เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
เพนกวิ้นท่องเที่ยวpenguintravel3
ตั้งใจ [อุดรธานี-ลาว-หนองคาย]
  • การออกไปท่องเที่ยวครั้งนี้ ยกให้เป็นที่สุด...


    ย่างเข้าเดือนที่สามของปี เดือนมีนาคม พวกเราออกเดินทางกันไปหลายที่ แต่คราวนี้เราต้องวางแผนกันให้รอบคอบและรัดกุม เพราะเหล่าเพนกวินจะออกไปท่องเที่ยวนอกประเทศแล้ว~


    ตารางงานพี่เอ๊ะเป็นจุดเริ่มต้นอีกเช่นเคย ด้วยหัวใจรักการท่องเที่ยวของพวกเรากวาดตาปราดเดียวก็เห็นว่าพี่เอ๊ะจะมีคอนเสิร์ตที่เวียงจันทน์ ประเทศลาว บ้านพี่เมืองน้องของเราเอง แถมเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ซะด้วย แบบนี้จะพลาดได้เหรอ


    ใช้เวลาตัดสินใจไม่ถึงหนึ่งนาทีตามเคย ว่าแต่ จะไปยังไงดีล่ะ? พวเราคิดวิธีการเดินทางสารพัดรูปแบบตั้งแต่นั่งเครื่องบินบินตรงไปเวียงจันทน์เลย มันเร็วและสะดวกก็จริงอยู่แต่มันก็ออกจะผิดวัตถุประสงค์ของการท่องเที่ยวเชิงติ่งของพวกเราไปหน่อย หรือจะนั่งรถไฟไปลงหนองคายแล้วค่อยนั่งรถบัสข้ามพรมแดนไป สบายขึ้นมาหน่อยแต่เราก็ไม่แน่ใจว่าการนั่งรถไฟจะไม่คุ้มเพราะเราจะได้เที่ยวน้อย


    มีการวางแผนอย่างจริงจัง


    สุดท้ายทางที่เราคือก็คือการนั่งรถทัวร์ไปลงที่จังหวัดอุดรธานีกันก่อน


    เช้าวันเสาร์รถทัวร์ก็แล่นมาถึงสถานีปลายทางที่จังหวัดอุดรธานี ทริปนี้เราวางแผนกันมาดิบดีว่าจะเที่ยวที่ไหนกันบ้าง ที่นี่มีที่เที่ยวสวยๆ เยอะมาก มาเสียจนเราต้องตัดบางที่ออกไปเพราะเวลามีไม่พอจะให้เที่ยวจนครบ (เสียดายมาก ตั้งใจว่าคราวหน้าจะมาซ้ำ) พวกเราสามชีวิตก้าวขาลงจากรถทัวร์ด้วยความตื่นเต้น เพราะไม่มีใครเคยมาจังหวัดนี้มาก่อน สถานีขนส่งเต็มไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตาทั้งนักท่องเที่ยว คนท้องถิ่นที่เพิ่งกลับบ้านเกิด รวมทั้งรถรับจ้างต่างๆ ที่โบกมือทักทายพร้อมให้บริการนำเที่ยว


    เราทั้งหมดไปล้างหน้าแปรงฟันเรียกความสดชื่นหลังจากนั่งรถหลายชั่วโมงจากกรุงเทพฯ ก่อนเอากระเป๋าเสื้อผ้าไปฝากไว้ในห้องเก็บของของสถานีขนส่งที่มีบริการรับฝากของ (คนละ 20 บาทเอง) พอปลดสัมภาระแล้วเราก็พร้อมที่จะออกไปเที่ยว


    สถานที่แรกที่เราตั้งใจจะไปคือ สวนสาธารณะหนองประจักษ์ศิลปาคม เราจะไปดูเป็ดยักษ์กันล่ะ มันต้องน่ารักมากแน่ๆ ตุ๊กตาเป็ดสีเหลืองตัวใหญ่ในสระน้ำกว้างๆ คนพร้อม กล้องพร้อมทุกอย่างพร้อม


    แต่เป็ดไม่พร้อมจ้า...


