้ มันจะรู้สึกปวดเขี้ยวหรือเหล็กในของมันจนหนีไปหมด รับรองได้ผลพันเปอร์เซ็นต์"

    “มีอาม่าอยู่นี่ไม่ต้องกลัวอะไรเลยนะครับ” เก็นยิ้ม

    "หึ ๆ (คุณยายยิ้มที่มุมปาก) นี่มันของถูก ๆ น่ะ เจ๋งกว่านี้ยังมีอีกเยอะ ว่าแต่เจ้ารันมันหายไปไหนล่ะ? วันนี้อาม่ายังไม่เห็นหน้าหลานสาวเลย"

    "ตื่นมาก็เอาแต่นั่งดูยูทูปวง Boy Attack น่ะครับ เห็นบอกว่าถ้าเด็กผู้หญิงมัธยมได้ดูแล้วจะได้เป็นสาวเต็มตัว"

    "หืม เดี๋ยวนี้มีโปรแกรมที่ดูแล้วเป็นสาวได้ด้วยรึ ทันสมัยจริง ๆ" อาม่าทำหน้าทึ่ง เหมือนกำลังอึ้งเทคโนโลยี ตอนนี้ร้านยาของคุณพ่อเปิดแล้ว ป้ายร้านเขียนว่า (ร้านขายยา Good Job) เก็นเดินเข้าไปในร้านและนั่งลงตรงเก้าอี้หมุนของลูกค้า

    "เป็นไงลูก ร้านยาสวยมั้ย? ร้านของเราพ่อจะตรวจอาการของคนไข้แบบกึ่งคลินิคไปในตัวด้วยนะ" คุณพ่อคุยกับลูกด้วยความแฮปปี้

    "ขอให้พ่อเจอแต่คนไข้ปกติก็แล้วกันนะครับ" เก็นทัก

    คุณพ่อมองหน้าเก็นแล้วแสยะยิ้มเล็ก ๆ ที่มุมปาก แต่ตอนนี้ที่ถนนหน้าบ้าน มีผู้หญิงวัยกลางคนและเด็กผู้ชายคนหนึ่งอยู่ประมาณชั้นประถม เดินช้า ๆ มาถึงหน้ารั้วบ้าน เด็กมีสภาพเหม่อลอยขอบตาคล้ำและไอกับจามเป็นระยะ

    "เหมือนจะมีคนมา ไม่ธรรมดา แต่ดูมีไข้" อาม่ายืนบ่นพึมพำอยู่หน้าบ้านก่อนจะเดินไปบอกกับแม่ลูกคู่นั้น

    "แม่หนูเอ๊ย พาลูกเข้าไปในร้านเลย คุณหมออยู่พอดี" คุณยายชี้นิ้วไปที่ประตูร้าน หญิงผู้เป็นแม่จึงจูงมือลูกเข้าไป

    "เป็นอะไรมาครับ? ดูไม่ดีเลย" คุณพ่อถาม

    “ลูกชั้นเป็นหวัดมาสองอาทิตย์แล้วค่ะ แต่เค้าไม่หายสักที ไปโรงบาลหมอก็บอกว่าให้กินยาแก้หวัดเดี๋ยวก็หาย แต่ตอนนี้แย่ลงกว่าเก่าอีก เห็นคนบอกว่าร้านยาที่เปิดใหม่อยู่ในซอยมีคุณหมอด้วย ชั้นเลยพาลูกมาหาค่ะ”

    “แค่ก ๆๆๆ" เด็กผู้ชายยังคงไอเป็นระยะ

    "ดูลักษณะของหนูไม่เหมือนกับเป็นหวัดธรรมดาเลยนะ" คุณพ่อเหลือบมองตาเก็น พวกเขาได้แต่หวังในใจว่านี่คงจะไม่ใช่โรคที่พวกเขารู้จัก ตอนนี้เก็นรู้ว่าพ่อต้องการความสามารถของเก็น เพราะโรคที่โรงพยาบาลวินิจฉัยไม่ได้ มักจะเป็นโรคที่พวกเค้ารักษาได้อยู่เสมอ ถึงแม้ว่าพ่อจะเคยพูดบ่อย ๆ ว่าไม่อยากให้ลูกใช้ความสามารถพวกนี้ก็ตาม

