เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
A slice of the intern lifecotchan
05 - เผลอนิดเดียวก็ผ่านมาหนึ่งเดือนเสียแล้ว
  • ***
    28 มิถุนายน - 2 กรกฎาคม 2564 / สัปดาห์ที่ 6

    'เหมือนใครสักคนเคยบอก ถ้าเรารู้สึกว่าวันเวลาผ่านไปเร็วนั่นหมายความว่า "เรากำลังมีความสุข"
    จริงหรือเปล่าคะ?' 

           ผ่านมาหนึ่งเดือนแล้วค่ะ ที่ฉันได้อยู่ที่นี่ ฝึกงาน ฝึกการเป็นผู้ใหญ่ ที่สำนักพิมพ์'พราว' ทุกวันที่ผ่านมามันสนุกมากเสียจนไม่ได้สังเกตเลยว่า เหลือเวลาแค่หนึ่งเดือนกับอีกห้าวันก็จะสิ้นสุดการฝึกงานแล้ว แอบใจหายเล็กน้อย เพราะตอนนี้เริ่มชินกับทุก ๆ อย่างไปมากแล้วค่ะ

           เริ่มชินกับการตื่นแต่เช้าไปสำนักพิมพ์เพื่อนั่งอ่านต้นฉบับเป็นกอง ๆ ชินกับลิฟต์และปุ่มกดเลข12 คีย์การ์ดสีน้ำเงิน ปากกาประจำตัวสีเขียว โน็ตบุ๊คเด็กฝึกงาน โคมไฟ เก้าอี้ล้อเลื่อน และพี่ ๆ ในกองบรรณาธิการทุกคน ถึงจะเริ่มชินแบบนั้นแล้วก็เกิดเรื่องให้ต้องปรับตัวให้ชินใหม่อีกครั้งค่ะ

           เกิดการระบาดของโควิดระลอกใหม่อีกครัั้ง พี่แอนเลยให้ทุกคนกลับไปทำงานที่บ้าน หลังจากเพิ่งกลับมาทำงานที่สำนักพิมพ์ได้เพียงสองอาทิตย์ จากเดือนแรกที่ฉันต้องเข้ามาที่นี่ทุกวันก็เปลี่ยนเป็นเข้าสำนักพิมพ์สองหรือสามวันต่อสัปดาห์แทน สัปดาห์นี้ฉันเลยได้เข้ามาแค่วันจันทร์กับวันพฤหัสบดีค่ะ พอต้องทำงานที่ห้องก็ชะล่าใจตื่นสายตลอดเลยค่ะ กว่าจะได้เริ่มทำงานก็เสียเวลาช่วงเช้าไปเยอะ อ่านต้นฉบับไม่ค่อยมีสมาธิเท่าไร คิดอะไรไม่ค่อยออก เหมือนเตียงนอนจะพยายามดึงร่างฉันให้กลับไปนอนตลอดเวลา ไม่ค่อยมีพลังในการทำอะไรเลยค่ะ แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็พยายามทำให้ได้ค่ะ

          สัปดาห์นี้ฉันได้ทำงานใหม่ ๆ อีกแล้วค่ะ ที่จริงก็แอบเริ่มทำมาตั้งแต่สัปดาห์ก่อนนิดหน่อย เพราะพี่เรศเริ่มสอนงานใหม่นั้นให้บ้างแล้ว สัปดาห์นี้ฉันได้หัด 'เขียนคอนเทนต์ลงอินเตอร์เน็ต' ควบคู่ไปกับการตรวจนิยายเรื่องที่สามล่ะค่ะ พี่เรศให้ดูตัวอย่างงานที่เขียนลงเพจ Facebook แล้วลองเขียนขึ้นมา 10 คอนเทนต์เกี่ยวกับแม่และเด็ก พอเขียนเสร็จก็ได้คำแนะนำมาเยอะเเยะเลย ฉันชอบเขียนเนื้อหาเป็นความเรียงยาว ๆ แบบบทความ ซึ่งการเขียนคอนเทนต์ลงอินเตอร์เน็ตนั้นแตกต่างจากการเขียนแบบที่ฉันเขียนอย่างสิ้นเชิงเลย พี่เรศเลยสอนวิธีการเขียนคอนเทนต์ออนไลน์ให้ว่าเขียนแบบไหนถึงจะน่าสนใจ ฉันได้เรียนรู้เยอะเลยค่ะ พอเขียนเสร็จแล้วก็ต้องเป็นคนประสานงานกับพี่เอิร์ธ กราฟิกของสำนักพิมพ์ ให้ช่วยออกแบบหน้าปกคอนเทนต์ หรือภาพประกอบเนื้อหาคอนเทนต์ด้วยล่ะค่ะ 

           พี่เรศบอกว่า บรรณาธิการจะเป็นคนออกแบบว่าอยากให้เนื้อหาและภาพรวมทั้งหมดออกมาเป็นแบบไหน ต้องคอยบอก ปรึกษากับพี่ ๆ ฝ่ายอื่นให้ดีว่าต้องการอะไร ฉันแอบกังวลว่าจะสื่อสารกับพี่เอิร์ธรู้เรื่องไหม เพราะเป็นคนพูดไม่รู้เรื่อง แต่จะลองพยายามดูค่ะ ตอนนี้ก็กำลังรอว่าพี่เอิร์ธจะทำภาพประกอบออกมาเป็นอย่างไร ถ้าสวยถูกใจก็จะได้อัปโหลดลงเพจ Facebook เลย แต่ถ้ายังไม่พอใจก็จะปรับแก้กันใหม่อีกรอบ เพื่อให้ออกมาดีที่สุดค่ะ

