เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
เดือนหนาวกับการฝึกงานในฤดูฝนเดือนหนาว
ฝนตกแดดออก
  • วันแรกที่แสงแดดสาดส่องโต๊ะทำงาน


         ตั้งแต่ฝึกงานวันแรก เวลาก็ผ่านมาราวๆ หนึ่งเดือนแล้ว 
         วันนี้เธอมาถึงออฟฟิศประมาณ 8.00 น. มาถึงก็เปิดคอม ปัดกวาดโต๊ะทำงาน ทิ้งขยะ ชงกาแฟ แล้วเริ่มทำงาน เธอทำทุกอย่างตามความเคยชิน และทุกอย่างก็ดูปกติดี
         เว้นแต่...
         "ไง วันนี้รถติดมากเลย"
         เดือนหนาวหันไปมอง เตรียมเอ่ยทักทายพี่ต้นตามปกติ แต่ภาพที่อยู่ตรงหน้าทำให้เธอนิ่งไป 
         มีผู้ชายอีกคนหนึ่งยืนอยู่ข้างพี่ต้น
         "Good morning" ผู้ชายคนนั้นเอ่ยขึ้น
         เดือนหนาวจำเสียงนี้ได้ เธอได้ยินเสียงคล้ายๆ เสียงนี้ผ่านโทรศัพท์หลายครั้ง เขาคือ 'คุณจิม' ชายชาวจีนที่จะมาประจำที่ไทยเดือนละสองอาทิตย์
         "Jim, This is Naw. She is trainee." พี่ต้นแนะนำ
         "Good morning, Jim" พอได้สติ เดือนหนาวก็เอ่ยทักทายพร้อมส่งยิ้้มให้

         ตอนเดือนหนาวเข้ามาฝึกงาน เธอใช้โต๊ะทำงานคุณจิม เมื่อคุณจิมกลับมาจึงจำเป็นต้องคืนโต๊ะให้คุณจิม 
         พี่ต้นซื้อโต๊ะใหม่มาหนึ่งตัวเพื่อให้เดือนหนาวใช้ทำงาน ทั้งสามคนใช้เวลาต่อโต๊ะและจัดห้องทำงานใหม่ไม่นาน
         โต๊ะทำงานใหม่ของเดือนหนาวอยู่ข้างๆ โต๊ะพี่เมเม่ ตำแหน่งโต๊ะทำงานใหม่นี้มีข้อดีสองอย่างด้วยกัน อย่างแรกคือช่วยให้ปรึกษางานพี่เมเม่ได้สะดวกยิ่งขึ้น และอีกอย่างคืออยู่ใกล้หน้าต่าง ทำให้ได้รับแสงสว่างมากขึ้น แต่ถ้าถามว่ามีข้อเสียไหม ก็คงต้องตอบว่ามี เพราะนอกจากต้องคืนโต๊ะให้คุณจิมแล้ว เดือนหนาวยังต้องคืนเก้าอี้ให้เขา และเก้าอี้ตัวนั้นก็นั่งสบายซะด้วย
         เดือนหนาวเสียดายไม่น้อย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เธอคืนเก้าอี้ให้คุณจิมและไปยกเก้าอี้ไม้มานั่งแทน

    โต๊ะทำงานใหม่ของเดือนหนาว
         ไม่นานพี่ๆ ทุกคนก็มมาถึงออฟฟิศ ทุกคนทักทายและพูดคุยกันเล็กน้อยก่อนแยกย้ายกันไปทำงาน
         "หนาว เดี๋ยวหนาวอีดิทงานตามนี้นะ" พี่เมเม่ยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งมาให้ ในนั้นมีรายชื่อนิยายอยู่เต็มหน้ากระดาษ บางเรื่องมีไฮท์ไลท์สีฟ้าขีดอยู่พร้อมข้อความเล็กๆ ว่า 'Naw' รวมถึงมีการกำกับจำนวนตอนที่ต้อง edit ไว้ด้วย
         ที่ผ่านมาเดือนหนาวได้ edit แต่นิยายรักชายหญิง แต่ครั้งนี้ต่างออกไป เพราะมีทั้งนิยายรักชายหญิง นิยายรักชายชาย และนิยายย้อนยุค
         'น่าสนุกดีเหมือนกัน' เดือนหนาวคิดในใจ
         นอกจากไฟล์นิยายแล้ว เธอยังได้ไฟล์ excel มาด้วย ไฟล์นั้นเต็มไปด้วยชื่อตัวละคร
         "ดูชื่อตัวละครดีๆ นะ อย่าให้ผิด ชื่อนี่สำคัญเลย" พี่เม่เม่พูดขณะที่เดือนหนาวกำลังไล่ดูชื่อตัวละคร "นิยายเรื่องเดียวกันก็จริง แต่บางทีใช้คนแปลคนละคน ชื่อเดียวกันเขาเลยพิมพ์ไม่เหมือนกัน ต่อให้คนแปลคนเดียวกัน บางทีก็พิมพ์ชื่อเดิมไม่เหมือนเดิม หรือไม่เขาก็พิมพ์ชื่อแปลกๆ เราก็ต้องแก้"
         เรื่องนี้เดินหนาวพอเข้าใจอยู่บ้าง เพราะเรื่องที่เธอเคย edit บางทีก็พอชื่อที่ผันวรรณยุกต์ไม่ถูกต้อง เช่น หลูฉี๋ ควรแก้เป็น หลูฉี เพราะ ฉ เป็นอักษรสูง และ 'ฉี' เป็นคำเป็น ดังนั้นเสียงจัตวาจึงไม่ต่างกับเสียงสามัญ และเวลาเขียน ต้องเขียนให้อยู่ในรูปสามัญ