    "ขอกระดาษผมเถอะพ่อ" พ่อมองหน้าเก็นอีกครั้งและพยักหน้าเบา ๆ อย่างจำเป็น เขาเดินไปหยิบกระดาษและปากกายื่นให้เก็น

    "เดี๋ยวขอฟังปอดหน่อยนะหนู" คุณพ่อหยิบหูฟังของหมอออกมาตรวจฟังเสียงตามจุดต่าง ๆ ของคนไข้ เก็นลดแว่นของเขาลงที่ปลายจมูก และสิ่งที่เขาเห็นเป็นสิ่งที่ทั้งพ่อและเก็นคาดไว้ไม่มีผิด ก้อนเนื้อสีดำสนิทขนาดเท่าฝ่ามือเกาะอยู่บนไหล่ของเด็กคนนี้และยึดติดคนไข้ด้วยพังผืดที่คล้ายกับใยแมงมุม มันหมุนหน้าจากด้านหน้ามา 360 องศาเพื่อหันมามองเก็น แต่มันก็ดูลืมตาไม่ค่อยขึ้น คล้ายกับเศษวิญญาณที่ดูไม่มีฤทธิ์เท่าไหร่ เก็นรีบวาดรูปภาพสิ่งที่อยู่บนไหล่คนไข้และยื่นกระดาษให้พ่อดู

    "หวัดผี ..... เพิ่งเปิดร้านก็เจอเคสแบบนี้ซะแล้วแฮะ" คุณพ่อบ่นในลำคอ

    "เดี๋ยวหนูกินยาแก้ไอก่อนเลยนะ" คุณพ่อเดินไปหยิบยาแคปซูลบางอย่างจากหลังร้านพร้อมกับน้ำหนึ่งแก้วให้คนไข้กินพร้อมหยิบยาทั่วไปในร้านมาอีกหนึ่งแผง

    "เดี๋ยวยาลดน้ำมูกแผงนี้กินแค่วันละหนึ่งเม็ดนะครับ พอหายดีแล้วก็หยุดกินได้เลย หมอคิดว่าน่าจะใกล้หายแล้วล่ะครับ" คุณพ่อยิ้มและมองดูเด็กชายกินยาเม็ดที่ให้และดื่มน้ำจนหมดแก้ว

    “ค่ายาเท่าไหร่คะคุณหมอ?" แม่เด็กถาม

    "หมอไม่คิดตังค์แล้วกันครับ ถือว่าเป็นโปรโมชั่นฉลองเปิดร้านนะครับ"

    "ขอบคุณมากนะคะคุณหมอ" แม่ของเด็กยกมือไหว้ เขาหยิบถุงยาและพาลูกเดินออกจากร้าน คุณยายเดินสวนกับคนไข้เข้ามาที่ประตูร้านพอดี

    "แหมใจดีอย่างนี้คงรวยกันน่าดูเลย มีจัดโปรโมชั่นด้วย ชั้นนึกว่าร้านแฮมเบอร์เกอร์ซะอีก"

    คุณยายพูดเสร็จก็ต้องหยุดนิ่ง เมื่อสังเกตุเห็นรอยยิ้มของพ่อลูก

    "หวัดผีน่ะครับอาม่า" แต่พ่อจัดการไปแล้ว

    "ให้ยาของเราไปแล้วครับแม่ ภูติตัวแค่นั้นเม็ดเดียวก็คงหาย พวกน้ำมนต์น่ะออกฤทธิ์เร็วมาก โชคดีไปที่เป็นเด็กโต เลยทนอาการได้เยอะ" คุณพ่ออธิบาย

    "ช่าย…. เด็กคนนั้นโชคดีจริง ๆ ที่คุณแม่พามาเจอหมอเทวดาเข้า" คุณยายยิ้มและหันมองตามเด็กที่กำลังเดินกลับบ้าน

    "โลกใบนี้มีอะไรมากมายที่คนเราไม่สามารถเห็นด้วยตาเปล่า และก็ยากที่จะอธิบายให้ใครเข้าใจ" คุณยายพูดปลง ๆ

    "กริ๊ง ๆ กริ๊ง ๆ" ป้าคะน้ากดกริ่งจักรยานเมื่อปั่นมาถึงหน้าบ้าน วันนี้เขาต้องมาจัดสวนที่บ้านเพราะนัดกับคุณยายไว้

    "คุณนายขาาาาา!!"

