เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
The lost horizonmahtatar
เพื่อนใหม่
  • วินเซ็นต์กับเฉิน

    คิดว่าจะได้เจอเพื่อนใหม่ซักคนที่จีนป่ะ 
    คำตอบคือไม่ แค่คุยกันธรรมดายังไม่รู้เรื่องเลย ละจะให้เจอคนที่เรียกว่าเพื่อนใหม่ได้เลยเนี่ยนะ

    แต่ว่า ได้ว่ะ 555

    เล่าถึงวินเซ็นก่อนนะ เพราะว่าเจอก่อนเฉิน

    เราไปภูเขาหิมะมังกรหยกกันที่ลี่เจียงใช่มะ ละทีนี้ ทัวร์ที่เราไปเนี่ย เค้ามีหน้าที่แค่ขับรถมารับเราที่หน้าที่พัก พาไปส่งขึ้นกระเช้า แล้วรับกลับ พี่คนขับรถซึ่งควรจะเป็นไกด์ของเราเนี่ย เค้าก็แนะนำให้เรารู้จักกับเพื่อนร่วมทีม แล้วบอกว่า "นี่ทีมเดียวกันน๊าาา ไปไหนไปด้วยกันน๊าาา ดูแลกันด้วยน๊าาา ไปก่อนน๊าา แล้วเดี๋ยวเย็นๆมารับน๊าาา" จบหน้าที่ของไกด์ไว้เพียงเท่านี้ ละทิ้งเราสามคนใช้ชีวิตวันนี้กับเพื่อนร่วมทีม

    เราสามคนด้วยความเด๋อด๋าตามเรื่อง พี่ไกด์ก็เหมือนจะฝากฝังเราไว้กับคุณวินเซ็นว่าให้ช่วยดูแลไท้กั๋วสามคนนี้ด้วยนะ พี่วินเซ็นนี่ก็คนดี ดูแลเราดีตั้งแต่ขึ้นกระเช้า เพื่อนเราหายใจไม่ทันก็ยืนรออย่างใจเย็น บอกให้เอาอ็อกซิเจนกระป๋องมาสูดสิ จิบน้ำหน่อย เอาอะไรหวานๆมากินเพิ่มพลัง ดูแลดีจนเราคิดว่าเค้าน่าจะเป็นไกด์อีกคนที่คนขับรถตู้ให้มาดูแลทีม ทีนี้ก็ไม่มีความเกรงใจอะไรทั้งนั้น หยุดถ่ายรูปกันทุกจุด ฝากของฝากเสื้อกันหนาวกันสบายเลย พี่วินเซ็นเค้าก็ใจดี หยุดรอ ช่วยถือของ ช่วยถ่ายรูปให้เราสามคน 

    ทีนี้ตอนลงจากกระเช้ามากินข้าวกลางวันที่เป็นบุฟเฟ่หม้อไฟ ซึ่ง อร่อยสัส! อร่อยมาก!  ทีมที่มาด้วยกันเค้าเป็นคนจีนที่น่ารักนะ ไม่มีใครแย่งกันเลย ทุกคนกินกันน่ารักมาก พี่วินเซ็นถึงกับพิมในวีแชทมาบอกว่า "คุณกินได้ทุกอย่างที่อยากกินเลยนะ พวกเราเป็นคนจีนที่ดี" 555 ได้ทีอย่างนี้ เรากินยับเลย กินแบบไม่ม่ีความเกรงใจใครทั้งนั้น เพราะความจนที่ทำให้ขาดโปรตีนมาหลายวัน เลยกะตุนเผื่ออีกสามวันข้างหน้าไว้เลย

    ความพีคอย่างสุดท้ายที่ทำให้ได้คุณวินเซ็นมาเป็นเพื่อน (จนสุดท้ายเลื่อนมาเป็นพ่อ) ก็คือ ระหว่างทางขากลับ เราขอให้วินเซ็นช่วยคุยกับคนขับรถ ให้เค้าไปส่งเราที่สถานีรถบัส แทนที่จะเป็นหน้าที่พักหน่อย เพราะเราจะไปจองตั๋วไปแชงกีล่าของวันพรุ่งนี้ พี่วินเซ็นก็โอเคๆ คุยกับคนขับเรียบร้อย พร้อมเทศนาไปด้วยว่า มันไกลน๊าา อันตรายด้วย ยูสามคนจะไปกันถูกหรออ (ขนาดอยู่นี่มึงยังพึ่งกูกันยับเลย) 
    ไปถึงกลางทางพี่วินเซ็นก็บอกเราว่า เนี่ย เดี๋ยวไปแวะพี่เค้าที่โรงแรมก่อ (ว๊อทท?) ละเดี๋ยวจะพาเราไปซื้อตั๋วรถบัส 
    ไท้กั๋วสามคนก็เอ๋อแดก กลัวว่าเค้าจะหลอกอะไรกูป่าววะ กุไปเองด๊ายย ละล่ำละลักปฏิเสธเค้า เค้าก็ไม่ยอม คุยกันไปคุยกันมาเค้าบอกว่า เนี่ย เค้ามาเที่ยว เดี๋ยวเค้าจะต้องไปขึ้นรถไฟกลับคุนหมิง ระหว่างรอรถไฟ เลยจะพาเราไปซื้อตั๋วก่อน พร้อมยื่นบัตรประชาชนให้ดู ว่าเนี่ย กุคนดีนะโว้ยย เคยเป็นทหารด้วย เอ้า!! เดี๋ยว พี่มึงไม่ใช่ไกด์รึครับ ละที่เดินนำทาง ชี้นู่นนี่ อธิบายต้อยๆ เร่งเวลากยิกๆ คืออาร๊ายย ทำไมไม่บอกดาวคะ ดาวก็คิดว่าพี่เป็นไกด์ ดาวขอโต๊ดด...

