เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
บันทึกสีสันของความทรงจำjuvy_ig
คริสต์มาสและปีใหม่
  • ฉันเป็นเด็กธรรมดาๆคนหนึ่งที่เคยชื่นชอบช่วงสิ้นปีเป็นที่สุด สำหรับตัวฉันในวัยเด็กแล้ว เมื่อยามที่เดือนสุดท้ายของปีมาถึง...เดือนธันวาคม...นั่นหมายถึงช่วงเวลาแห่งความสุขที่สุด ช่วงเวลาของวันเทศกาลที่หลั่งไหลเข้ามา ...กีฬาสี...คริสต์มาสอีฟ...คริสต์มาส...ปีใหม่...และช่วงเวลาใหม่ๆ...ฉันรักช่วงเทศกาล มันคือการหลั่งไหลเข้ามาของคำอวยพร ของขวัญ และ เงิน...เงิน...เงิน...

    ฉันเรียนโรงเรียนคริสต์ตั้งแต่ขึ้นประถม ตลอดหกปีที่เรียนอยู่โรงเรียนคริสต์ทำให้ฉันรู้สึกว่าช่วงคริสต์มาสไม่ใช่แค่วันที่จะมีคุณตาตัวอ้วนพุงพลุ้ยท่าทางใจดีแถมหนวดขาวยาวเฟิ้มมาแจกของขวัญให้เด็กดีโดยเขาจะนั่งลากเลื่อนที่ถูกลากโดยกวางเรนเดียร์ และจะมีกวางตัวหน้าสุดจะมีจมูกสีแดงที่เรืองแสงได้...นั่นรูดอล์ฟ...ฉันเก่งที่จำได้ใช่ไหมล่ะ!

    ในช่วงเทศกาลคริสต์มาส คุณครูและซิสเตอร์...ฉันหมายถึงแม่ชีในชุดขาวทั้งตัว จะพาพวกเราร้องเพลงอวยพรกัน เนื้อเพลงมีทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ อ่านดูแล้วทุกเพลงมีความหมายดีและน่ารักมากๆ ส่วนใหญ่จะเป็นการพูดถึงการกำเนิดของพระเยซูและความสุขที่จะมอบให้กันในวันนี้ เหมือนแสงสว่างที่เฉิดฉายขึ้นเมื่อพระคริสต์มอบของขวัญอันสำคัญให้กับมนุษย์ ฉันไม่แน่ใจนัก แต่เท่าที่คุณครูอธิบายเนื้อหาเพลงและเท่าที่ฉันตีความเอาเองก็ประมาณนี้

    ช่วงเทศกาลนี้พวกเราจะถูกลดเวลาเรียนลง(นั่นคือจุดที่ฉันชอบที่สุด!)เพื่อมาซ้อมร้องเพลง จะมีคุณครูผู้ชายคนหนึ่งไปนั่งที่คีย์บอร์ดไฟฟ้าบนเวทีสีฟ้าพาสเทลสดใส กลางเวทีมีคุณครูผู้หญิงวัยกลางคนมายืนถือไมค์ บอกพวกเราให้เปิดกระดาษไปตามหน้าที่เธอบอก และเริ่มร้องตามที่เธอนำให้โดยมีครูผู้ชายเป็นคนให้จังหวะ พวกเรานั่งถือกระดาษแผ่นสีขาว ร้องเพลงร่วมสิบเพลงซ้ำไปซ้ำมาในอากาศเย็นสบายช่วงบ่ายนิดๆโดยมีเสียงคีย์บอร์ดคลอประกอบ ฉันชอบความรู้สึกตอนนั้นมากทีเดียว

    'เพลงระฆังกังวานไกล สดใสและเบิกบาน'

    'มาร่ำร้องซ้องสาธุการ พระคริสต์กุมารบังเกิดแล้ว!'