         ทำงานไปได้ไม่นาน เวลาก็ล่วงเลยจนได้เวลาอาหารกลางวัน พี่ต้นพาคุณจิมไปกินอาหารกลางวันก่อนแล้ว ตอนนี้ในห้องเหลือแต่สาวๆ ทั้งสี่คน (วันนี้ปริ่มไม่มา)

         "หนาว วันนี้กินโตเกียวไหม" พี่เม่ถาม
         "ไปค่ะ"
         "พี่ว่าโตเกียวร้านลุงต้องใส่กัญชาแน่ๆ เลย พวกเธอสองคนถึงได้กินทุกคน" พี่หยกพูดติดตลก
         "หนูก็ว่างั้นแหละ พี่หยกเอาอะไรไหมคะ" เดือนหนาวถาม
         "งั้นพี่ฝากซื้อโตเกียวด้วย"
         "อ้าวหยก เมื่อกี้หยกยังบอกว่าโตเกียวร้านลุงใส่กัญชาอยู่เลย" พี่แป้งแซว
         "ก็เห็นน้องกินทุกวันเลย หยกอยากลองกินบ้าง พี่แป้งลองไหมคะ"
         "งั้นพี่แป้งฝากซื้อโตเกียวด้วย"
         ทุกคนหัวเราะ
         
         โตเกียวที่ทุกคนพูดถึงคือโตเกียวรถเข็นของลุงคนหนึ่งในตลาดหลังธนาคารออมสิน เป็นร้านโตเกียวที่พี่เมเม่และเดือนหนาวกินแทบทุกวัน จนพี่ๆ คนอื่นๆ แซวว่าลุงต้องใส่กัญชาในโตเกียวแน่ๆ

    ร้านโตเกียวคุณลุง

         เมื่อกินอาหารกลางวันเรียบร้อยทุกคนก็รีบทำงานต่อจนถึงเวลาเลิกงาน
         "ไป ปิดคอมกลับบ้าน ฝนจะตกแล้ว" พี่แป้งสั่ง จากนั้นทุกคนจึงรีบเก็บของ เตรียมกลับบ้านทันที

         ระหว่างทางกลับบ้าน พี่เมเม่ก็ถามว่า "อีดิทนิยายพีเรียดเป็นไงบ้าง"
         "บรรยากาศมันก็ดูพีเรียดดีนะ แต่ประโยคพูดบางประโยคมันก็ดูไม่ต่างจากนิยายสมัยใหม่เท่าไหร่"
         "อันนี้มันขึ้นอยู่กับคนแปลด้วยแหละ แต่บางทีถ้าคนแปลแปลมาไม่ดี เราก็ต้องทำให้มันพีเรียดเอง เดี๋ยวพรุ่งนี้เราลองส่งไฟล์ที่เราอีดิทให้ดู"
         "ได้ค่ะ"

         มีอีกหลายอย่างที่เดือนหนาวต้องเรียนรู้ บางครั้งเธอก็แอบตั้งคำถามในใจว่าเวลาแค่สองเดือนมันจะพอจริงๆ เหรอ
         แต่พอมาคิดดูอีกที เวลาแค่นี้ก็ทำให้เธอได้เรียนรู้อะไรเยอะเหมือนกัน

         เหลือเวลาอีกหนึ่งเดือน
         จะว่านานก็นาน
         จะว่าสั้นก็สั้น
         แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องพยายามให้ถึงที่สุด


    เรื่องโดย เดือนหนาว
    ภาพโดย DO ME O

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in