เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Nothing but warehouse of fictioncashmerenoooose
A place with no name [Harrison/Tom]
  • Title: A place with no name

    Pairing: Harrison Osterfield/Tom Holland

    AU Bonnie&Clyde


    Note: เพลงที่อยู่ในเรื่องชื่อว่า three little birds - Bob Marley ค่ะ

    Warning; Major Character death










    -เราอยู่ในรถบุโรทั่งดั่งราชา เสียก็แต่ว่าบัลลังก์หนังของเรายับเยิน-










    ปัง!





    กระสุนปืนนัดหนึ่งเจาะผ่านยางล้อ รถยนต์คันงามส่ายป่ายปัดเหมือนงูกินหาง





    ฝุ่นคละคลุ้งจนแทบไม่เห็นทาง





    ทอมได้ยินเสียงแฮร์ริสันสบถ





    สองมือของอีกฝ่ายหมุนพวงลัยบังคับทิศทางอย่างยากลำบาก





    ปัง!





    ความร้อนผ่าวเฉียดผ่านใบหู





    เขาไม่เห็น แต่รู้สึกได้ว่าเลือดไหล 





    ทอมเอื้อมมือแตะบาดแผล เจ็บจนต้องนิ่วหน้า ความเหนอะหนะทิ้งสัมผัสไว้บนนิ้วมือ แต่เขาไม่มีเวลาทำความสะอาดมัน





    อีกครั้งที่ถูกจู่โจม





    ปัง!





    กระจกมองข้างฝั่งผู้โดยสารร้าวเป็นวงรอยกระสุน





    "หมอบเร็ว!"





    แฮร์ริสันตะโกน





    แต่เขาไม่ได้ทำตาม





    มือข้างหนึ่งของทอมปลดเข็มขัดนิรภัย เอี้ยวตัวหลบกระสุนก่อนหยิบกระเป๋าปืนที่วางอยู่บนเบาะหลังอย่างชำนาญ





    สัมผัสหนักอึ้งในอุ้งมือทิ้งความกดดันลงบนไหล่ทั้งสองข้าง





    ส่งยิ้มให้กับแฮร์ริสันทั้งที่ริมฝีปากยังสั่นเพราะความกังวล





    ทอมกระชับบาเร็ตต้าในมือ





    สูดลมหายใจเข้าปอด





    เขาเหนี่ยวไก





    ความทรงจำบิดเบี้ยวหมุนวน



    .





    .





    .





    ฟอร์ดมัสแตงสีแดงแล่นฉิวไปบนถนนเลียบชายหาดคอสตาริก้า





    บานกระจกทั้งสองฝั่งถูกลดลงช้าๆ





    ทอมแนบแก้มร้อนฉ่าลงกับขอบหน้าต่างรถยนต์





    หลับตาพริ้มราวกับอยู่ในห้วงภวังค์ฝัน





    เขาปล่อยให้สายลมเจือกลิ่นทะเลสางมือผ่านเส้นผมเหนอะหนะของตัวเองตามใจชอบ





    เพลงโปรดจากแผ่นซีดีเก่าเก็บดังคลอไปกับแดดร้อนระอุ ชั่วขณะหนึ่งทอมรู้สึกเหมือนถูกโยนขึ้นฟ้า





    Don't worry about a thing

    Cause every little thing

    Gonna be alright


    Singin' Don't worry about a thing

    Cause every little thing

    Gonna be alright





    "เพลงดี"





    เขาหันกลับไปยิ้มให้สารถีตาสีฟ้า





    "เพลงดี"





    ทวนคำซ้ำอย่างเห็นด้วย





    "รู้สึกถึงทะเลตั้งแต่โน้ตแรกเลย"





    Rise up this morning

    Smile with the risin' sun

    Three little birds 

    Pitch by my doorstep





    แฮร์ริสันยิ้ม





    ดวงตาหยีลงเป็นเส้นโค้งเหมือนจันทร์ครึ่งเสี้ยว





    เขาเบือนหน้าหนี





    Singin' sweet songs

    Of melodies pure and true

    Sayin', this is my message to you





    ขัดเขินเกินกว่าจะสบสายตา





    ปล่อยให้สารถีหนุ่มฮัมเพลงในลำคอต่ออย่างสบายอารมณ์





    ไม่มีใครพูดอะไรอีก แต่ความเงียบระหว่างเราก็ไม่ใช่เรื่องน่ากระอักกระอ่วนใจขนาดนั้น





