เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Have a seatEark Kitkul
the KILLING of a SACRED DEER : It's burning inside.
  • เหมือนได้บรรลุ Achievement ใหม่ด้วยการดูหนังเรื่องนี้ระหว่างช่วงสอบ ถ้ารอดูหลังสอบนี่ได้ออกโรงก่อนแน่ๆ

    พอได้ยินว่าผู้กำกับ The Lobster กำลังจะออกหนังเรื่องใหม่ เราก็ไม่รอช้าปักเรื่องนี้ไว้ใน Watch list ทันทีโดยไม่แคร์ว่า Trailer จะชวนงงแค่ไหนก็ตาม เพราะมันต้องเป็นโลกที่มีอะไรแปลกๆอีกแน่ๆ

    [Spoiled]

    หากเทียบกันแล้ว ทั้ง Lobster และ Sacred deer มีความแปลกเหมือนกัน แต่จักรวาลของ Lobster ทำให้รู้สึกว่าเป็นแปลกที่สมเหตุสมผล เพราะทุกคนในโลกเห็นพ้องว่ามันเป็นเรื่องปกติ เช่น คอนเสปต์ที่ว่าทุกคนต้องมีคู่ ถ้าไม่มีก็จะถูกส่งไปเข้าสถานหาคู่ อะไรแบบนี้ แต่ในส่วนของ Sacred deer กลับมาในแบบที่คอนทราสกันอย่างสิ้นเชิง เพราะเรื่องเริ่มปูพื้นให้คนดูเห็นว่าครอบครัวนี้นี่อยู่ในวงการวิทยาศาสตร์อย่างจริงจัง (ทั้งพ่อและแม่เป็นหมอ) แต่กลับมีคอนฟลิกในครอบครัวเป็นเรื่องที่วิทยาศาสตร์อธิบายไม่ได้ซะงั้น (แถมหนังก็ไม่อธิบายซะด้วย)


    แต่คอนฟลิกแปลกๆนี้ก็พาเรื่องไปข้างหน้าได้ดี เราเริ่มเห็นว่าการที่ทุกคนรู้ว่าพ่อจะเป็็นคนมีสิทธิเลือกว่าจะให้ใคร 1 คนตายเพื่อให้ทุกคนรอด เป็นประเด็นที่ทำให้ทุกคนเริ่มเปลี่ยนไป ไม่มีอีกแล้วครอบครัวแสนหวานในอุดมคติ ตอนนี้ทุกคนพร้อมกันป้ายสีใส่คนในครอบครัว ไม่เว้นว่านั่นคือลูก ไม่เว้นว่านั่นคือพี่น้อง ทุกคนล้วนอยากเป็นคนที่รอดชีวิต (ตอนที่หมอศัลย์กับหมอดมยาโยนความผิดกันไปกันมาก็เป็นอีกหนึ่งตัวอย่าง) นับว่าคำสาปเหนือธรรมชาตินี้ดึงเอาด้านมืดและความเห็นแก่ตัวของสมาชิกในบ้านออกมาได้อย่างดี

    สเน่ห์ของหนังที่ชัดเจนตลอดเรื่องคือไม่ว่าอารมณ์ของตัวละครจะขึ้นจะลงหรือจะเดือดขนาดไหนมันก็แสดงอารมณ์ออกมาในเลเวลเดียวกันหมดเลย แม้กระทั่งตอนที่สองพี่น้องกำลังบัพกันให้อีกฝ่ายเป็นฝ่ายที่ต้องตายยังแสดงอารมณ์ออกมาโคตรเด้ด ดูแล้วชวนอึดอัดมากๆ



    และในขณะที่คนในบ้านเค้าเลือกกันหมดแล้วว่ากูจะต้องเป็นคนรอดและจะให้ใครเป็นคนตาย ไอตัวพ่อที่เป็นคนต้องฆ่าที่ตัดสินใจไม่ได้ซะงั้น แถมยังหันไปพึ่งดวงแทนอีก โอ้ว สงสารคนอื่นในครอบครัวจริงๆที่จะตายแล้วยังต้องมานั่งลุันอีก

    สุดท้ายแล้วครอบครัวนี้ก็หนีคำสาปนี้ไม่พ้นและต้องจำใจยอมรับมัน เหมือนกวางน้อยที่ตกเป็นเหยื่อของผู้ล่าอย่างเลี่ยงไม่ได้ สิ่งที่เหลืออยู่ตอนนี้ก็คงเป็นท่อนสุดท้ายของเพลงในเรื่องที่ยังคงก้องไปตลอด

    'We gonna let it burn burn burn burn'


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in