    "หืม นั่นแม่คะน้ามีอะไรถึงโวยวายขนาดนี้" คุณยายเดินออกไปหน้าบ้านพร้อมหรี่ตาเห็นป้าคะน้ามีอาการลุกลี้ลุกลน

    ป้าคะน้ารีบเดินเข้ารั้วบ้านพร้อมรอยยิ้ม

    "เมื่อกี๊มีดาราดังมาที่หน้าปากซอยค่ะ เด็กวัยรุ่นมันรุมขอถ่ายรูปกันเต็มไปหมด กรี๊ดกร๊าดกันหยั่งกะมีคอนเสิร์ต"

    "ดาราดังขนาดนั้นเลยหรอ?" คุณยายถาม

    "เห็นเด็กมันบอกว่าดังสุด ๆ เลยล่ะค่ะ"

    "วันนี้ทำไมไม่เห็นมีกับข้าวที่หนูชอบเลยคะม่า?" รันใส่ชุดนอนแขนขาสั้นมายืนกินขนมปังอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่มีใครได้ทันสังเกต

    "ดาราดังค่ะคุณหนูรัน หล่อมาก ๆ เมื่อกี๊ป้าเจอแบบใกล้ ๆ เลย ที่ปากซอย" ป้าคะน้ายังไม่หายตื่นเต้น

    "อย่าบอกหนูนะคะว่าเค้าอยู่วง Boy Attack" รันถามพร้อมทำตาหรี่

    "โอ๊ยไม่ใช่หรอกค่า ป้าว่าน่าจะเป็นนักร้องเดี่ยวนะ เห็นชื่อเบต้าอะไรเนี่ยแหละ"

    "ชีตาร์หรือเปล่าป้า!?" รันเริ่มเสียงดัง

    "โอ๊ย ป้าจำไม่ได้หรอกค่า"

    "ผู้ชายคนนั้นเค้ามาทำอะไรป้า มากับใคร!?" ตอนนี้พ่อกับเก็นเดินออกมาจากร้านยาเพราะได้ยินเสียงโวยวายของรัน

    "เห็นบอกว่ามาตามหาคนน่ะค่ะ มากับเด็กผู้ชายอายุเท่า ๆ คุณหนูเก็นได้"

    "เค้ามาตามหาใครป้า แล้วตอนนี้เค้าไปที่ไหน!?" รันเอามือทั้งสองข้างบีบแขนป้าคะน้าอย่างไม่รู้ตัว

    "ป้าไม่รู้หรอกค่ะ กว่าจะแทรกคิวไปถ่ายรูปได้ก็แย่แล้ว"

    "ถ่ายรูป!!! แล้วป้าทำไมไม่บอกแต่แรก!! ถ่ายจากมือถือเหรอ? รีบเอามาให้หนูดูเร็ว!"

    "ค่ะ ๆ ได้ค่ะ" ตอนนี้พลังความตื่นเต้นของป้าคะน้าดูเล็กลงไปแล้วเมื่อเทียบกับรัน ป้าคะน้าหยิบมือถือระบบสัมผัสยี่ห้อที่ไม่มีใครรู้จักขึ้นมา และทำท่าสไลด์อยู่ 2-3 ที

    "มือถือป้ามันช้าหน่อยนะคะ" ป้าคะน้ารีบออกตัว ตอนนี้หัวของทุกคนรวมกันเป็นวงกลมล้อมรอบมือถือของป้าคะน้าไว้เรียบร้อย รอว่าเมื่อไหร่ตัวดาวน์โหลดตรงหน้าจอจะวิ่งครบจนเป็นวงกลมเสียที

    "ติ๊ง" เสียงดาวน์โหลดรูปภาพเสร็จสมบูรณ์

    "พี่ชีตาร์!!!!!!!" รันร้องสุดเสียง

    "โอ๊ยเจ้ารัน! แก้วหูม่าแตกหมดแล้ว จะตะโกนอะไรขนาดนั้น"

