เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ME, BEFORE30mollowing
Love Story
  • "หนูมีแฟนหรือยัง?    จะแต่งงานตอนไหนล่ะ?"
    คำถามคลาสสิคเมื่อผู้ใหญ่รู้อายุเรา
    "หนูยังไม่มีแฟนค่ะ"
    คือคำตอบที่จริง  แต่พอตอบไปแล้วเหมือนเราโกหก 
    ไม่ได้โกหกสักหน่อย.....

    "แล้วโสดมากี่ปีละล่ะ ?  ทำไมยังไม่มีแฟนล่ะ"
    "โสดมาทั้งชีวิตค่ะ ไม่เคยมีแฟนเลย ไม่ทราบเหมือนกันทำไมไม่มีแฟนสักที 
    ยังไงถ้ามีลูกหลานยังโสดแนะนำให้หนูหน่อยนะคะ ขอบคุณค่ะ..."
    ปิดท้ายแบบให้รู้ว่าชั้นก็พยายามนะ  (ช่วยหน่อยก็ดี...)

    "เป็นไปได้เหรอที่ไม่เคยมีแฟนเลยทั้งชีวิต?"   (มันเป็นไปได้เว้ย และไม่ควรเป็นเรื่องน่าตกใจด้วย)
    คนบนโลกมีเป็นพันล้านคน  ทุกคนเคยมีความรักแต่ไม่ใช่ทุกคนจะเคยมีแฟนค่ะพี่จี้
    เหมือนจะเศร้า แต่เศร้าไม่มากหรอก
    ด้วยวัยนี้  งานที่ทำแทบจะพรากเอาความรู้สึกกุ๊กกิ๊กไปจากใจจนไม่เหลือแล้วมั้ง
    ถามว่าถ้าให้เลือกชิบหายในเรื่องงานแล้วมีแฟนสักที   กับยังไม่มีแฟนแต่การงานดี
    สาวโสดวัย29ก็น่าจะเลือกอย่างหลัง

    เงิน.....ช่างสำคัญในวัย29นี้ซะจริงๆ (เอาดีๆสำคัญทุกช่วงวัยเพียงแต่จะระลึกได้กันตอนไหน)

    การเป็นสาวโสด ที่ทำงานแล้ว  เงินจากการทำงานจะเอาไปทำอะไร
    นอกเสียจากจะใช้ปรนเปรอความยากและกิเลศภายในจิตใจตนเอง
    ซึ่งแปลกจริง  หลายอย่างเลยที่เงินสามารถเติมเต็มมันได้ (พูดความจริงกันนะ อย่าโลกสวยเลย)
    ดังนั้นไม่ต้องงง   
    ถ้าพบว่าสาวโสดวัย29บ่นอยากมีแฟนได้ทุกวี่ทุกวัน  แต่สภาพพวกหล่อนก็ยังดูมีความสุขดี.....


  • "สาวโสดที่ทำงานแล้ว  คือสาวที่จีบยากที่สุด"
    ผู้ใหญ่เพศชายท่านหนึ่งกล่าวเมื่อเห็นเราเดินตรงเข้าห้องทำงาน
    "ทำไมล่ะคะ?"  (ภายในใจชั้นคือWhat!?   คุณจะมารู้อะไรภายในจิตใจของชั้นกัน)
    "เพราะเป็นช่วงวัยที่ผู้หญิงเค้ามั่นใจในตัวเองไง  สามารถทำงานหาเงินใช้ได้เอง ดูแลตัวเองได้ 
    ทำไมผู้หญิงเค้าจะไม่มั่นใจในตัวเองล่ะ  ถ้าเค้าได้แฟนไม่ดี  เค้าอยู่คนเดียวดีกว่า  ใช่ม๊ะ?"
    "อีกอย่าง...ถ้าคิดจะเข้ามาแค่หยอก  ผู้หญิงวัยนี้เค้าไม่เอาหรอก  
    เสียเวลาชีวิตเค้า   อย่างน้อยเข้ามาจีบก็หมายถึงต้องมีแพลนในอนาคตไว้ส่วนนึงแล้ว"
    ดิชั้นทำได้แค่  "ที่พูดมาก็ถูกต้องค่ะ"
    อาจจะกล่าวได้ว่า ความรัก ของสาววัย29 (อย่างดิชั้น)
    นอกจากเรื่องกุ๊กกิ๊กหัวใจ  ก็ถ้าจะมี  มีแล้วก็ต้องส่งเสริมในด้านอื่นๆของชีวิตให้ดีขึ้นด้วยเช่นกัน

