เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
A slice of the intern lifecotchan
04 - นิยายวายไทยกับการเปิดใจครั้งแรก
  • ***
    วันที่ 21 - 25 มิถุนายน / สัปดาห์ที่ 4


    'ชอบนิยายวายไหมคะ?'
           ตอนที่พี่เรศยื่นต้นฉบับหนาปึกหนึ่งส่งมาให้ เหมือนนัยน์ตาของสาวกBLอย่างฉันจะเป็นประกายวิบวับและมีเเสงออกมาเลยค่ะ ฉันชอบมากแต่ไม่เคยอ่านนิยายวายของนักเขียนคนไทยมาก่อน เคยอ่านแฟนฟิคชันบ้างแต่ก็แค่ไม่กี่เรื่อง ดังนั้นนิยายวายเรื่องนี้จึงเป็นนิยายเรื่องแรกที่ได้ร่วมตรวจและเป็นเรื่องแรกที่จะได้อ่าน ชื่อเรื่องว่า 'บันทึกจากแดนเหนือ' ของคุณนักเขียนAudnunค่ะ

           ก่อนหน้านี้พี่เรศเคยให้ฉันลองปรับย่อหน้าหนึ่งของนิยายให้อ่านได้ลื่นไหลขึ้น มันยากมาก เพราะพอลองอ่านก็คิดว่ามันดีมากแล้ว แต่เมื่อพี่เรศสอนให้ทีละจุดก็พอจะมองเห็นว่าจะต้องปรับแก้อะไรบ้าง จากนั้นก็เปิดต้นฉบับที่แก้ไปรอบหนึ่งให้ดู กับเล่มจริงที่ตีพิมพ์ออกมาขาย ฉันรู้สึกตื่นเต้นมาก เพราะเห็นได้ชัดเลยว่าพอปรับเปลี่ยนนิดหนึ่งก็ทำให้ประโยคนั้นอ่านลื่นขึ้น และดีขึ้นมากเลยค่ะ 

           หน้าที่ของบรรณาธิการหนังสือนิยายจะแตกต่างกับหนังสือสรุปบทเรียนม.ต้นอย่างสิ้นเชิงเลยค่ะ เพราะตอนที่ทำหนังสือสรุป เราต้องทำให้หนังสือมีความกระชับ อ่านเข้าใจได้ไว และจำง่าย ต้องมีลูกเล่นทั้งวิธีการจัดหน้า องค์ประกอบต่าง ๆ ภาพประกอบในเล่ม แต่หนังสือนิยายที่มีแค่ตัวหนังสือ เราต้องดูเรื่องการใช้ภาษา ย่อหน้า การเว้นวรรค คำผิดความหมาย ความเป็นเหตุเป็นผลกันในเรื่อง และที่สำคัญที่สุดคือ สำนวนภาษาของนักเขียน

           ฉันทั้งตื่นเต้น แล้วก็กดดัน ทำยังไงถึงจะตรวจต้นฉบับนิยายเรื่องนี้ให้ออกมาดีที่สุดได้ แก้ปรับคำอย่างไรให้อ่านแล้วรู้สึกลื่นไหลโดยที่ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ด้านภาษาของนักเขียนไว้ ฉันเครียดมากจริง ๆ เพราะถ้าหากเราแก้คำบางคำ หรือประโยคบางประโยคไปแล้วอาจจะไม่ใช่สำนวนภาษาของนักเขียนแต่กลายเป็นสำนวนภาษาของคนตรวจเอง คิดแล้วคิดอีกว่าแก้ดีไหมนะ หรือปล่อยเลยไปดี 

