เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
หยิบอุปกรณ์Bun's intern
ถึงตาฉัน
  • คุณตา คือผู้ที่ทำงานหนักที่สุดในสำนักพิมพ์แห่งนี้




    ในห้องประชุมแอร์เย็นเฉียบ ผู้หญิงสวมแว่นกรอบสี่เหลี่ยมและผ้าพันคอสีหวานที่นั่งเป็นประธานอยู่หัวโต๊ะคือ พี่หนุงหนิง ผู้ครองตำแหน่งบรรณาธิการของบัน เยื้องๆไปทางฝั่งตรงข้ามพี่หนุงหนิง คือ พี่แพร กับพี่หยาด สองสาวกองบรรณาธิการบัน (ผู้ซึ่งมีใบหน้าอ่อนวัยกว่าน้องฝึกงานเสียอีก) ตรงข้ามฉันคือ พี่ทราย ฝ่ายศิลป์ สาวผมตรงมาดนิ่ง ส่วนที่เหลือ คือ แพร หนุ่ย และเจ๊าะแจ๊ะเพื่อนร่วมฝึกงานอีกสามคนนั่งอยู่


    “พี่รอให้เรามาพร้อมหน้าพร้อมตาครบทุกคนก่อนแล้วค่อยเรียกประชุม” พี่หนุงหนิงกล่าวก่อนจะเริ่มอธิบายการทำงานให้ฟัง


    การประชุมครั้งนี้เป็นการชี้แจงหน้าที่ และงานที่จะต้องทำให้เด็กฝึกงานที่มากันครบวันนี้เป็นวันแรกได้เข้าใจตรงกัน เป็นวันเดียวกับที่ฉันได้รู้จักหน้าที่ของกองบรรณาธิการตั้งแต่กระบวนการแรก คือเริ่มด้วยการคุยคอนเซ็ปต์หนังสือที่นักเขียนเสนอมาให้เกิดความเข้าใจตรงกันระหว่างนักเขียนและสำนักพิมพ์ เมื่อเรื่องที่นำเสนอผ่านการอนุมัติให้ดำเนินการเขียนได้แล้ว นักเขียนก็จะทยอยส่งต้นฉบับมา กองบรรณาธิการก็จะตรวจตราและแก้ไขสำนวนภาษาของต้นฉบับนั้นๆ ให้ถูกที่ถูกทาง โดยไม่โยกย้ายตัวตนของนักเขียนออกไป (แน่นอนรวมถึงการทวงต้นฉบับจากนักเขียนด้วย) พี่ๆ แนะนำให้รู้จักนักเขียนและหนังสือที่จะต้องทำการปิดเล่มภายในเดือนสิงหาคมที่ฉันจะได้มีโอกาสร่วมด้วยช่วยแก้ไข แล้วจึงค่อยส่งให้เพื่อนตำแหน่งพิสูจน์อักษร หรือที่เรียกกันว่า ปรู๊ฟ ตรวจทานวรรคตอน และคำผิดเป็นลำดับต่อไป 



    หน้าที่อย่างไม่เป็นทางการของเด็กฝึกงาน คือ ’การอ่าน' หนังสือเพื่อจะได้เข้าใจสำนวนภาษาของนักเขียนแต่ละคนยิ่งขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การแก้ไขต้นฉบับที่ดี และหากเจอข้อความดีๆ ในหนังสือที่อ่าน ก็ให้โน้ตไว้เพื่อนำไปลงในเพจเฟซบุ๊กของบันที่จะแชร์คำคมจากหนังสือในทุกๆ วันจันทร์ หนังสือก็มีมากมายก่ายกอง (เป็นกองจริงๆ) ให้ได้เลือกสรรอ่านในยามที่ว่างจากงาน ทั้งของสำนักพิมพ์บัน และสำนักพิมพ์แซลมอน เสมือนเป็นร้านบุฟเฟต์หนังสือแบบ all you can read ที่ค่าเสียหายคือ 0 baht/net เท่านั้น (เลือกเอาตามชอบว่าจะกินขนมปังหรือจะกินปลา)



    อืม ต้องอ่าน.. 