    มีบ้างเหมือนกันที่บางครั้งเราอยู่ด้วยกันในห้องแคบๆโดยไม่มีบทสนทนาใดๆเกิดขึ้น แค่รับรู้ว่าอีกฝ่ายยังอยู่ใกล้ๆแล้วก็ทำอะไรไปเรื่อยตามประสา





    "ค้างที่นี่สักคืนไหม"





    คำถามนั้นบังคับให้เขาหันหน้ากลับไป น่าแปลกที่พบว่าแฮร์ริสันมองอยู่ก่อนแล้ว





    เขาได้ยินเสียงเครื่องยนต์คำรามแผ่วแต่เจ้ามัสแตงไม่ได้ขยับเขยื้อนไปไหน ความสงสัยถูกแต่งแต้มลงตรงหว่างคิ้ว





    "ฉันคิดว่าเราต้องรีบข้ามรัฐก่อนคืนนี้เสียอีก"





    ถามพลางขดตัวหลบแสงแดดที่ส่องกระทบนัยน์ตาอย่างนึกรำคาญใจ





    เวลาที่อยู่อยู่กับที่แล้วลมนิ่งอย่างนี้อากาศร้อนน่าดูทีเดียว





    "ก็ใช่ แต่ไม่ได้รีบขนาดนั้นหรอก"





    แฮร์ริสันถอดหมวกนิวยอร์กแยงกี้ใบโปรดของตัวเองออกก่อนโน้มตัวสวมมันลงบนศีรษะของทอม





    "แต่—"






    "เราจะออกจากที่นี่แต่เช้า โอเคไหม?"





    Singin' Don't worry about a thing

    Cause every little thing

    Is gonna be alright





    "เถอะน่า ไม่มีใครทำงานในเกิดตัวเองหรอก—ตกลงนะ?"





    เขากลอกตาตอนที่ได้ยินอย่างนั้น ก็ทำไมจะไม่ได้ล่ะ—นี่เป็นวิธีการเตือนว่าอย่าลืมวันเกิดของฉันรูปแบบใหม่สินะ





    "อ้อ จะทวงของขวัญงั้นสิ"





    แฮร์ริสันหัวเราะขณะที่หักพวงมาลัยเลี้ยวเข้าโรงแรมสามดาวๆเล็กๆซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากชายหาด





    "ก็นายไง—ของขวัญ"





    มือข้างหนึ่งของเราเกาะกุมกันไว้หลวมๆ 





    เขายิ้มขณะมองออกไปนอกหน้าต่าง ปล่อยให้เสียงของบ๊อบ มาร์เลย์กลายเป็นเพียงฉากหลังในความทรงจำ





    ...Singin' Don't worry about a thing

    Cause every little thing

    Gonna be alright...











    ในห้องพักดีกว่าที่เขาจินตนาการไว้ อย่างน้อยเฟอร์นิเจอร์พวกนี้ก็ยังดูใหม่ ไม่มีกลิ่นเหม็นอับหรือรอยกระด่างกระดำที่เกิดจากเชื้อราสีขาว





    ทอมไล่สำรวจ แม้จะไม่ได้หรูหราแต่ก็มีของอำนวยความสะดวกครบครัน เขาประทับใจมากทีเดียวตอนที่เห็นแอลกอฮอล์นับสิบขวดอัดแน่นอยู่ในตู้เย็น





    "5คิว—มีแต่เหล้ากับเบียร์ เขาไม่คิดว่าเราต้องดื่มน้ำบ้างเหรอ"





    "มีน้ำแร่อยู่บนเคาน์เตอร์นั่นไง"





    แฮร์ริสันชี้บอก





    "แต่ฉันว่าคงแพงหูดับ"





    ทอมคราง พยักหน้าอย่างเห็นด้วยเมื่อก้มลงอ่านกระดาษแผ่นหนึ่งที่ถูกวางไว้บนคลิปบอร์ดหนังสีดำ





    "เกือบสิบเหรียญ—ฉันว่าเรากดน้ำร้อนฟรีใส่แก้วแล้วแช่เย็นเก็บไว้เหอะ"





    อีกฝ่ายหัวเราะร่า





    "ความคิดดี แต่ที่หาดมีอะไรเย็นๆขายน่า ฉันเลี้ยงเอง"