    เพลงเร็วทำนองสนุกสนานเพลงนี้เป็นเพลงที่ฉันชอบมากเพลงหนึ่ง ทำนองเพลงนี้คือเพลง Jingle Bell จริงๆมันก็คือการเอามาแปลเป็นภาษาไทยนั่นล่ะ เพลงนี้ร้องค่อนข้างบ่อยเพราะต้องใช้ในการแสดงวันคริสต์มาสหลายการแสดง คุณครูจึงเคี่ยวเข็ญพวกเราอย่างหนักให้ร้องให้ได้ จนกระทั่งบางวันเราได้เรียนแค่ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น นั่นเรียกว่า 'พระเจ้าช่วย' ใช่รึเปล่านะ?

    'Love from heaven, born tonight, sing, children, sing'

    ...ความรักจากสรวงสวรรค์ได้กำเนิดขึ้นในคืนนี้แล้ว...แซ่ซ้องเถิดเด็กน้อย...

    'Fill our heart with the heavenly light Jesus brings.'

    ...เติมเต็มดวงใจของพวเราด้วยแสงสว่างจากสวรรค์ที่พระผู้เป็นเจ้านำมาสู่...

    เพลงทำนองเนิบช้าที่ฉันมอบโล่อันดับหนึ่งเรื่องความไพเราะให้ สำหรับฉันเพลงนี้คือเพลงที่เพราะที่สุดของเทศกาลคริสต์มาสแล้วล่ะ ทำนองเนิบช้าแต่ไม่เศร้า เนื้อเพลงที่มีความหมายถึงการปัดเป่าทุกข์และมอบความสุขให้กับผู้คน เป็นเพลงที่เรียบง่ายแต่ฉันว่ามันยิ่งใหญ่

    ในช่วงเทศกาลอย่างนี้ ทุกปีที่หน้าอาคารอำนวยการคุณครูจะตั้งซานตาครอสตัวโตเอาไว้...จริงๆอาจตัวค่อนข้างเล็ก แต่ถ้ามองในมุมของคนที่ส่วนสูงน้อยกว่าเกณฑ์อย่างฉันแล้ว...ก็ตัวโตอยู่นะ...
    ซานตาครอสตัวนี้จะยืนอยู่ข้างซุ้มที่ทำเป็นเหมือนกระท่อมเล็กๆ(ไม่ใช่กระท่อมที่เป็นพืชนะ ฉันบอกไว้ก่อนเลย!) ด้านในกระท่อมมีพระแม่มารีอา นักบุญโจเซฟ และพระเยซูตัวน้อยที่นอนอยู่ในห่อผ้าบนกองฟางเล็กๆ ส่วนซานตาครอสจะมีหน้าที่เป่าแซ็กโซโฟนและโยกตัวไปมาเป็นจังหวะดูน่ารักปนขบขัน ฉันและเพื่อนๆชอบไปยืนข้างๆชายแก่ในชุดสีแดงแล้วโยกตัวเลียนแบบเจ้าหุ่นขยับได้ตัวนั้น พวกเราทำอย่างนั้นบ่อยอย่างไม่รู้เบื่อ แต่เวลาที่ฉันเดินผ่านคนเดียวฉันก็จะทำเพียงแค่มองยิ้มๆเท่านั้น

    ช่วงเทศกาล พวกพี่ๆม.6จะหัวหมุนกันเป็นพิเศษเพราะหน้าที่ทำซุ้มเกมเป็นของพี่ใหญ่ของโรงเรียน พวกพี่ๆจะต้องแยกกันเป็นห้องๆเพื่อทำเกม จัดซุ้ม เตรียมการแสดงของห้อง วาดรูปโฆษณาซุ้มตัวเอง เตรียมของรางวัล และบางคนก็ถูกจับแต่งตัวเป็นการ์ตูนจากเรื่องต่างๆเพื่อเรียกน้องๆเข้าเล่นเกมในซุ้มตัวเอง
    เกมในแต่ละปีก็ไม่ค่อยต่างกันเท่าไหร่ ปาลูกเทนนิสให้ติดแผ่นบอร์ด ล้วงไหล่ารางวัล ล่าสมบัติ ปาไข่ ปาลูกโป่ง บิงโก...วนเวียนกันอยู่ไม่กี่อย่าง แต่ฉันก็ยังชอบอยู่ดี 