    ไม่ มี เป็ด (เศร้ามาก) สอบถามจากคนอุดรใจดีที่มาออกกำลังกายที่สวนก็ทราบว่า เพราะช่วงนี้ีมีพายุเข้า เจ้าหน้าที่กลัวว่าเป็ดจะปลิวก็เลยเก็บซะ พวกเราก็เข้าใจถึงความจำเป็น แต่ก็ผิดหวังนิดหน่อย...แต่ก็มาก เอาเถอะ ไว้คราวหน้าก็แล้วกันนะเจ้าเป็ด เราเดินเล่นกันรอบสวนเลย อากาศตอนเช้าดีมากๆ ที่สวนมีต้นไม้เยอะแยะร่มรื่น มีสะพานเขวนด้วย เราถ่ายรูปกันที่นี่นานพอสมควร รู้ตัวอีกทีท้องก็ร้องประท้วงว่าได้เวลาอาหารเช้าแล้ว พวกเรากก็ไปกินอาหารเช้าง่ายๆ ที่ร้านข้างสวนนั่นเอง มีก๋วยจั๊บญวน (ทางอีสานเรียกข้าวเปียก) ไข่กระทะ กับขนมปังไว้กินคู่กัน อิ่มอร่อยกันไป


    หนองน้ำกว้าง


    ลืมบอกว่าสำหรับการเที่ยวในตัวเมืองอุดรครั้งนี้พวกเราว่าจ้างรถสามล้อนำเที่ยวคันหนึ่ง (ราคาไม่แพงเลย) พี่คนขับก็ใจดีมากอดทนรอแถมให้คำแนะนำที่เที่ยวได้ดีเลย สถานที่ต่อไปของเราคือ ศูนย์วัฒนธรรมไทย - จีน ซึ่งที่นี่เหมือนจำลองบรรยากาศเมืองจีนสมัยก่อนเอาไว้ (รู้สึกเหมือนอยู่ในหนังจีน) ข้างในมีรูปปั้น ภาพปั้นต่างๆ ที่บอกเล่าเรื่องราว บ้างก็เป็นประวัติบุคคลสำคัญ บ้างก็เป็นนิทานสอนใจ เราใช้เวลาที่นี่กันพักใหญ่ และที่เป็นไฮไลต์เลยก็คือบ่อปลาคาร์ฟขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยปลาคาร์ฟมากมาย พวกเราให้อาหารปลากันสนุกไปเลย พอเดินดูจนพอใจแล้วเราก็เริ่มหิว (อีกละ) ก็เลยไปที่ร้าน Beyond Café ร้านน่ารักมากกาแฟกับเค้กก็อร่อย เมื่อท้องอิ่มกองทัพก็พร้อมออกเดินทางไปยังจุดหมายต่อไป


    บรรยากาศเหมือนหนังจีน

    ให้อาหารปลาคาร์ฟ

    ร้านกาแฟน่ารัก


    เรากลับมาที่สถานีขนส่งอีกครั้งเพื่อต่อรถไปยังสะพานมิตรภาพไทย - ลาว ที่จังหวัดหนองคาย นั่งรถไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงจากอุดรธานี ที่นี่เราต้องมารับบัตรผ่านแดน (สำหรับคนไม่มีพาสปอร์ต) เพื่อใช้ข้ามแดนไปยังประเทศลาว ก่อนจะต่อรถโดยสารระหว่างประเทศไปลงที่เวียงจันทน์ อยากจะบอกว่าตอนที่ข้ามสะพานมิตรภาพฯ เป็นอะไรที่ตื่นเต้นมากที่เห็นธงชาติไทยเปลี่ยนเป็นธงชาติลาว และป้ายต่างๆ ก็กลายเป็นภาษาลาวและภาษาอังกฤษ ทำให้เรารู้ว่าเราได้ข้ามพรมแดนออกจากประเทศไทยมาเรียบร้อยแล้ว


    เรานั่งรถมาลงที่ตลาดเช้าซึ่งเป็นสถานีขนส่งของกรุงเวียงจันทน์ และเรียกรถรับจ้างเพื่อไปส่งที่ที่พักซึ่งอยู่นอกเมืองไปอีก ต่อราคากันสนุกไปเลย (จริงๆ ไม่ค่อยประทับใจรถรับจ้างนี่เท่าไรเพราะไม่รู้ทางและเรียกแพง ถ้าใครจะมาก็ศึกษาเส้นทางดีๆ ราคาไม่ควรเกินคนละ 150 บาท และอย่าลืมแลกเงินกีบมาเยอะๆ เพราะถ้าให้เป้นเงินไทยเขาจะทอนเป็นเงินกีบที่ไม่แน่ใจว่าให้มาครบไหม) เรามาถึงที่พักกันด้วยความเหนื่อยอ่อน ซึ่งที่พักก็ต้องเปลี่ยนห้องถึงสองรอบเพราะความไม่พร้อมของห้องพักไฟไม่ติดบ้าง น้ำไม่ไหลบ้าง แต่พวกเราก็ไม่ถือสาอะไร คิดเสียว่าเป็นประสบการณ์ใหม่ๆ สนุกดี เจ้าของที่พักก็ใจดีด้วย มีเงินกีบให้แลก พาไปซื้ออาหาร พาไปส่งที่ร้านที่พี่เอ๊ะเล่น แถมขากลับก็ยังพาไปส่งในตัวเมืองอีก