    เราไม่ซีเรียสเลยคุณจะชอบหรือมีงานอดิเรกอะไร (ขอแค่ไม่ใช่เรื่องผิดกฏหมายและศีลธรรม)
    เพราะเราก็มีเรื่องที่ชอบของเราเองเช่นกัน  ถ้ามันเผอิญเหมือนกันก็เยี่ยมเลย
    แต่ถ้าไม่ เราควรยินดีและยอมรับถ้าต่างฝ่ายจะมีเวลาและพื้นที่ส่วนตัวในการทำงานอดิเรกที่ชอบนั่น
    ราไม่ซีเรียสเลยว่างานที่คุณทำได้เงินมากหรือน้อยกว่าเรา (ก็ยังขอว่าต้องไม่ใช่งานผิดกฏหมายและศีลธรรม)  แค่คุณดูแลสุขภาพทางการเงินคุณได้ดีก็พอ   ส่วนเงินที่เราจะใช้ดูแลกัน เรามาคุยกันนะ...

    เรามีกันและกันเพื่อเราจะได้รู้ว่าความรักมันสวยงามขนาดไหน
    เราควรส่งเสริมกันไปในทางที่ดี  
    เราควรต่างเป็นที่พักกายพักใจให้กันได้ในยามที่ต้องการ
    เมื่อเรามีกัน  มันไม่ควรมีความรู้สึกว่ามีภาระเกิดขึ้น
    เธอและชั้น...เราต่างเหนื่อยกับการทำงาน  
    อย่าให้ความสัมพันธ์เราเป็นเรื่องที่เหนื่อยอีกเรื่องในชีวิตของกันและกันเลย
    แด่  บุคคลในอนาคตที่จะเข้ามาสร้างความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับดิชั้นค่ะ...




  • ในวัยนี้บางคนอาจจะก้าวข้ามเรื่องหน้าตาหรือรูปลักษณ์ภายนอกได้แล้ว  ขอแค่คุยกันรู้เรื่องก็เพียงพอแต่สำหรับดิชั้น  ยอมรับว่ารูปลักษณ์ภายนอกก็ยังสำคัญพอสมควร  เอาเป็นว่าให้ค่า 50:50 เลยทีเดียว

    "อย่าตัดสินหนังสือเพียงหน้าปก"
    เห็นด้วยกับวาทะกรรมนี้อย่างยิ่ง แต่ก็มีความเห็นเพิ่มเติมนิดหน่อย...

    ปฏิเสธไม่ได้ว่าถ้าหนังสือเล่มนึง  ทำหน้าปกดึงดูด น่าสนใจ 
    ต่อให้ยังไม่ได้อ่านเรื่องย่อ มันก็ดึงดูดให้คนอยากหยิบจากชั้นออกมาเพื่อเปิดอ่านข้างใน
    มันก็เหมือนกับคนๆนึง
    ถ้าเราดูแลรูปลักษณ์ภายนอกให้สะอาดสะอ้าน  สวมใส่สิ่งที่เหมาะสมกับตนเองและถูกกาลเทศะ
    เราก็จะดูดี มีความมั่นใจในแบบของเรา  
    คนที่เค้าชื่นชอบในสไตล์ที่เป็นเรา  ก็อยากจะเข้ามาทำความรู้จัก
    จากนั้นเรื่องนิสัยใจคอ จะโอเค ไม่โอเค เข้ากันได้ เข้ากันไม่ได้ มันก็คืออีก 50 เปอเซนต์ที่เหลือ

    ดังนั้น  จะบอกว่าเรื่องรูปลักษณ์ภายนอกคือมายา ไม่สำคัญ ก็คงไม่จริงซะทั้งหมด  
    "ถ้าแค่ปกหนังสือยังไม่น่าสนใจ  ใครจะอยากหยิบออกมาจากชั้นแล้วเปิดอ่าน"

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in