    น้องๆจะต้องเสียเงินเพื่อซื้อปึกคูปองอันใหญ่หลายปึกเพื่อไปเล่นเกม ซื้ออาหาร หรือแม้กระทั่งสอยดาว ทุกปีฉันจะซื้อแค่อย่างละชุด แต่มีอยู่ปีหนึ่งที่คุณครูเอาบัตรเกมและบัตรสอยดาวมายื่นให้ถึงมือฉัน แล้วบอกให้เอาไปเล่น ครูหนุ่มผิวขาวคนนั้นเป็นเพื่อนกับคุณอาของฉันเอง เขาเป็นคุณครูสอนศิลปะ

    'เอาไปเล่นเถอะ ครูไม่เล่นอยู่แล้ว'เขาบอกฉันอย่างนี้...ช่างสมกับเป็นเทศกาลแห่งการแบ่งปันและความสุขจริงๆ...

    ฉันยิ้มกว้างจนเจ็บแก้ม ยกมือไหว้ขอบคุณเขาแล้วจูงมือน้องสาววิ่งลิ่วไปทางซุ้มเกมเร็วๆจนเสื้อคาวบอยยับยู่ยี่ แล้วฉันก็กระหน่ำเล่นมันทุกซุ้มจนกระทั่งกระดาษสีเหลืองหมดเกลี้ยง เหลือเพียงแค่กระดาษสีฟ้าและสีชมพูเท่านั้น ฉันจึงล้วงมือเข้าไปในกางเกงยีนส์ หาเงินที่คุณแม่ให้เป็นค่าขนมในวันนั้นแล้วเอาไปแลกเป็นคูปองเกม ไม่นานมันก็หมดอีก แต่คราวนี้ฉันไม่ได้ไปแลกเพราะเงินเริ่มน้อยแล้ว และฉันยังอยากจะเก็บมันไว้ก่อน ถึงจะชอบเล่นเกมยังไง แต่ฉันก็ชอบความรู้สึกที่ในกระเป๋าเต็มไปด้วยเงินมากกว่าอยู่ดี

    พอสักประมาณเกือบๆเที่ยง ฉันในวัยแปดขวบก็วิ่งไปรวมกลุ่มกับเพื่อนๆที่อยู่ในชุดแนวคาวบอยกันครบเซ็ตตรงข้างเวที ฉันเม้มปาก หายใจลึกแล้วผ่อนออก ทำอย่างนี้หลายครั้งเพื่อคลายความตื่นเต้น การแสดงของฉันกับเพื่อนอยู่อันดับแรกๆ แต่ฉันก็กึ่งๆดีใจเพราะนั่นแปลว่าจะได้รีบแสดงรีบจบๆไป 

    คุณแม่ถ่ายรูปฉันในวันนั้นไว้พอสมควร พอย้อนกลับไปเปิดดูแล้วฉันรู้สึกว่ามันช่างน่าตลก นึกแล้วก็ไม่รู้ว่าฉันทำลงไปได้ยังไง ขึ้นไปเต้นบนเวที แถมถูกเพื่อนขอเปลี่ยนตำแหน่งกระทันหันจนต้องไปอยู่ด้านหน้า และถูกคุณครูที่ยืนด้านล่างเป่าแป้งฝุ่นใส่เต็มๆ!

    ปีต่อๆมาฉันก็ได้แสดงอีก แต่เป็นตอนอายุสิบขวบ ฉันต้องแสดงจินตลีลาในชุดนางฟ้าสีขาวครีมพองฟูเป็นสายไหม แถมต้องแต่งหน้าแต่งตา กรีดอายไลน์เนอร์จนหนักที่เปลือกตาพิลึก ตอนที่เพื่อนของคุณแม่กรีดอายไลน์เนอร์ให้ฉันแทบกรี๊ดเลย ฉันกลัวว่าเจ้าเนื้อครีมเยิ้มๆมันจะไหลเข้าไปในตาของฉัน ตลกดีใช่ไหมล่ะ แต่หลังจากแต่งหน้าให้ฉันกับน้องที่ต้องแสดงกันทั้งคู่เสร็จ ก็ต้องมาแต่งให้น้องสาวฉันใหม่อีกรอบเพราะพวกเราทะเลาะกัน แล้วท่าไหนก็ไม่รู้ น้องสาวฉันปล่อยโฮออกมาดังลั่น อายไลน์เนอร์สีดำไหลปนลงมากับน้ำตาดูน่ากลัว คุณแม่มองค้อนใส่ฉันแล้วรีบหันไปจัดการน้อง 