    "บรื้นนน" เสียงรถเก๋งคันหนึ่งได้มาจอดหน้ารั้วบ้าน รถปอร์เช่สีดำมันเลื่อมได้ดึงความตื่นเต้นของทุกคนให้หันไปมองเป็นตาเดียวกัน เสียงเปิดประตูรถดังขึ้น เด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาและผิวพรรณดีแบบที่พบเจอได้ไม่ง่ายนักกำลังเดินลงมาจากรถ บุคลิกและท่าทางของเขาสง่างามจนแม้แต่คุณพ่อกับคุณยายก็ยังต้องอึ้ง

    "ไม่จริง... นี่มันบ้าไปแล้ว" รันพูดในลำคอเบา ๆ เธอตัวแข็งทื่อและมีอาการน้ำตาคลอเบ้า

    "นี่บ้านเก็นรึเปล่าครับ?" ชายหนุ่มถามหาเก็นด้วยน้ำเสียงอันนุ่มนวลบาดลึก

    "พี่ชีตาร์ … มาตามหาเก็นเนี่ยนะ...." ตอนนี้สภาพของรันเหมือนกำลังเห็นมังกรหรือไดโนเสาร์มากกว่าเห็นคนดัง

    "กะ เก็น … เราคงมีเรื่องต้องคุยกันอีกเยอะเลยนะ เดี๋ยวพี่มา" รันพูดออกมาแบบสติหลุด ๆ

    "อ่า.. ครับ" เก็นตอบรับ

    รันหันหลังและวิ่งหนีเข้าไปที่บ้านด้วยความเร็ว

    "รัน!! จะไปไหนน่ะลูก!?" คุณพ่อถาม

    "หนูยังไม่ได้อาบน้ำ!!" รันวิ่งเข้าประตูบ้านและปิดประตูเสียงดังลั่น "ปัง!!"

    "รู้งี้เราขอแผนที่บ้านนายไว้ก่อนก็ดี" ชีโต๊สพูดพร้อมเดินลงมาจากรถเก๋ง

    "ชีโต๊ส!!!" เก็นตะโกนเสียงดัง และเด็กสองคนก็โผเข้ากอดกัน มันเป็นภาพที่หาดูไม่ยากสำหรับเด็ก ๆ เพราะวัยเด็กเป็นวัยที่มีมิตรภาพอันแสนบริสุทธิ์เหลือเกิน

    "สรุปเพื่อนของเก็นมีพี่ชายเป็นดาราดังสินะ" อาม่าคาดเดาเรื่องราวอย่างไม่ยาก

    "สวัสดีทุกคนนะครับ" ชีตาร์ยกมือไหว้ทุกคนด้วยรอยยิ้มอันสุภาพ

    "ต๊ายยยย มาตามหาคุณหนูบ้านนี้เองหรอคะ? รู้อย่างนี้ป้ามารอถ่ายรูปที่นี่ซะก็ดี งั้นขอถ่ายอีกซักรูปนะคะ" ป้าคะน้ากำลังสไลด์มือถือยี่ห้อปริศนาอีกครั้งเพื่อเข้าโปรแกรมถ่ายรูป และคงต้องรอกันอีกสักพักกว่าจะเข้าโปรแกรมสำเสร็จ

    "อืม หล่อจริง ๆ ถึงว่าทำไมเจ้ารันเอาแต่ดูยูทูป" อาม่าพูด

    "อะไรหรอครับ" ชีตาร์ถามยิ้ม ๆ

    "อ่าว ไม่รู้หรอกรึ เดี๋ยวนี้ยูทูปเค้ามีโปรแกรมที่ดูแล้วจะทำให้เป็นสาวเร็วขึ้นด้วยนะ มัวแต่แสดงหนังล่ะสิเรา"

    "เหรอครับ? ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลย" ชีตาร์เหลือบตาคิดด้วยความงง เขาคิดว่าคุณยายพูดเรื่องจริง และคุณยายก็คิดว่าตัวเองพูดเรื่องจริงเช่นกัน