    หลังจากเราอิ่มอาหารเย็นอย่างง่ายๆ กันแล้ว ก็เตรียมตัวที่จะไปที่ร้านกัน ซึ่งเราไม่รู้ทางเลยหาแผนที่ก็ยาก จนต้องไปปรึกษาพี่สาวที่เป็นลูกเจ้าของที่พัก และพี่เขาก็ใจดีพาไปส่งถึงร้านเลย คืนนั้นเราไปกันที่ร้าน HUG YOU เพิ่งเคยใช้เงินกันเยอะขนาดนี้ คืนนึงใช้เงินเป็นล้าน (นับเงินเป็นปึกจ่ายค่าโต๊ะ) คืนนั้นเราสนุกกันสุดเหวี่ยง


    อากาศกลางคืนเย็นสบาย

    มืดไปหน่อยแต่แสงก็สวยดี


    เช้าวันต่อมาก็เป็นวันที่เราต้องกลับประเทศไทยแล้ว เสียดายที่มีเวลาน้อยไปหน่อย แต่พวกเราก็ตั้งใจว่าจะใช้เวลาหนึ่งวันในเวียงจันทน์ให้คุ้มเลย ด้วยความกรุณาของเจ้าของที่พักและสามี พวกเราทั้งสามคนก็ไปถึงสถานีขนส่ง (ตลาดเช้า) กันโดยไม่หลงทาง หลังจากซื้อตั๋วรถโดยสารขากลับเรียบร้อยแล้วเราก็จะเที่ยวกันล่ะ  แต่ก่อนอื่นก็ต้องเติมเต็มพุงน้อยๆ ของพวกเราก่อน (กินอีกละ) ว่าจ้างสามล้อนำเที่ยวอีกตามเคย แต่คราวนี้คนขับบริการดี หลังจากกินอิ่มก็ไปเยี่ยมญาติของเพื่อนที่ไปด้วยกันเล็กน้อย ไปเที่ยว ประตูไซ (ประตูชัย) ที่เดินขึ้นบันไดเหนื่อยมากกกก ต่อกันที่ พระธาตุหลวง สถานที่สำคัญทางศาสนา และไปกินอาหารกลางวันกันที่ริมโขง


    พระธาตุหลวงกับท้องฟ้าสดใส

    สวยจนตะลึงไปเลย

    ประตูชัยและแสงแดดจ้า

    เฝอเจ้าเด็ด

    Joma Bakery Café แวะพักคลายร้อน


    จากนั้นก็ได้เวลานั่งรถกลับเมืองไทยกันแล้ว เรากลับมาขึ้นรถโดยสารระหว่างประเทศเพื่อไปลงที่จังหวัดหนองคาย ที่เป็นปลายทางสุดท้ายของทริปนี้


    ที่หนองคายเราเดินเล่นเรื่อยมาจากสถานีขนส่งมาดูพระอาทิตย์ตกที่ริมโขง ภาพดวงอาทิตย์ดวงโตกำลังเคลื่อนลงมาที่ขอบฟ้าเป็นอะไรที่ประทับใจจนยากจะลืม เราทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดของทริปนี้ ความงง ความหลงทาง สถานที่ท่องเที่ยว มิตรภาพ ทุกๆ อย่างหลอมรวมกันเป็นความทรงจำที่สวยงาม


    กวิ้นริมโขง


    การท่องเที่ยวไม่ได้ให้แค่ความสนุกชั่วครั้งชั่วคราว แต่สร้างสายสัมพันธ์บางอย่างที่จะอยู่กับพวกเราตลอดไป



    ป.ล. เพลงนี้เป็นเพลงที่เหมาะกับความทรงจำครั้งนี้ของพวกเรามาก แม้จะเนื้อหาจะฟังดูเศร้า แต่เชื่อเถอะว่าพอฟังจบ พวกคุณจะยิ้ม


    - ตั้งใจ -



เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in