    "ก็ได้"





    ที่นอนขนาดห้าฟุตดูเล็กลงไปถนัดตาทีเดียวเมื่อเขาทิ้งตัวลงบนเตียงเคียงข้างแฮร์ริสัน





    "ถอยไปหน่อยซี่"





    เอ่ยปากไล่





    "ฉันจะตกเตียงอยู่แล้ว"





    แต่อีกฝ่ายกลับขยับชิดใกล้ เสียงหัวเราะทุ้มต่ำดังคลอเคลียข้างใบหู





    สัมผัสจั๊กจี้จากเส้นผมสีบลอนด์เข้มไล้เลียกรอบใบหน้า ทอมย่นคอหนีขณะที่แฮร์ริสันรุกไล่





    มือของอีกฝ่ายเลื่อนลงต่ำ





    ลำคอ





    แผงอก




    บั้นเอว





    และ—





    ทอมหัวเราะออกมาสุดเสียง





    "อย่า—แฮร์ริสัน! มันจั๊—ฮ่าๆ"





    แฮร์ริสันไม่ยอมหยุด ยังคงจิ้มลงเบาๆที่ข้างเอว





    "โว้ว! ฉันบอกว่าอย่าไง! ฮ่าๆๆ—เหวอ"





    กอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอยู่ครู่ใหญ่ก็กลิ้งตกลงมาจากเตียงทั้งคู่ 





    เราหอบหายใจถี่ นอนแผ่อยู่บนพื้นไม้ก่อนพลิกตัวมองหน้ากันในความเงียบ





    ทอมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าดวงตาของแฮร์ริสันสวยขนาดนี้ มันเป็นสีฟ้า—ไม่ได้เข้มอย่างท้องฟ้าในฤดูหนาว แต่ใสเหมือนน้ำทะเลในมหาสมุทร





    "โทษที"





    แฮร์ริสันพึมพำชิดติดริมฝีปาก





    "นานแล้วที่ไม่ได้หัวเราะแบบนี้"





    อีกฝ่ายดูสมบูรณ์แบบทั้งที่ผมเพ้ากระเซอะกระเซิงอย่างนั้น—ไม่ยุติธรรมเลย





    ทอมพยายามไม่สนใจ แต่ผีเสื้อในท้องของเขากระพือปีกบินไม่หยุด สุดท้ายแล้วก็หลุบตาลง เอ่ยคำพูดที่ไม่ได้อยู่ใจ





    "ไปข้างนอกกันไหม"













    คอสตาริก้าทำให้ทอมคิดถึงบ้านเกิด—ไม่ใช่ความสวยงาม แต่เป็นบรรยากาศ





    ทุกสุดสัปดาห์ เขาและครอบครัวจะนั่งรถไฟไปไบรตัน มันอยู่ห่างจากลอนดอนราวชั่วโมงกว่าเท่านั้นเอง แม้ว่าท้องฟ้าจะขมุกขมัวอยู่สักหน่อยแต่หาดหินที่นั่นก็สวยจับใจ 





    เขาจำได้ว่าแซมและแฮร์รี่—ฝาแฝดตัวน้อย—มักกอดคอกันไปริมหาด เลือกเอาหินขนาดเหมาะมือสักสองสามก้อนขึ้นถือไว้ก่อนออกแรงขว้างมันไปให้ไกลที่สุด





    ส่วนแพดดี้และเทสซ่าก็ชื่นชอบที่จะได้ดูแลความปลอดภัยของทุกคน พวกเขาวนเวียนอยู่ริมหาด สอดส่องราวกับกลัวว่าใครคนใดคนหนึ่งจะอันตราธานหายไปในอากาศอย่างไรอย่างนั้น





    ทอมยิ้มให้กับภาพจืดจางในความทรงจำ





    "อยากดื่มอะไรหน่อยไหม"





    แฮร์ริสันถามทั้งที่มีแก้วค็อกเทลอยู่ในมือ—สองแก้ว—ให้ตายเถอะ





    เขารับแก้วมา จิบแอลกอฮอล์สีสวยนั่นเพียงเล็กน้อย 





    "นี่ต่างกับไอ้ที่อยู่ในตู้เย็นตรงไหน"





    อีกฝ่ายหัวเราะ





    "เถอะน่า"