    สรุปพี่เค้าก็พาเรามาซื้อตั๋วบัสอย่างที่สัญญา ล่ำลากันอย่างดีที่สถานี พี่วินเซ็นก็สั่งเสียเรามากมายว่า อยู่เนี่ย หัดต่อราคาของซะบ้างนะ ของทุกอย่างมันต่อราคาได้ อย่ารับของจากคนแปลกหน้า อย่าไว้ใจคนแปลกหน้า เค้าพาไปไหน อย่าไป (เอ๊ะ! เอ๊ะ!! เอ๊ะ!!! เอ๊ะ!!!! พี่! พี่ลืมเร๊อว่าพี่ก็คนแปลกหน้า 555) นั่นล่ะคะ ที่มาของเพื่อนใหม่คนแรกของเรา


    ส่วนอาเฉิน 
    เราเจอเค้าในกระเช้าที่ขึ้นไป ซือข่า สโนวเม้าเท่น นางเป็นโอปป้านางเดียวที่นั่งอยู่ในกระเช้า เราสามคนเลยถูกจับยัดไปในกระเช้าเดียวกับนาง นั่งไป อิไท้กั๋วสามคนนี้ก็ถ่ายรูป ร้องเพลง เสียงดัง ตามเรื่องตามราว หยิบขนมมากิน แบ่งขนมให้เค้ากิน เค้าก็ไม่กิน ชวนคุยก็ไม่คุย (เพราะคุยกันไม่รู้เรื่อง 555) เราเลยแซวเค้าขิงข่ากันไปตามเรื่องตามราว สุดท้ายเลยถามเค้าว่า มายังไง จากนี่ไปไหนต่อ เรากำลังจะไปที่นี่นะ เช่ารถมา ไปด้วยกันมะ เอ้า!! อินี่ก็ใจง่ายเฉย ตกลงไปกับเราซะงั้น จริงๆแล้วคือเค้าโดนเราหลอกให้ไปเป็นล่ามให้เรากับคนขับรถ 555

    เราเดินเล่น ใช้เวลากันบนภูเขานานมากกกก มันสวยมากจริงๆแกร หยุดถ่ายรูปทุกมุม ภูเขาดวงจันทร์แบบที่เราฝันไว้เลย

    เราเดินถ่ายรูปกันเพลิน จนคิดว่าอาเฉินไม่น่าจะรอไปเที่ยวกับเราแล้ว ปรากฏว่าเปล่าเว่ยยย นางเดินไปถึงยอดเขาก่อนเรา ตะโกนเรียกว่า "ยูวๆ ไท้กั๋วมาดูตรงนี้สิ มองจากบนนี้นะสวยมาก ยูสามคนถ่ายรูปมั๊ย เราถ่ายให้ จะถ่ายให้เราเหรอ ไม่เอาๆ เราไม่ชอบถ่ายรูปน่ะ บลาๆๆ) ขากลับเดินลุยหิมะกลับ นางยังอุตส่าห์ไปเดินทำรอยเท้าไว้ให้ข้างหน้า เราสามคนจะได้เดินง่ายๆด้วยนะ โคตรน่ารัก 555 

    ระหว่างที่ไปเที่ยวทะเลสาปกัน นางก็พาเดินไปดูนู่นนี่ ดีลกับลุงคนขับ หาร้านข้าวกลางวันกินกัน สั่งเค้กข้าวบาเล่ห์ กับ ghee tea มาให้กิน เพราะบอกว่าช่วยให้ดีขึ้นหลังจาก highland sickness แล้วที่เด็ดคือสั่งหม้อไฟน้องจามรีมาให้กินด้วย (ใช่แล้วค่ะ ตัวที่กุเพิ่งไปถ่ายรูปกับมันมามะกี๊ก่อนกินข้าวเนี่ยแหละ ฮือออ น้อนนน พี่ขอโต๊ดด...) หลังจากนั้นเราก็แยกย้ายกัน  เย็นวันนั้นยังเจอกันอีกที่จตุรัสอะไรซักอย่างที่มีคนมาเต้นรำ 

    สรุป เราเลยได้เพื่อนใหม่มาสองคนด้วยเหตุนี้ ขอบคุณวีแชท 555
    ใครบอกว่าคนจีนไม่น่ารัก เราเถียงใจขาดเลย ในเมืองใหญ่ๆอาจจะใช่ แต่ในเมืองไม่เล็กไม่ใหญ่อย่างนี้ ผู้คนก็น่ารักอยู่นะ ขอบคุณโลก (ที่ยังพอใจดีกับกูอยู่บ้าง) ที่ส่งสองคนที่น่ารักแบบนี้มารู้จักกับเรา เราจากกันด้วยมิตรภาพดีๆของคนคน ที่สองในห้านั้น เราคิดว่า แค่ผ่านมา แล้วก็จะผ่านไป
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in