    รวมถึง การรวมตัวกัน'เขียน'บันทึกการฝึกงานลงในเว็บไซต์ Minimore ทุกอาทิตย์ และคิดคอนเทนต์ที่จะใช้แชร์ลงเพจเฟซบุ๊ก ของ Bunbooks ที่จะอัพเดตทุกวันพุธและวันศุกร์อีกด้วย



    อ้อ ต้องเขียนด้วย..




    โอเคๆ ต้องอ่านกับต้องเขียน.. ต้องอ่านกับต้องเขียน.. เฮ้ย! 



    ครบแล้วนี่หว่า..
    (ใครไม่เข้าใจ โปรดย้อนกลับไปอ่าน ตอนแรก)


    แล้วงานชิ้นแรกที่ถูกส่งถึงมือฉันก็คือต้นฉบับการ์ตูนของนักเขียนท่านหนึ่งที่มีลักษณะเป็นการ์ตูนช่องซึ่งฉันต้องรับไม้ต่อในการอีดิทจากพี่แพรและพี่หยาด ซึ่งทำให้ฉันได้รู้ว่าไม่ใช่แค่เนื้อหาเท่านั้นที่กองบ.ก. จะต้องแก้ไข แต่รวมไปถึงการจัดวางตำแหน่งข้อความให้สมดุลย์กับภาพ ดูแล้วอ่านง่าย ไม่ติดกันจนเกินไป นับเป็นหนึ่งในสิ่งที่อยู่นอกเหนือความคาดหวังที่มีต่อตำแหน่งนี้ คือเพิ่งรู้ว่าต้องอีดิตหนังสือการ์ตูนด้วย ซึ่งด่านสุดท้ายที่ต้นฉบับจะต้องเผชิญก็คือพี่หนุงหนิงผู้มีประสบการณ์ทางสายตาโชกโชนที่สุด คิดแล้วก็เหมือนการเล่นเกมที่จะต้องผ่านด่านต่างๆ โดยมีพี่หนุงหนิงเป็นด่านหัวหน้าที่เจ้าต้นฉบับจะต้องผ่านไปให้ได้ (สู้นะเอ็ง)



    พอจะนึกออกแล้วใช่ไหมว่า คุณ (ดวง) ตา คือผู้ที่ทำงานหนักที่สุดยังไง เพราะกว่าต้นฉบับหนึ่งๆ จะสมบูรณ์ได้ก็ต้องผ่านการสแกนจากดวงตากว่าสิบดวง อ่านซ้ำไปซ้ำมาเพื่อหาข้อบกพร่อง (ที่จนแล้วจนรอดก็ไม่ยอมพร่องไปง่ายๆ) อย่างต่ำ 2-3 รอบต่อดวงตาหนึ่งคู่ เรียกว่าอ่านจนจำเนื้อหาได้ขึ้นใจ (และขึ้นตา) กันเลยทีเดียว กว่าจะหมดวันก็เล่นเอาคุณตาเหนื่อยล้าอ่อนแรง ผิวพรรณเปลี่ยนเป็นสีแดงเบาๆ เห็นทีคงจะต้องหาอะไรมาโด๊ปก่อนที่ท่านทั้งสองจะสุขภาพย่ำแย่ไปมากกว่านี้  



    ถึงว่า... พี่หนุงหนิงเลยบอกว่ารอให้เรามาพร้อมหน้า ’พร้อมตา’ กันก่อนถึงจะเริ่มสั่งงานได้ เพราะหากใครไม่พกตามาด้วยคงจะยุ่ง ทำงานไม่ได้เป็นแน่



    ใครที่สนใจมาฝึกงานหรือทำงานในสำนักพิมพ์ ฉันก็ขอแนะนำสั้นๆ ว่านอกจากจะมีใจรักอ่านเขียนเพียรย้ำแล้วก็ให้ 'เตรียมตาเตรียมใจ' มาให้ดี ก็พอ

        ปรินัท เรืองทอง
    กองบรรณาธิการ


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in