    เราไม่ได้พูดอะไรกันมากนัก นานๆครั้งแฮร์ริสันถึงจะชี้ชวนให้ดูอะไรน่าสนใจบ้าง 





    อย่างเช่นผู้ชายสเปนคนหนึ่งซึ่งหงายหลังตกจากเซิร์ฟบอร์ดไม่เป็นท่าเพราะขี่คลื่นผิดจังหวะหรือ—สาวผมบลอนด์ทรงโตที่เดินนวยนาดทิ้งสะโพกผ่านหน้าไป





    ทิ้งสายตาหวานหยดย้อยให้มองตาม





    "ตากลับแล้วทอม"





    "อย่าน่า เห็นนะว่านายก็มอง!"





    เป็นอย่างนั้นจะกระทั่งอาทิตย์ใกล้ตกดิน ชายหาดแทบจะร้างผู้คน ไอร้อนจากผืนทรายลอยขึ้นด้านบนอย่างช้าๆ ท้ายที่สุดอากาศริมหาดก็เหลือเพียงความเย็นเยียบ





    "พรุ่งนี้เราทำมันเป็นครั้งสุดท้ายดีไหม กลับบ้านกันเถอะ"





    แฮร์ริสันหันหน้ากลับมา





    "แต่เราไม่มีใครที่นั่นแล้วนะ"





    "ฉันรู้"





    ทอมพึมพำ สายตาจับจ้องอยู่ที่ดวงอาทิตย์ที่ใกล้ลับขอบฟ้าเข้าไปทุกที





    "แค่นายกับฉันก็พอ"





    ไหล่ของเราชิดติด





    "นายว่าเรายังเริ่มต้นใหม่ได้ไหม หลังจากทุกสิ่งที่เราทำลงไป—ฉันหมายถึงคิดว่าจะมีโอกาสหรือเปล่า"





    เขาถาม 





    ไม่แน่ใจนักว่าอยากได้ยินคำตอบ





    "ไม่รู้สิ—เจคอบอาจช่วยเราได้ เขาเก่งนะเรื่องพวกนี้ แค่บางทีเราอาจต้องทิ้งชื่อเก่า ไม่มีทอม ไม่มีแฮร์ริสัน"





    "แต่นายก็ยังเป็นนาย"





    "แน่นอน ฉันก็ยังเป็นฉัน"





    ทอมละสายตาจากภาพตรงหน้าแต่แฮร์ริสันยังคงจดจ้องปลายฟ้าอยู่อย่างนั้น





    "งั้นก็ไม่เลว"





    เขาอาศัยจังหวะที่ดวงตาของอีกฝ่ายตรึงอยู่กับอาทิตย์ดวงโตกดจูบลงไปบนรอยบุ๋มลึกใต้คาง





    รวดเร็วและฉาบฉวย





    มันไม่ทิ้งร่องรอยใดๆไว้นอกจากสัมผัสอุ่นร้อนและนุ่มหยุ่นในความทรงจำ





    ใบหน้าของแฮร์ริสันเปลี่ยนเป็นสีแดง แต่ก็บอกได้ยาก บางทีมันอาจเกิดจากแสงของดวงอาทิตย์ก่อนพลบค่ำก็ได้





    "นั่นไม่ดีเลย"





    อีกฝ่ายพึมพำเบาๆขณะที่แตะนิ้วลงบนปลายคาง





    "กับใคร"





    เขาถาม 





    "กับใจฉัน"





    และคาดหวังคำตอบที่สั่นสะเทือนถึงเจ้าก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายน้อยกว่านี้





    "เกินไป"





    "ก็ลองดู"





    แฮร์ริสันจูบทอมกลับ





    เพียงแต่ครั้งนี้ไม่ใช่ที่ปลายคาง













    มันเป็นสัมผัสที่เร่งร้อน





    ทอมบอกได้จากการที่แฮร์ริสันพยายามทำให้เขาเปลือยเปล่าทั้งที่เรายังไม่ถึงเตียงนอนด้วยซ้ำ





    "ใจเย็นเพื่อน—"





    เขาหยอกเย้าตอนที่ริมฝีปากนั้นกดจูบลงบนลาดไหล่





    แฮร์ริสันคำรามในลำคอ





    "เก็บคำนั้นกลับไปเลย"





    เขาซวนเซเพราะแรงดึง





    "นายก็รู้เราไม่ใช่"





