เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
โลกลืมเศร้าเออเนสซองส์
สบตากับความกลัว 2
  •       เริ่มแรกผมใช้สายตาสแกนทุกอย่างที่ใต้ถุนอย่างระมัดระวัง พร้อมคอยหันกลับไปมองข้างหลังเป็นระยะๆ กลัวว่าจะมีใครมายืนอยู่โดยไม่รู้ตัว จนสายตามาสะดุดตรงเสาไม้ทั้งสี่ต้น ที่ถือเป็นเสาหลักของกุฏิ เหตุไฉนจึงมีน้ำมันเยิ้มดำที่โคนของทุกต้น เอาล่ะสิ่ เหมือนในหนังเลย เสาตกน้ำมันในตำนาน ผมยกมือไหว้ ขอให้ผมได้อาศัยอยู่ที่นี่เถิด ผมมาดีด้วยความเคารพ เรามาเป็นเพื่อนกันเถอะ

          "ทำอะไรหน่ะ!" เสียงตะโกนมาจากข้างหลัง ทำเอาผมสะดุ้งเฮือก ไม่ต้องถามถึงหัวใจ มันหล่นไปใต้ดินแล้ว

          ผมหันกลับไปปะทะกับสายตาพระหนุ่มรูปหนึ่ง ราวกับท่านเพิ่งเดินออกมาจากเสาต้นใดต้นหนึ่ง

    ผมรีบก้มลงกราบ

          "ผะ ผะ ผม จะมาบวชครับ"

          "เออดี อยู่กุฏินี้เหรอ ใครให้มาอยู่ล่ะ"

          "มะ แม่ชีครับ"

          "ไม่กลัวเหรอ"

          "กลัวสิ่ครับ"

          "ดีแล้ว จะได้หายกลัว"

          "แล้วเอ่อ ที่นี่ มี...อะไรหรือเปล่าครับ"

          "ถ้ามี เดี๋ยวคืนนี้ก็เห็นเองแหละ ไปละ"

          "ขอประทานโทษครับ หลวงพี่จะไม่นอนเป็นเพื่อนผมสักคืนสองคืนหรือครับ"

          "ถ้านอนด้วย โยมก็ไม่เห็นหน่ะสิ่"

          หลวงพี่ทิ้งท้ายให้เสียวเล่น แต่ผมดันเสียวจริงๆ อยากกระพริบตาแล้วให้เป็นพรุ่งนี้เช้าเลย

    ทำยังไงได้ ผมต้องผ่านมันไปให้ได้ ตายเป็นตาย มาถึงขนาดนี้แล้ว

          เดชะบุญที่กุฏิมีไฟฟ้า แม้จะแค่วอมแวมก็ตามที คืนนั้นทั้งคืนผมเอาแสงสว่างเป็นเพื่อน แต่ไม่วาย

    หูก็คอยแต่จะแว่วเสียงลมพัดหวีดหวิว ลำไผ่เสียดสีกันดังเอี๊ยดอ๊าด เท่านั้นไม่พอ ยังมีเสียงแกรกกรากเหมือนใครเดินลากรองเท้าแตะที่ใต้ถุน ไล่ขึ้นบันไดแล้วมาหยุดอยู่หน้าห้อง ผมทำใจดีสู้ผี รีบเปิดประตูออกไปดู แต่กลับไม่พบอะไร เป็นอย่างนั้นทั้งคืน กว่าจะผล็อยหลับลงได้ก็เกือบเช้า

          นอนไปได้ไม่ถึงสองชั่วโมงก็ต้องสะดุ้งตื่น ทั้งๆที่พระอาทิตย์ยังไม่ทันแยงตา เพราะมีคนเอากิ่งไม้มาแยงใต้พื้นกระดานที่ผมนอนทับอยู่ดังก๊อกแก๊กจากใต้ถุน ผมผุดลุกผุดนั่ง แล้วรีบแหย่สายตาลงไปดูระหว่างช่องไม้ สวนทางกับเสียงที่ดังพุ่งขึ้นมา

          "เป็นไง เห็นอะไรมั้ยเมื่อคืน" นึกว่าใคร หลวงพี่ตัวดีนี่เอง

          "ได้ยินแต่เสียงแปลกๆ แต่พอรีบออกไปดู ก็ไม่เห็นมีอะไรเลยครับ"

          "แล้วเห็นความกลัวมั้ย"

          "เห็นครับ เห็นทั้งคืนเลย"

          "นั่นแหละ ดูมันไปนะ ความคิดปรุงแต่งหน่ะ น่ากลัวกว่าผีอีก"

           สิ้นเสียงหลวงพี่ พลันสติผมกลับมาจดจ่ออยู่ที่การวิ่งบนลู่วิ่งไฟฟ้าอีกครั้ง

    เมื่อนึกย้อนหลัง ผมกลับยิ้มให้กับบทเรียนในวันวานได้ ผมว่าจริงๆแล้ว ความกลัว ไม่ว่าจะกลัวอะไร

    กลัวผีเอย กลัวคนไม่รักเอย กลัวการเริ่มต้นเอย กลัวล้มเอย กลัวเจ็บเอย ล้วนเป็นเพียงเพื่อนร่วมทาง

    คนหนึ่งของผม ถ้าผมเข้าใจและรู้ทันเพื่อนคนนี้ ว่ามีหน้าที่มาคอยเย้าแหย่ให้ไม่เหงา ผมก็ไม่ต้องไป

    ใส่ใจ ไม่ต้องไปจริงจัง ไม่ต้องไปเชื่อมัน ไม่นานมันก็เดินจากไปเอง แม้เพียงชั่วครู่ชั่วยามก็ตามที



















เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in