    "เอาล่ะ เข้ามาในบ้านกันก่อนสิ ยืนคุยตรงนี้เดี๋ยวก็ดำหรอก" คุณพ่อชวนชีตาร์ ชีโต๊สและเก็นเข้าบ้าน

    "เจ้าโม่ พาเด็ก ๆ ไปนั่งที่โต๊ะกินข้าวเลย ร้านยาเดี๋ยวค่อยขาย ได้เวลาอาหารกลางวันพอดี เดี๋ยวม่าดูแลเอง"

    "โอ้โห นี่แม่ไม่เคยดูแลใครออกนอกหน้าขนาดนี้มาก่อนเลยนะครับ" พ่อแซว

    "เวลาเปลี่ยนโลกก็เปลี่ยนน่ะ สังสัยชั้นต้องหัดดูยูทูปกะเค้าบ้างแล้วเผื่อจะสาวได้บ้าง (อาม่ายิ้มกรุ้มกริ่ม) เอ้อ ว่าแต่แม่คะน้า ถ้ามือถือพร้อมถ่ายรูปแล้วโทรบอกชั้นด้วยนะ"

    ป้าคะน้ามีอาการเหงื่อแตกเหมือนกำลังเข้าออกโปรแกรมผิด ๆ ถูก ๆ อยู่

    "ไม่เป็นไรค่ะคุณนาย หนูถ่ายไปรูปนึงแล้ว งั้นหนูไปตัดกิ่งไม้ก่อนแล้วกันนะคะ แหมดีจังได้กินข้าวกับดารากันด้วย" ป้าคะน้าเดินยิ้มไปเตรียมหยิบของที่จักรยาน

    "อย่าเพิ่งตัด มาช่วยชั้นทำกับข้าวก่อน" คุณยายดึงตัวป้าคะน้าไว้

    "จริงหรอคะคุณนาย ต๊ายดีใจจังได้ทำกับข้าวให้ดารา"

    เวลาผ่านไปสักพัก ตอนนี้ทุกคนอยู่ที่โต๊ะกินข้าวกันพร้อมหน้า ยกเว้นรัน ป้าคะน้ากำลังเสิร์ฟน้ำด้วยความอารมณ์ดี 

    "เธอพาน้องชายมาหาเก็นสินะ?" พ่อชวนชีตาร์คุย

    "เปล่าครับ ผมอยากมาเองแหละครับ" ชีตาร์ยิ้มก่อนที่เค้าจะพูดเรื่องสำคัญต่อ

    "คือชีโต๊สเล่าให้ฟังว่าเก็นสามารถมองเห็นวิญญาณได้ และที่บ้านของเก็นก็เชี่ยวชาญเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก เป็นเรื่องจริงใช้มั้ยครับ?"

    ทุกคนบนโต๊ะกินข้าวเงียบและอึ้ง ยกเว้นป้าคะน้าที่เข้าไปดูแลความเรียบร้อยในครัว และยูโร่ที่เอาแต่วาดการ์ตูนบนโต๊ะกินข้าว

    "เก็น หลานไม่คิดจะมีความลับกับใครเลยรึ?" คุณยายถาม

    "ผมต้องมีเพื่อนสนิทน่ะครับอาม่า และเพื่อนสนิทต้องไม่มีความลับต่อกัน "

    "เอาล่ะ ๆ (คุณยายพูดแทรกเก็น) จะให้ชั้นต้องมาคอยโกหกปิดบังก็คงจะไม่สมจริงหรอก ใช่มั้ยกาโม่?”

    "ครับแม่ ฟังหน่อยนะชีตาร์ พวกเราทุกคนที่นี่ต้องลำบากมาก กว่าจะย้ายบ้านและเริ่มต้นชีวิตใหม่ เพื่อเก็บทุกอย่างเป็นความลับ พวกเราขอให้เธอทั้งสองคนสัญญาว่าจะไม่บอกใครต่อจะได้มั้ย?" คุณพ่อถาม

    "ได้ครับผมสัญญา" ชีตาร์รีบรับคำและเหมือนเค้าจะยอมทุกอย่างเพื่อเรื่องนี้

    "แล้วชีโต๊สใช้เวลานานแค่ไหนล่ะ? กว่าจะล้วงความลับเรื่องแว่นตามาจากเก็นได้" คุณยายถาม