    ทอมหัวเราะ





    "ฉันรู้ นายดีกว่านั้นเยอะ"





    เขากระซิบข้างใบหูอีกฝ่าย





    "แกะของขวัญสิแฮร์ริสัน"





    ทอมถูกปลดเปลื้อง





    ริบบิ้นบนกล่องถูกคลายปมออกอย่างเชื่องช้า





    แผ่นหลังของเขาสัมผัสกับเตียงนอน ฟูกเบาะยุบลงตามน้ำหนักโดยมีแฮร์ริสันคร่อมทับเหนือร่าง





    นิ้วเรียวยาวบรรจงแตะลงบนกระดาษสีสวย 





    อ่อนโยน





    นุ่มนวล





    บางครั้งเร่งเร้า





    บางครั้งเนิบช้า





    ทอมตัวสั่น





    "อย่าแกล้ง—"





    นิ้วมือเย็นเฉียบยังคงไล่เลาะสำรวจมุมต่างๆ ยังเหลือห่อกระดาษอีกเกือบครึ่งทีเดียวกว่ากล่องนั้นจะเปลือยเปล่า





    "ปกติแล้วนายแกะของขวัญแบบนี้จริงๆเหรอ"





    "เพื่อความตื่นเต้นไง"





    สัมผัสร้อนชื้นวนเวียนอยู่ปลายใบหู





    "คิดว่านายชอบเสียอีก—เรื่องเซอร์ไพรส์"





    "ไม่ใช่ตอนนี้แฮร์ริสัน"





    เขากัดฟันพูด ออกแรงเพียงครึ่งเดียวก็เปลี่ยนตำแหน่งขึ้นมาข้างบน





    "นั่นน่าประทับใจ"





    "เงียบเหอะ"





    พึมพำขณะที่เริ่มต้นสานต่อเรื่องคั่งค้าง ทอมไม่ชำนาญนัก แต่ก็ใช้ว่าจะไร้ประสบการณ์เสียทีเดียว





    ดวงตาของแฮร์ริสันเป็นประกายขณะที่เขาก้มลงเอ่ยคำอวยพรข้างหู





    "สุขสันต์วันเกิดล่วงหน้านะ"





    ทอมขยับตัว





    ส่งสายตา





    ดูท่าว่าคืนนี้จะยาวนานกว่าที่คิด

















    "ไปหลับรอที่รถก่อนไหม"





    "อือฮึ"





    "แป๊บเดียว—เดี๋ยวซื้อกาแฟไปให้"





    "เอาเหมือนเดิม กา—"





    "กาแฟดำ น้ำตาลสองก้อน—ฉันรู้น่า ไปๆ"





    พยักหน้าหงึกหงัก รอยยิ้มแต่งแต้มลงบนริมฝีปาก ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าค่อนข้างพออกพอใจทีเดียว





    ทอมหาววอดขณะกระชับแจ็กเก็ตเบสบอลเข้ากับตัว ควานหากุญแจมัสแตงในกระเป๋าก่อนปลดล็อครถคันงามอย่างชำนาญ





    แฮร์ริสันบอกว่าจะตามมาทีหลัง คงวุ่นวายอยู่กับการทำเรื่องเช็คเอาท์ อันที่จริง เราแทบไม่ได้ทำอะไรตามกระบวนการเสียเท่าไหร่





    เขาตรวจเช็คสิ่งของที่ท้ายกระโปรงหลัง

    อุปกรณ์พรางตัวสีดำสองชิ้นนอนแน่นิ่งอยู่ในกระเป๋าโดยปืนอีกสองสามกระบอกวางทับอยู่ข้างบน





    เขาหยิบโม่งคลุมศีรษะออกมาก่อนรูดซิป เหวี่ยงกระเป๋าทรงถังขึ้นพาดบ่า





    เปิดประตูฝั่งผู้โดยสาร โยนสัมภาระไปเบาะหลัง หย่อนตัวลงนั่งขณะที่ปล่อยให้ความคิดล่องลอยไปในอดีต





    นานมากแล้ว อาจสี่หรือห้าปีนับตั้งแต่เขาจากลอนดอนมาโดยไม่เคยหวนกลับไป อาจเพราะไม่หลงเหลือสิ่งใดที่นั่น