           เหตุผลหนึ่งที่นักอ่านซื้อหนัังสืออาจเป็นเพราะชอบการใช้ภาษาของนักเขียน หรือซื้อหนังสือเพราะชอบประโยค ๆ หนึ่งในเล่ม ถ้าหากว่าฉันเผลอไปแก้ประโยคเหล่านั้นใหม่ ฉันอาจทำให้นักอ่านและแฟนคลับของนักเขียนไม่พอใจ และอาจส่งผลกระทบต่อนักเขียนด้วย ฉันแอบเข้าไปดูฟีดแบ็กของนิยายบันทึกจากแดนเหนือมาด้วยค่ะ พอเห็นว่าทุกคนรักและชื่นชอบนิยายเรื่องนี้กันยิ่งรู้สึกหนักใจมากถ้าเผลอไปทำลายนิยายที่พวกเขารัก ฉันอยากให้คุณนักเขียนประทับใจที่ตัดสินใจเลือกตีพิมพ์นิยายกับสำนักพิมพ์ที่ฉันฝึกงานอยู่ ฉันอยากให้คนที่อ่านรู้สึกว่าทั้งนักเขียนและกองบรรณาธิการตั้งใจและใส่ใจกับเรื่องนี้จริง ๆ

           หลังจากทำตามสิ่งที่พี่เรศสอนเรื่องการตรวจต้นฉบับนิยายให้ ฉันสรุปออกมาง่าย ๆ ได้ว่า เราทำอย่างไรก็ได้ให้ผู้อ่านนิยายของเราอ่านได้สนุก ไม่สะดุด ไม่รู้สึกติดขัด และยังคงเป็นสำนวนภาษาของนักเขียน หรือทำให้ภาษาที่เขียนนั้นเป็นตัวของนักเขียนมากยิ่งขึ้น การตัดคำฟุ่มเฟือยเป็นเรื่องที่ต้องระวังเพราะบางครั้งการเลือกใช้คำที่มีความหมายเดียวกันมาเขียนเยอะ ๆ ก็เป็นลายเซ็นของนักเขียน คำฟุ่มเฟือยทำให้ประโยค ๆ นั้นดูสละสลวยและกินใจคนอ่านได้ 

    'ปัญหาของฉันคือชอบตัดคำฟุ่มเฟือยทิ้งค่ะ'
           เพราะเวลาที่ได้รับงานเขียนส่งคุณครูคืนมา มักจะโดนตัดคำฟุ่มเฟือยทิ้งเยอะมาก บางทีเลยแอบติดนิสัยว่าต้องใช้คำสั้นกระชับ ฉันจึงพยายามเตือนสติตัวเองบ่อย ๆ ว่า นิยายคืองานเขียนให้ผู้อ่านได้ผ่อนคลาย อ่านเพื่อปลดปล่อยตัวเองจากความเครียดที่เจอมาในเเต่ละวัน อ่านเพื่อความสนุก ไม่ได้เขียนเพื่ออธิบาย วิเคราะห์เรื่อง หรืออ่านเพื่อจำไปสอบ เหมือนที่ฉันต้องทำเวลาต้องเขียนงานส่งคุณครู

           แต่สุดท้ายก็ผ่านไปได้ ฉันพยายามอย่างหนักเลยล่ะค่ะ ฉันอยากตรวจออกมาให้ได้ดีที่สุด อยากทำให้ได้ ตอนที่ฉันตรวจเสร็จก็ระบายความกังวลในใจกับพี่เรศไปเสียเยอะ พี่เรศเองก็ให้กำลังใจฉันกลับมาเยอะเช่นเดียวกัน อีกอย่างยังไงก็ต้องตรวจนิยายเรื่องนี้อีกรอบอยู่ดี ถ้าฉันเผลอทำพลาดตรงไหนไปก็จะถูกแก้ไขให้แน่นอน ถึงจะดีอย่างนั้นแต่ก็เหมือนฉันไปสร้างภาระให้พี่เขาเพิ่มเลยค่ะ ได้แต่ปลอบใจตัวเองว่าไม่เป็นไร เพิ่งเป็นนิยายเรื่องเเรกที่ได้ตรวจ จะทำให้ออกมาดีเลยก็คงยาก

           สัปดาห์นี้ของฉันเลยสนุกเป็นพิเศษ เพราะได้ทำตามความฝันที่ว่าอยากตรวจต้นฉบับนิยายดูสักครั้งแล้วก็ได้ลองรู้จักกับความกดดันรูปแบบใหม่ ๆ ด้วย รู้สึกว่าตัวเองเเข็งแกร่งขึ้นมานิดหน่อย อีกอย่างหนึ่งที่ได้จากการฝึกงานในสัปดาห์นี้คือการเปิดใจให้นิยายออนไลน์ของคนไทยด้วยค่ะ เพราะนิยายเรื่องบันทึกจากแดนเหนือ เป็นนิยายที่แต่งเผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ตมาก่อน ตอนแรกฉันคิดว่าที่นิยายเรื่องนี้สนุกเพราะเป็นนิยายที่สำนักพิมพ์จ้างเขียนขึ้นเพื่อจะตีพิมพ์โดยเฉพาะ