    "เก็นเป็นคนมาบอกผมเองตอนเจอกันครั้งแรกน่ะครับ" ชีโต๊สตอบไปตรง ๆ

    "นี่ถ้าพวกเราเป็นโจรตอนนี้คงโดนจับกันหมดบ้านสินะ" คุณยายประชด

    "เรื่องของเด็ก เราคงกำชับอะไรพวกเค้าได้ไม่มากหรอกครับแม่ ว่าแต่ที่เธอมาที่นี่คงเพราะสนใจในความสามารถของเก็นสินะ?" คุณพ่อถามชีตาร์ แต่ตอนนี้ชีตาร์มัวแต่มองรันที่กำลังเดินเอาผ้าขนหนูเช็ดผมลงมาจากบันได เธอสวมชุดเดรสแขนกุดสีขาวยาวถึงหัวเข่า ทั้ง ๆ ที่วันนี้ก็ไม่มีโปรแกรมออกไปไหน ทั้งสองสบตากัน โดยเฉพาะฝ่ายหญิงที่สายตาออกอาการอย่างชัดเจน รันเดินมาลากเก้าอี้และนั่งลงข้าง ๆ คุณยายที่อยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับชีตาร์ เธอมีอาการล่อกแล่กและไม่เป็นตัวเองเลยแม้แต่น้อย

    "จริง ๆ แล้ว . . . คนที่ผมสนใจก็คือรันน่ะครับ" ชีตาร์พูดอย่างเจาะจง

    "คะ!?" รันขานรับทำตาโต และพยายามมองหน้าคนอื่นเพื่อหาตัวช่วย

    "แต่งตัวแบบนี้ไม่หนาวเหรอรัน? พ่อเปิดแอร์ 23 เลยนะ"

    "แต่หนูร้อนมากเลยนะคะพ่อ" รันตอบ

    "พี่เค้าน่าจะร้อนนะพ่อ หน้าแดงมากเลย" ยูโร่พูดออกมาทื่อ ๆ อย่างไม่ได้คิดอะไร

    "ยูโร่!!" รันตวาดน้องด้วยระบบออโต้แบบที่คนเขินต้องทำ

    "เอ่อ คือ พี่สนใจอะไรหนูงั้นเหรอคะ?" รันถามชีตาร์ด้วยใบหน้าแดงก่ำ

    "ต๊าย ตาย หยั่งกะดูหนังโรแมนติก" อาม่ายิ้มแซวอย่างชอบใจ

    "เกี่ยวกับเรื่องวิญญาณน่ะครับ" ชีตาร์ตอบด้วยสีหน้าจริงจัง

    "อ้าว กลายเป็นหนังผีไปซะแล้ว" อาม่าบ่นและทำหน้าเซ็งแทน

    "คืออาจจะมีเรื่องเข้าใจผิดอะไรกันรึเปล่าคะ หนูไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับวิญญาณเลย" รันปฏิเสธทันทีตามนิสัยของเธอ เพราะรันไม่ชอบข้องเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ และยิ่งไม่อยากให้ใครรู้ โดยเฉพาะกับชีตาร์

    "งั้นเหรอครับ ถ้าอย่างนั้นชีโต๊สอาจจะสื่อสารกับผมผิดพลาดเอง (ชีโต๊สหันมองพี่ตาโตขณะกำลังเคี้ยวข้าวคาปากอยู่) งั้นเก็นก็เป็นคนเดียวที่มีพลังพิเศษใช่มั้ยครับ?"