           อีกอย่างที่ได้ทำเพิ่มในสัปดาห์นี้คือ 'การจัดคิวต้นฉบับ' ค่ะ บรรณาธิการจะต้องรู้กำหนดการของต้นฉบับทุกเล่มที่ได้รับผิดชอบ เป็นคนจัดลำดับว่าต้นฉบับนี้จะส่งให้ใครตรวจเป็นคนแรก คนต่อไป คนสุดท้าย โดยจดใส่ตารางจัดคิวไว้ ที่ต้องทำแบบนี้จะช่วยให้รู้ว่าต้นฉบับนี้อยู่ในขั้นตอนไหน กับใคร ตั้งแต่วันที่เท่าไร จะต้องส่งต่อให้ใครทำต่อไป ใครที่รับผิดชอบส่วนไหนของต้นฉบับนานเกินไป บรรณาธิการก็ต้องไป 'ทวง' ค่ะ ที่เขาชอบพูดกันว่าบรรณาธิการมีหน้าที่ทวงต้นฉบับนั้นฉันคิดว่าน่าจะมาจากขั้นตอนนี้นะคะ 

           ได้เรียนเขียนตารางรันคิว และจัดคิวต้นฉบับหลายเล่มจนมึนหัวเลยค่ะ พยายามจัดให้พี่ ๆ ในกอง และฉันไม่ให้งานชนกันหรือเยอะเกินไป ต้องคอยนับวันเวลารอด้วยว่าต้นฉบับนี้ควรจะได้คืนมาวันไหนและต้องเอาไปส่งให้พี่คนไหนต่อ แต่สนุกดีค่ะ เพราะได้คุยกับพี่ ๆ มากขึ้นเยอะเลย

           เป็นสัปดาห์ที่ได้เจอพี่ ๆ ทุกคนน้อยลง แต่ได้งานเยอะขึ้นล่ะค่ะ ทั้งตรวจต้นฉบับนิยาย ตรวจต้นฉบับที่ตัวเองเป็นคนรันคิว รันคิวต้นฉบับทั้งหมดที่ได้รับมอบหมาย คิดเเละเขียนคอนเทนต์พร้อมทั้งคอยดูภาพประกอบคอนเทนต์ตัวเองด้วย ฉันไม่ติดที่ได้รับผิดชอบงานหลายอย่างหรอกนะคะ แต่คิดว่าถ้าได้เจอทุกคนตอนทำงานก็คงดี เพราะสื่อสารกันง่ายขึ้น แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อสถานการณ์บ้านเมืองมันแย่ขนาดนี้

          นอกจากจะได้งานเยอะในสัปดาห์นี้แล้ว ฉันยังได้เงินเดือนด้วยล่ะค่ะ! ตอนแรกที่พี่เรศบอกว่าที่นี่ให้เงินเดือนด้วยก็ดีใจ แต่ไม่ได้สนใจอะไรมากเพราะคิดว่าคงได้พอเป็นค่าขนมค่ารถไปทำงาน ไม่รู้ว่าจะได้เท่าไร แต่เมื่อเห็นยอดเงินตอนที่พี่ส้มให้เซ็นสัญญารับเงิน กับยอดเงินที่เข้ามาในบัญชีก็ตาโตเลยล่ะค่ะ พอพี่เรศกับพี่ส้มถามว่ารู้สึกอย่างไรก็ไม่รู้ว่าทำหน้าแบบไหนตอบกลับไป พี่ ๆ เขาหัวเราะแล้วก็แซวฉันกันใหญ่เลย การฝึกงานครั้งนี้ไม่ว่าจะได้เงินเยอะเงินน้อย หรือไม่ได้เลย สำหรับฉันก็ไม่มีปัญหาค่ะ ณ เวลานี้ฉันรู้สึกว่าการที่ได้ฝึกได้ทำทุกอย่างที่ฝันมาตลอดมันคุ้มค่ากว่าเงินที่ได้เสียอีก แค่นึกเสียดายนิดหน่อยที่ได้ฝึกแค่สองเดือน ถ้าได้ฝึกหลายเดือนเหมือนนักศึกษาฝึกงานคนก่อน ๆ ก็คงจะดีค่ะ
    คงจะมีเงินเก็บเยอะเลย...

         เป็นหนึ่งเดือนที่ฉันได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างจริง ๆ ค่ะ ถ้าทุกท่านได้อ่านทุก ๆ บทของฉันก็คงจะเห็นขอบคุณตัวเองที่ผ่านมาได้แล้วหนึ่งเดือน ขอบคุณพี่ ๆ ที่ตั้งใจสอนงานให้ ขอบคุณเพื่อน ๆ ด้วยที่คอยมาถามไถ่พูดคุยแลกกำลังใจกัน หวังว่าเดือนนี้ก็จะได้เรียนรู้อะไรเพิ่มมากขึ้นอีกเยอะ ๆ ทั้งฉันและทุกท่านที่เข้ามาอ่านเลยนะคะ ขอให้เดือนกรกฎาคมเป็นเดือนที่ดีสำหรับทุกท่านนะคะ


           
           

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in