    มาถึงโรงเรียน ฉันก็ได้ขึ้นแสดงเป็นอันดับค่อนข้างท้าย จากนั้นก็เปลี่ยนชุดและออกไปเล่นซนตามซุ้มเกมต่างๆ น้องสาวฉันเองก็ด้วย วิ่งกันฉิวเชียวล่ะ 

    อีกส่วนที่สำคัญคือการสอยดาวในวันคริสต์มาส ฉันไม่ได้คาดหวังกับมันสักปีว่าจะได้อะไรใหญ่ๆเหมือนคนอื่น เพราะตลอดสี่ปีที่ฉันอยู่ในโรงเรียนหญิงล้วนนั้น ฉันก็จับได้แต่พวงกุญแจ สมุดบันทึกเล่มเท่าฝ่ามือ วุ้นเส้น แถมบางทีก็ได้ผงชูรสมาอีกแน่ะ!

    ฉันคาดหวังกับการจับของขวัญกับครอบครัวที่บ้านมากกว่า มันทั้งสนุกและตื่นเต้น ตอนเด็กๆฉันมักขอให้ตัวเองได้ของขวัญเป็นตุ๊กตาหมีหรือกระต่ายตัวโตๆสักตัว แต่ถ้าเป็นตอนนี้ฉันอยากจะได้เงินปึกใหญ่ๆมากกว่า(จะว่าร้อนเงินก็ไม่ผิดเสียทีเดียว) ว่ากันตามตรง ตอนนี้ฉันยังจ่ายค่าห้องไม่ครบด้วยซ้ำ(เป็นเด็กไม่ดีเลยเนอะ ฮ่า)

    ตอนเด็กๆฉันมักสนุกกับเทศกาลต่างๆ และชอบถามคุณแม่ว่าเมื่อไหร่เทศกาลนั้นจะมาถึงอีก...

    แต่พอโตมา ฉันรู้สึกว่าเทศกาลต่างๆไม่ได้พามาแค่ของขวัญ เงิน หรืองานเลี้ยงใหญ่ๆ...

    ...ความสุขช่วงเทศกาลของฉันคือการที่ญาติที่อยู่ไกลๆกลับมาเจอกันและร่วมฉลองด้วยรอยยิ้ม แต่ละคนต่างถามไถ่ชีวิตกันและกัน อวยพรให้ปีต่อไปมีแต่เรื่องดีๆ ให้กำลังใจกันว่าเรื่องแย่ๆในปีนี้กำลังจะผ่านพ้นไป บรรยากาศอบอุ่นที่ฉันได้เฝ้ามองมาตลอดหลายปีนี่ล่ะ คือสิ่งที่ฉันคิดว่ามันช่างพิเศษที่สุด...

    ...

    สุขสันต์วันคริสต์มาส...และสุขสันต์วันปีใหม่ให้กับทุกๆคนที่เข้ามาอ่านนะคะ...

    ...ขอให้เรื่องแย่ๆที่เกิดขึ้นตลอดทั้งปีนี้ผ่านไป และให้วันและคืนพัดพาเอาความสุขและความท้าทายใหม่ๆในปีต่อไปมาหาทุกคน ขออวยพรให้ทุกคนมีความสุข สุขภาพแข็งแรงและมีอายุยืนยาวสามารถมองโลกที่สดใสนี้ไปได้นานๆกันด้วยนะคะ!

    ปล.ในปีนี้ครอบครัวของฉันมีสมาชิกใหม่มาร่วมฉลองด้วยล่ะ หลานสาวของฉันเอง! ลูกสาวของพี่ชายที่หน้าตาน่ารักน่าชัง ฉันอาจจะเขียนบันทึกเรื่องน่ารักๆของเธอลงบ้างถ้าฉันว่างอีก

    ...ขออวยพรให้มีความสุขกันอีกครั้งนะคะ สวัสดีปีใหม่ล่วงหน้าค่ะ

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in