    ครอบครัว





    ชีวิต





    ความสุข





    เหล่านี้ล้วนถูกความตายพลัดพรากให้จากไป





    อังกฤษกลายเป็นโครงกระดูกชิ้นใหญ่ในตู้เสื้อผ้าที่ทอมไม่อยากให้ใครรับรู้ 





    สิ่งเดียวที่กระตุ้นให้เขาลืมตาตื่นทุกเช้ามีแค่จูบรับอรุณจากแฮร์ริสัน เราใช้ชีวิตอย่างไม่กลัวตาย น่าอายที่ต้องบอกว่ายามนั้นเราถูกความเป็นวัยรุ่นบ้าเลือดกระซิบสั่ง





    เราเริ่มต้นจากงานส่งของเล็กๆน้อยๆผ่านคนกลางซึ่งรู้จักต่อกันมาเป็นทอดๆจากเพื่อนของแฮร์ริสัน





    ก่อนค่อยขยับความเลวร้าย





    กลายเป็นอาชญากรชื่อกระฉ่อน คู่หูที่นักโจรกรรมที่ก่อเรื่องไปทั่วอเมริกากลางที่ถูกหมายหัวถึงตาย





    แน่ล่ะ ณ จุดนั้นมีความเสียใจและความคึกคะนองเป็นตัวขับเคลื่อน เขาอยากเป็นที่จดจำ อยากบอกให้ทุกคนรู้ ว่าเด็กคนหนึ่งถูกโลกที่แสนโหดร้ายใบนี้บดขยี้อย่างไร





    แต่เมื่อเวลาผ่านไป เราโตขึ้น เราใช้ชีวิต ความเจ็บปวดถูกชะล้าง เป็นตะกอนนอนก้น ไม่มีความหมายใดๆ 





    สิ่งที่ทำอยู่พลันดูว่างเปล่า





    และเขาอยากกลับบ้าน





    "กาแฟดำใส่น้ำตาลสองก้อนมาเสิร์ฟแล้วครับ"





    ความอุ่นร้อนแนบลงที่ข้างแก้มดึงเขากลับมาสู่ความเป็นจริงอีกครั้ง





    "ขอบใจ มึนหัวชะมัด"





    "ก็กะไว้อยู่แล้ว แถมผ้าเย็นด้วยเอ้า"





    พูดจบก็สะบัดผ้าขนหนูไล่ซับใบหน้าให้อย่างเบามือ





    "ดีขึ้นไหม?"





    เขาพยักหน้ารับ





    มองดูควันสีขาวบิดวนเหนือแก้วกระดาษสีขาวนวล





    ยกแก้วขึ้นชิมรส





    ความขมแผ่ซ่านติดปลายลิ้น





    "เราถูกเก็บเงินเพิ่มอีกนิดหน่อย—เออ จริงๆก็ไม่หน่อยหรอก เพราะเขาต้องซักผ้าปูใหม่ ฉันผิดเองแหละที่ไม่ยอมลงไปซื้อมันเพิ่ม"





    คำพูดนั้นเรียกริ้วสีแดงพาดผ่านแก้มของทอม





    "ช่างเถอะ ฉันก็ผิดด้วย"





    อ้อมแอ้มตอบ





    "แล้วก็—นายทำโซฟาขาด ทอมมี่—ต้องตัดเล็บแล้วนะ"





    "เงียบไปเลย แฮร์ริสัน"





    อีกฝ่ายหัวเราะร่าตอนที่ถูกเขาปิดประตูใส่หน้า





    ฝากไว้ก่อนเถอะ













    "ฉันเช็คดูแล้ว ไม่มียามอยู่ข้างหน้า อาจมีข้างในหนึ่งถึงสอง แต่ไม่ใช่ปัญหา ที่นี่เล็ก การป้องกันก็หละหลวมไปตามสภาพ"





    แฮร์ริสันวงจุดหนึ่งบนแปลนธนาคารเล็กๆในปานามา 





    "ตรงนี้คือจุดที่ต้องระวัง—กล้องวงจรปิด เราไม่มีเวลาจัดการกับมันก่อนอย่างทุกที เพราะงั้นให้ฉันยิงมันก่อนแล้วนายค่อยเข้ามา โอเคนะ?"