           ยอมรับว่าตอนแรกฉันค่อนข้างมีอคติกับงานเขียนออนไลน์ค่ะ ฉันเป็นคนนิสัยไม่ดีที่เอาแต่มองว่างานเขียนออนไลน์สู้งานเขียนที่ผ่านการตรวจกรองอย่างดีกับสำนักพิมพ์ไม่ได้ ฉันอ่านแต่งานแปล หรืองานเขียนของนักเขียนดัง ๆ ไม่เคยสนใจนักเขียนมือใหม่ที่เริ่มต้นความฝันด้วยการลงนิยายทางอินเตอร์เน็ต ตอนนี้ฉันคิดได้แล้วค่ะว่างานเขียนบางเรื่องก็เคยเป็นงานที่เผยแพร่บนช่องทางออนไลน์มาก่อน งานเขียนในเน็ตไม่ใช่งานเขียนไม่ดี แค่อาจจะยังไม่มีใครช่วยตรวจให้สมบูรณ์มากขึ้น ฉันเองก็มีความฝันเหมือนคนอื่น แต่ทำไมถึงดูถูกความฝันของคนอื่นว่าเป็นงานไม่ดีนะ พอฉันคิดได้แบบนั้นก็รู้สึกเสียใจมาก ๆ มันเป็นความคิดที่แย่มาก ๆ ด้วย ฉันอยากขอโทษนักเขียนทุกคนเลย ที่ไม่เคยอ่านงานของพวกคุณแต่ก็ไปคิดเอาเองแบบนั้น ฉันขอโทษนะคะ ขอโทษมาก ๆ ถ้ามีใครสักคนที่เป็นนักเขียนมือใหม่ หรือนักเขียนออนไลน์ได้เข้ามาอ่าน ฉันอยากให้พวกคุณรู้จริง ๆ ว่าฉันเสียใจ

          ทุกวันหลังกลับมาจากฝึกงานฉันเริ่มอ่านงานเขียนออนไลน์ด้วยล่ะค่ะ พยายามศึกษาว่าแนวทางนิยายออนไลน์เป็นไปในทางไหนแล้ว มันเปิดโลกมาก ๆ เพราะมีนิยายหลากหลายแนวที่ไม่เคยเห็นในหนังสือที่ตีพิมพ์มาก่อน พออ่านแล้วก็อยากจะเป็นกำลังใจให้คุณนักเขียนทุกคนเลย อยากให้เขียนเรื่องสนุกตามที่อยากเขียนออกมากันเยอะ ๆ เพียงแค่ไม่กี่วันฉันก็ได้รู้จักนักเขียนเก่ง ๆ หลายคนเลยค่ะ

           สุดท้ายนี้ฉันอยากขอบคุณพี่เรศที่ให้ฉันได้ลองตรวจนิยาย ขอบคุณคุณนักเขียนที่เลือกตีพิมพ์นิยายกับสำนักพิมพ์นี้ ทำให้ฉันได้รู้ว่านักเขียนนิยายออนไลน์ก็เขียนเก่งไม่แพ้นักเขียนที่มีชื่อเสียงเลย ขอบคุณตัวเองที่เปิดใจ ถึงได้เจอนิยายดี ๆ ไว้อ่านอีกมากมาย ขอบคุณใครบางคนที่เผลอกดเข้ามาอ่านบทความยาว ๆ เพ้อ ๆ นี้ของดิฉันจนถึงบรรทัดนี้นะคะ ขอบคุณและขอโทษคุณครูด้วยที่เขียนยาวเกินไป คุณครูที่เข้ามาตรวจอาจจะหงุดหงิดฉันได้ มันไม่รู้จะเขียนให้สั้นยังไงเลยค่ะ ความในใจของฉันมันเยอะเหลือเกิน...

           

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in