เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
โลกลืมเศร้าเออเนสซองส์
สบตากับความกลัว 1
  •       ขณะที่ฝ่าเท้าสัมผัสไปบนลู่วิ่งไฟฟ้าด้วยความเร็วคงที่ หูได้ยินเสียงเพลงการเดินทางของชาติ สุชาติ ใจพลันลอยกลับไปยังอดีต ในวันที่เท้าก้าวแรกรู้สึกได้ถึงความเย็นยะเยียบของวัดป่าบนเทือกเขาสูงชัน

          "จะมาบวชเหรอ" แม่ชีผู้ดูแลความเป็นระเบียบเรียบร้อยภายในวัดถามขึ้น

    ผมยิ้มพร้อมกับก้มหัวให้ท่านแทนคำตอบ

    "กลัวผีมั้ย" ท่านถามทีเล่นทีจริง

    "กลัวครับ" ผมตอบจริงๆ ด้วยเสียงดังฟังชัดเลยทีเดียว

    "งั้นก็ไปอยู่กุฏินี้นะ ดูตามแผนที่เอา ชีไปละ"

    แล้วชีก็ไปจริงๆ ทิ้งผมไว้ท่ามกลางความงงงุนและเงียบงันนับสิบนาที

          ใครสักคนบอกเอาไว้ว่า อยากได้ลูกเสือต้องเข้าถ้ำเสือ แต่หลังจากที่ผมได้สัมผัสบรรยากาศแม้เพียงชั่วครู่ ผมชักไม่แน่ใจแล้วว่า ผมจะได้แค่ลูกเสือหรือเปล่า อาจจะมีอย่างอื่นพ่วงตามมาด้วย ผมกดข่มความคิดนั้นในหัวไว้ กลัวว่ามันจะเล็ดลอดออกมาเป็นตัวเป็นตนให้เห็น ผมสังหรณ์ใจว่าเพื่อนร่วมทางคราวนี้อาจจะไม่ใช่คนซะแล้วสิ่

          กุฏิที่ผมต้องไปพักเมื่อดูตามแผนที่แล้วอยู่ในป่าไผ่ ก็ไม่น่ายากแค่เดินตรงไปอย่างเดียว

          ครึ่งชั่วโมงผ่านไป ผมยังไม่เห็นหน้าตากุฏิที่ว่านั่นเลย เห็นก็แต่ต้นไม้เขียวครึ้มทั้งสองข้างทาง

    พระสักรูปก็ยังไม่มีให้เห็น นี่ก็เกือบสี่โมงเย็นแล้ว ผมควรจะเข้าที่พักก่อนฟ้ามืด

          ไหนแม่ชีถามว่ากลัวผีไหม ก็น่าจะให้ผมอยู่ที่ที่คนพลุกพล่านไม่ใช่หรือ จะได้ไม่เปล่าเปลี่ยวเอกาเพียงคนเดียว เหตุไฉนจึงส่งผมมาไกลเช่นนี้ ท่านคงใช้วิธีหนามยอกเอาหนามบ่ง กราบขอบพระคุณมากครับแม่ชี ในความปรารถนาดีของท่าน บอกตามตรงใจมันแทบจะไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว ขณะที่สับเท้าก้าวเร็วขึ้น ใจกลับพุ่งไปยังต้นไม้น้อยใหญ่ที่อยู่รายรอบ มันจะมีนางไม้คอยโบกมือทักทายมั้ย เสือโคร่งจะโผล่มาขย้ำหรือเปล่า เห็นกิ่งไม้ที่ร่วงระเกะระกะบนพื้น ใจก็กลัวว่าจะกลายเป็นงูมาฉก แสงแดดที่ลอดผ่านใบไม้ลงมาก็ริบหรี่หรุบหรู่ทุกที ตายละ เทียนก็ไม่ได้เอามา ภาวนาขอให้ที่กุฏิมีไฟด้วยเถิด เดี๋ยวก่อน ภาวนาขอให้เจอกุฏิก่อนไม่ดีกว่าเหรอ

          ผมตกอยู่ในภาวะกลับไม่ได้ไปไม่ถึงอยู่นาน ในที่สุดก็พบกุฏิเสียที ภาพที่เห็นคือกุฏิไม้สองชั้น ชั้นล่างเปิดโล่งเป็นใต้ถุน ชั้นบนคาดว่าน่าจะเอาไว้จำวัด ภาษาชาวบ้านเรียกว่านอน ดูจากสภาพน่าจะไม่มีใครมาพักสักระยะแล้ว เพราะทั้งใบไม้แห้งที่ร่วงทับถมกันเป็นกองหนา ไม้เลื้อยกอดเกี่ยวกันแน่นเหนียว

    ใยแมงมุมพันกันเห็นแล้วแทบหายใจไม่ออก ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าผมเป็นคนแรกที่มาเยือนในปีนี้ หรืออาจจะหลายปีนี้ และไหนจะเลข 31 ที่เขียนติดบนผนังด้านนอกเพื่อบอกลำดับของกุฏิ ถ้าสลับหน้าหลังจะกลายเป็น 13 หึหึ เลขสวยซะด้วย เป็นมงคลดีแท้ ผมค่อยๆถอยหลังกลับไปหนึ่งก้าว อย่างแผ่วเบาที่สุด เผื่อว่าถ้ามีใครอยู่ในนั้น จะได้ไม่ไปรบกวนเขา แล้วพยายามยืนตั้งสติตรงปากทางเข้าอยู่นาน อืม นั่งรถทัวร์กลับบ้านตอนนี้จะยังทันมั้ยนะ

          ไม่สิ่ ผมคิดทบทวนเจตจำนงอันแรงกล้า ผมมาที่นี่เพื่อฝึกตน ฝึกจิตใจให้เข้มแข็ง ลำพังทานแต่ยาเพื่อไปปรับสารเคมีในสมองที่ไม่สมดุล ให้สมดุล เพียงอย่างเดียวนั้นมันไม่หายหรอกซึมเศร้าน่ะ ต้องภาวนา หมายถึงพัฒนาสติ เพื่อเข้าไปให้เห็นความจริงของกายใจทั้งหมด ควบคู่ไปด้วย ใจจึงจะกลับคืนสู่ความเป็นปกติ เมื่อตระหนักถึงชัยชนะอันยิ่งใหญ่ที่รออยู่ตรงหน้า ปลดแอกจากเจ้าซึมเศร้าให้ได้ในคราวเดียว ผมจึงสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆอีกสามที แล้วก้าวเข้าสู่กุฏิ โดยไม่อาจเล็ดลอดสายตาคู่หนึ่งที่กำลังลอบมอง...




เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in