    มันดูตึงเครียดและจริงจังมากกว่าทุกครั้ง





    "โอเค"





    เขาขมวดคิ้วมุ่น 





    ธนาคารเปิดบริการอยู่สามเคาน์เตอร์ คงใช้เวลาไม่มากนักในการจัดการ





    "ฉันติดต่อเจคอบแล้ว เขาจะเป็นธุระเรื่องพาสปอร์ตให้"





    ทอมหันกลับไปมอง





    "นายว่าเราซื้อบ้านสักหลังดีไหม"





    "อือ เอาสิ เงินนี่คงพอซื้ออะพาร์ตเมนต์ได้สักห้องแหละน่า"





    "บ้านเดี่ยวไม่ได้เหรอ"





    "คิดดูก่อน"





    แต่แฮร์ริสันยิ้ม นั่นมีความหมายเท่ากับได้





    "เลี้ยงหมา"





    "สองตัวเลย"





    เขาหัวเราะ





    พร้อมสำหรับอะไรก็ตามที่ต้องเผชิญในอีกสิบนาทีข้างหน้าแล้ว














    มันเป็นไปตามแผน





    มันเป็นไปตามแผนจนน่าประหลาดใจทีเดียว





    ทอมคิดขณะที่วิ่งกลับมายังรถ 





    แฮร์ริสันกระโจนขึ้นไปก่อน สตาร์ทเครื่องยนต์รอเขาที่ตามมาไม่ห่าง ปลายเท้าแตะลงบนคันเร่ง แล้วเจ้าม้าศึกสีแดงก็พุ่งทะยานไปข้างหน้า





    เขาหอบหายใจถี่





    อะดรีนาลีนพลุ่งพล่าน





    จวบจนกระทั่งผ่านพ้นตัวเมือง—และมั่นใจว่าไม่มีใครตามมาแล้วแฮร์ริสันจึงค่อยชะลอรถลง





    หมวกโม่งไหมพรมถูกดึงออก





    "ไปไหนก่อนไหม"





    อีกฝ่ายถาม น้ำเสียงยังเจือความเหนื่อยหอบ





    "ไม่ล่ะ"





    ทอมส่ายศีรษะ





    "ไปหาเจคอบเลยดีกว่า ฉันอยากไปจากที่นี่จะแย่แล้ว"





    หัวใจเต้นถี่จนรู้สึกเจ็บหน้าอก เขายกแขนขึ้นปาดเหงื่อที่ไหลตามกรอบใบหน้าก่อนลงมือนับเงินปึกใหญ่ที่อัดแน่นอยู่ในกระเป๋า





    "เปิดเพลงหน่อยไหม"





    "เอาสิ ไม่อยากให้มันเงียบแบบนี้เหมือนกัน"





    ดนตรีช่วยผ่อนคลายได้เสมอจริงๆ





    "ฉันว่าจะเปลี่ยนรถก่อน คันนี้เตะตาเกินไป"





    "นายเลือกเลย ครูซคอนโทรลด้วยไหม"





    ทอมเย้าก่อนทิ้งกระเป๋าใส่เงินไว้บนพื้น ไว้นับที่อื่นจะดีกว่า เขาเอี้ยวตัวคาดเข็มขัดนิรภัย





    "รถเก๋งธรรมดาๆสักคันก็พอแล้วน่า"





    เราหัวเราะให้กัน





    มันเกือบสมบูรณ์แบบจนกระทั่งเขาเหลือบเห็นอะไรบางอย่าง





    "แฮร์ริสัน—"





    "หือ?"





    "มีรถตำรวจตามเรามา"





    ตัวของทอมเย็นเฉียบ





    "บ้าเอ๊ย—ฉันกะไว้อยู่แล้วว่าเรื่องมันง่ายเกินไป!"





    เขาชะโงกตัวออกไป





    ไม่มีทาง





    เราจะไม่จบลงที่นี่





    "แฮร์ริสัน เหยียบมิดเลย!"





    เขากลับเข้านั่งประจำที่ รับรู้ถึงความเร็วที่ค่อยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ





    มือของทอมสั่น 





    มันเป็นครั้งสุดท้ายแล้วแท้ๆ





    ครั้งสุดท้าย—




    ปัง!





    ท้ายรถปัดเป็นวงกลม





    แฮร์ริสันสบถ ต้องใช้ความพยายามมากทีเดียวในการบังคับให้มันกลับมายังทิศทางเดิมอีกครั้ง





    ยางหลังคงถูกยิงไปแล้ว





    ปัง!