    "แหม่ ม่าชอบการพูดจาของเธอจังเลย พลังพิเศษ ส่วนใหญ่จะได้ยินคำว่าผิดปกติซะมากกว่า" คุณยายพูดอย่างชอบใจ

    "ที่เก็นมองเห็นวิญญาณได้ตั้งแต่เด็กเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติหรอครับ?" ชีตาร์ถาม

    "ไม่น่าเชื่อว่าวัยรุ่นอย่างเธอจะสนใจเรื่องแบบนี้นะ (พ่อมองตาชีตาร์สักครู่) งั้นพ่อจะเล่าให้ฟังเอง"

    "แหม วันนี้ความลับท่าจะหลุดเยอะแฮะ แต่ไม่เป็นไร ถือว่าคนหล่อถาม" อาม่ายังคงแซวชีตาร์

    "ตอนที่แม่ของเด็กทั้งสามคนนี้ยังมีชีวิตอยู่ เธอมีความผิดปกติจากคนทั่วไป ความฝันของเธอมักจะบอกเหตุอะไรบางอย่างเสมอ ตอนหลับเธอจะเห็นพวกวิญญาณมาคุยกับเธอ ผู้คนมากมายต่างตามหาตัวเธอเพื่อต้องการรู้อนาคตหรือวิธีแก้ไขสิ่งต่าง ๆ ที่พวกเค้ามองไม่เห็น เธอมีความสามารถในการทำนายชีวิตผู้คนได้แม่นยำมากกว่าใครที่พ่อเคยรู้จัก บางครั้งแค่หลับตา เธอก็สามารถติดต่อสื่อสารกับโลกภพอื่นได้ นานวันไปเธอก็ยิ่งเต็มไปด้วยความทุกข์ พ่อจึงใช้ความรู้ที่ศึกษาเรื่องของไสยศาสตร์รวมเข้ากับวิทยาศาสตร์มานับสิบปี คิดค้นตัวยาที่จะตัดแม่ออกจากมิติของภพภูมิที่ทับซ้อนให้เหมือนคนทั่วไป
    แล้วพ่อก็ทำสำเร็จเมื่อทดสอบให้แม่กินยาที่คิดค้นขึ้นมา

    "หมายถึงยาทางการแพทย์เหรอครับ?" ชีตาร์ถาม

    “ยาจากทางการแพทย์และมวลสารศักดิ์สิทธิ์รวมเข้าด้วยกัน ทั้งตัวยาเกี่ยวกับระบบสมอง และมวลสารศักดิ์สิทธิ์ที่ช่วยกั้นมนุษย์กับมิติต่างภพออกจากกัน พ่อให้แม่กินจนกระทั่งหายดี แต่เมื่อเธอคลอดลูกออกมาตั้งแต่คนแรก พวกเราก็สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติในตัวเด็ก ๆ มากขึ้นเรื่อย ๆ

    "หมายถึงเก็นใช่มั๊ยพ่อ!?” รันพูดและทำคิ้วขมวด

    “เอ่อ... ใช่ ๆ (พ่อรีบปิดบังเพราะกลัวรัน) จนท้ายที่สุดพ่อก็ได้รู้ว่าผลข้างเคียงของยาที่แม่กินไปต้องมาตกลงที่ลูก นั่นก็เพราะตัวยาที่สะสมในร่างกายเข้าไปรบกวนเด็กในครรภ์ ตัวยานั้นจะส่งผลตรงกันข้ามกับระบบปิดกั้นมิติ เช่น จากที่แม่มีสัมผัสที่หก ยาก็จะทำให้ประตูมิตินั้นปิดลง ส่วนลูกในท้องที่มีสัมผัสของมนุษย์ปกติ กลับถูกปลุกให้ประตูสัมผัสที่หกเปิดขึ้น และสามารถเชื่อมโยงกับโลกวิญญาณด้วยวิธีที่แตกต่างกันไป (รันจ้องหน้าพ่ออีกครั้ง) ย่ะ ยก ยกเว้นรัน" พ่อรีบปิดบังให้รันอีกครั้งเมื่อเห็นแววตาเอาเรื่องของเธอ

    "น่าทึ่งมากเลยนะครับ ผมเชื่อเรื่องที่คุณพ่อพูด 100% เลยครับ" ชีตาร์พูดด้วยความสนใจอย่างยิ่ง

    "ว้าว เรียกพ่อเลยรึ" อาม่าหัวเราะชอบใจ

    "แน่นอนสิครับ ก็คุณพ่อเป็นพ่อของเก็นนี่ครับ" ชีตาร์ตอบ

    "อาม่าก็กินข้าวไปเถอะค่ะ" รันเริ่มบ่นที่อาม่าแซวจนเสียเรื่อง

    "ถ้าอย่างนั้นผมขอทานข้าวเลยนะครับ อาม่าอุตส่าห์ทำให้ตั้งหลายอย่าง"

    ตอนนี้รันเริ่มเคี้ยวข้าวช้า ๆ ทั้ง ๆ ที่เธอไม่หิว สายตาของเธอจับจ้องชีตาร์ที่กำลังกินข้าวอยู่ที่โต๊ะกินข้าวบ้านเธอ ความรู้สึกของรันตอนนี้เหมือนอยู่ในฝันที่ดีมาก ๆ แบบกึ่งหลับกึ่งตื่นด้วยภาพคมชัดระดับ HD ส่วนชีโต๊สและเก็นกินหมดจานไปแล้ว และเก็นกำลังเริ่มพาชีโต๊สเดินสำรวจในบ้าน ยูโร่ยังนั่งอยู่ที่โต๊ะกินข้าวและพยายามเอาข้าวกลบเศษผักที่เหลือ คุณพ่อกับคุณยายก็เริ่มกินข้าวพร้อมชีตาร์

    "อื้อหืออออออ อร่อยมาก ๆ เลยครับอาม่า" ชีตาร์ร้องทำตาโตเมื่อได้กินอาหารจานหนึ่ง

    "จานไหนเหรอจ๊ะเบต้า!" ป้าคะน้ารีบถามหลังโผล่ออกมาจากครัวพอดี

    "หมูทอดจานนี้น่ะครับ"

    "ฮ่า ๆๆ มันแน่อยู่แล้ว” อาม่าหัวเราะชอบใจ

    "จานนั้นคุณนายทำเหรอคะ?" ป้าคะน้าถาม

    "ชั้นซื้อมาจากตลาด" อาม่าตอบสวนแบบหน้าตาย ข้าวของชีตาร์พุ่งออกมาจากปากเพราะกลั้นหัวเราะไม่ไหว เขารีบคว้ากระดาษทิชชู่มาเช็ดเศษข้าวที่เขาทำเลอะโต๊ะกินข้าว ตอนนี้ในบ้านเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ โดยเฉพาะรันที่แสนจะสุขล้นที่เธอได้เห็นภาพชีตาร์ในแบบที่สาว ๆ คนไหนก็ไม่มีทางได้เห็นหรือได้สัมผัสเลย

    (โปรดติดตามตอนต่อไป)

    "หวัดผี"

    เป็นวิญญาณประเภทภูติ คอยเกาะอยู่ตามร่างกายของคนที่จิตตกเหมือนพวกกาฝากเกาะตามต้นไม้ มีรูปร่างเป็นก้อนเนื้อสีดำ มีหน้าตาแต่ไม่เด่นชัด และมีใยรอบตัวเกาะร่างกายคนไว้ ใครที่ถูกเกาะจะมีอาการเหมือนเป็นหวัด ถ้าหากเจ้าของร่างไอจามใส่ผู้อื่นจนติด หวัดผีก็จะย้ายไปเกาะร่างของอีกคน จะสังเกตได้โดยผู้ที่รับเชื้อต่อมาจะมีอาการหนักกว่าเพราะหวัดผีได้โตขึ้นจากร่างกายก่อนหน้านี้แล้ว เรื่องนี้ครอบครัวของเก็นพยายามปิดเป็นความลับและไม่เปิดเผยสายพันธู์ของหวัดในชื่อที่ทางการแพทย์เรียก เพื่อป้องกันไม่ให้ใครใช้วิธีไปปล่อยเชื้อใส่ผู้อื่น เพราะอาจทำให้คนที่ได้รับเชื้อคนหลัง ๆ เสียชีวิตได้ หวัดผีแพ้ของศักดิ์สิทธิ์หลายประเภทและขับไล่ได้ง่าย แต่การกินแคปซูลประเภทน้ำมนต์ของคุณพ่อเป็นวิธีรักษาที่ง่ายที่สุด

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
Kim Sky (@fb8091755025880)
สนุกกกก
บอย ดี้ (@fb2006051038169)
55 เป็นเรื่องผีที่ไม่หลอดเลยย
Napaporn Walter (@fb1015543754730)
หวัดผีเรื้อรังมีไม๊นะ