    ใบหูร้อนผ่าว





    "หมอบเร็ว!"





    เขาแสร้งทำเป็นเมิน กัดฟันปลดสายเข็มขัดนิรภัย ก่อนหยิบปืนจากกระเป๋าที่ถูกเปิดอ้าขึ้นถือไว้ในมือ





    "เขายิงเราก่อน!"




    ทอมตะโกน





    "บ้าเอ๊ย ฉันมีสิทธิ์ยิงสวนใช่มั้ยเนี่ย"





    ขึ้นนกรอเหนี่ยวไก





    ปัง! ปัง!





    แรงถีบจากอาวุธเหล็กกล้าทำเอาร้าวถึงหัวไหล่ ถึงคราวทอมสบถ เป็นไปได้เขาก็ไม่อยากทำอย่างนี้เลย





    อีกแค่นิดเดียวแท้ๆ ทำไมนะ





    ปัง!





    ครั้งนี้รถศูนย์เสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง





    มันหมุนคว้างอย่างกับลูกข่าง





    ระบบถุงลมนิรภัยทำงานโดยอัตโนมัติ





    ทอมกรีดร้องในใจ ขณะที่ความเป็นจริงมีเพียงเสียงแตกหักของรถยนต์ราคาแพงที่กำลังยับเยินก็เท่านั้น





    แฮร์ริสันพยายามเหยียบเบรค





    เครื่องยนต์กระตุกเฮือกหนึ่ง แต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้ให้กับแรงเหวี่ยงนั้น





    ความเร็วค่อยหยุดลง





    ช้าๆ





    ก่อนแน่นิ่ง





    ทอมไอโขลก 





    "ฮ แฮร์ริสัน—นายโอเคไหม"





    "อ โอเค—โอเค"





    สภาพอีกฝ่ายดูบอบช้ำมากกว่าเขาเสียอีก





    "กลัวหรือเปล่า"





    แฮร์ริสันถาม ใบหน้าเหยเกเพราะพยายามยิ้ม 





    "ขอโทษนะ คงไม่ได้พานายกลับบ้านแล้ว"





    "ไม่หรอก"





    เสียงของเขาสั่นเครือ





    "—เรากำลังกลับไป"





    เพลงโปรดวนกลับมาอีกครั้ง





    ดนตรีสดใสที่เคยชอบดังแผ่วเบา ฟังดูกระท่อนกระแท่นเหลือเกินในยามนี้ 





    ทอมคิดว่าแรงกระแทกเมื่อครู่คงทำให้มันเป็นอย่างนั้น




    Don't worry about a thing

    Cause every little thing

    Gonna be alright





    น่าแปลกที่ครั้งนี้มันกลับทำให้เขาร้องไห้





    "ชู่ว์—ทอม ชู่ว์—"





    "ทิ้งอาวุธแล้วยอมมอบตัวซะ!"





    "อยากมอบตัวไหม"





    ทอมมองใบหน้าของอีกฝ่าย มันพร่ามัวด้วยหยาดน้ำตา





    "เขาออกหมายจับตาย นายก็รู้"





    สะอื้น





    แทบขาดใจ





    Singin' Don't worry about a thing

    Cause every little thing

    Gonna be alright





    "ฉันเคยทำให้นายเสียใจหรือเปล่า"





    ทอมดูงุนงงแต่ก็สั่นศีรษะปฏิเสธ





    "แค่นี้ก็พอแล้ว"





    เสียงหัวเราะฟังดูร้าวรานยิ่งกว่าที่เคย





    "พร้อมไหม?"






    เขาปาดน้ำตาลวกๆ พยักหน้าตอบรับคำถามนั้นเร็วๆ





    อีกฝ่ายยิ้ม จูบซับน้ำตาเป็นการบอกลาครั้งสุดท้าย





    ประตูรถถูกเปิดออก





    Rise up this morning

    Smile with the risin' sun





    "อย่าขยับ!!!"





    ทอมหลับตาลง





    กระชับมือที่เกาะเกี่ยวกับแฮร์ริสันเอาไว้แน่นขณะก้าวเดินไปยังสถานที่ซึ่งไร้ชื่อเรียกขานด้วยกันเป็นครั้งสุดท้าย



    ปัง! ปัง! ปัง!



    ...Three little birds

    Pitch by my doorstep...




    -end-

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in