เค้าว่ากันว่าวันเวลาแห่งความสุขมักผ่านไปเร็วเราว่าจริงนะ ฝึกงานแปปๆก็ครบเดือนแล้ว กิจวัตรประจำวันของเราคือการตื่นแต่เช้าาาา อาบน้ำแต่งตัวไปลุยกับการจราจรให้ถึงสนามบิน ก่อนแปดโมงครึ่งเพื่อจะเดินเข้าไปแสกนนิ้วไม่ให้เกิน9.00

ในส่วนของงานเรานั้นจะไม่ลงดีเทลนะคะ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นงานเอกสารFiling ช่วยงานพี่ๆในออฟฟิศเล็กๆน้อยๆ ใครงานเยอะเค้าก็จะให้เราไปช่วยพี่คนนั้น พี่เค้าก็จะค่อยๆเริ่มสอนให้ทำทีละนิด จาก 1 ไป2 ไป 3ไป 4 สอนให้รู้จักขอบข่ายของงานในแผนกนี้มองเห็นภาพรวมว่าแผนกนี้ทำอะไร เราจะได้รู้จุดยืนของเราว่างานของเรานั้นเป็นฟันเฟืองอยู่ในส่วนไหน

จนมาวันนึงพี่หัวหน้าใหญ่จากตึกข้างนอกเข้ามาตรวจงานตามปกติ เค้าก็มาเยี่ยมเด็กฝึกงานอย่างเราด้วย พี่เค้าก็มาถามไถ่เรื่องงานเรื่องความคิดเห็นเราสุดท้ายเค้าก็บอกว่า“แผนกนี้เป็นเสมือน Adminกลางเราจะส่งน้องไปวนในทุกๆแผนกที่แผนกนี้ส่งพนักงานไปอยู่ชั่วคราว” พี่ๆแอดมินที่นี่จะถูกย้ายไปประจำอยู่ในแผนกอื่นๆเพื่อเรียนรู้งานใหม่ๆประมาณ3 เดือนวนๆกันไป ซึ่งเราก็ต้องไปอยู่ในความดูแลของพี่ที่ถูกRotate ไปอยู่แผนกนั้นอีกที

วันจันทร์ที่9 กุมภาพันธ์2558 เราถูกย้ายเป็นครั้งแรกไปที่แผนก Marshaller ที่นั้นมีManager หน้าตาดุดันโผงผาง จริงจัง แต่ก็มีมุมใจดีชื่อพี่มาด(นามสมมติ)

แผนกMarshaller นั้นตั้งอยู่บริเวณใต้อาคารผู้โดยสาร ฝั่งConcourse A5 ไกลกับแผนกที่เราประจำอยู่ตอนแรกคนละฝากลานจอด เนื่องจากเราต้องมาแสกนนิ้วที่เครื่องแสกนฝั่งE5 ทุกเช้า-เย็นการเดินทางนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย จะให้เดินเท้าทุกวันก็คงไปไม่ถึง ในวันแรกมีพี่ใจดี เรียกรถมาเผื่อเราให้รับเราไปส่งที่ A5วันนั้นเป็นวันที่ดีมากแต่รถนั้นก็ไม่ได้มีมาทุกวัน

วันต่อมาเราต้องเรียนรู้ที่จะเดินทางด้วยตัวเอง พี่เค้าบอกว่าให้เราไปรอรถเวียนอยู่บริเวณหน้าE8 จะมีรถมาทุก30 นาที รอบที่เราขึ้นจะมีเวลา 8.40และ 9.10ถ้าเรามาไม่ทันรอบ8.40 รถใช้เวลาแวะที่ช่องทางต่างๆกว่าจะไปถึง ช่องทางที่ 1ที่ใกล้บริเวณConcourse A มากที่สุดก็เกือบๆ20 นาที

รถเวียนนั้นมี2 คันบางวันรถก็เสีย บางวันรถก็มาช้าทำให้เราไปถึง A5 สายมากบางทีก็ 9โมงกว่า บางวันก็เกือบ10โมง แต่พี่เค้าบอกว่าไม่เป็นไร แสกนนิ้วให้ตรงเวลาก็พอ เราก็โล่งใจไปเปราะนึง

แผนกMarshaller นั้นมีหน้าที่ในการรับ-ส่งอากาศยานสื่อสารกับนักบิน ทำงานกลางแดดกลางฝน จึงมีแต่พนักงานผู้ชายประมาณกะละ 20กว่าคน(ถ้าจำไม่ผิดนะ)ทุกคนก็จะทำงานหมุนเปลี่ยนเวลากันไปเป็นทีมๆจะมีพนักงาน Planner 2 คนนั่งประจำห้องมุมห้อง คอยดูและแจกแจงตารางงานของพนักงานแต่ละคนถัดมาเป็นโต๊ะ admin แล้วก็โต๊ะDuty Supervisor Manager ตามลำดับตรงกลางเป็นโต๊ะกลางใหญ่ๆที่พี่ๆพนักงานจะใช้พักผ่อนกินข้าวดูหนัง เขียนรายงาน ฯลฯ

ตอนแรกงานของเราก็เป็นงานที่ช่วยพี่แอดมินทำเอกสารสนับสนุนสำหรับแผนกนี้เหมือนเคย แต่พอเราทำไปได้ซักอาทิดกว่าๆในแผนกก็มีปัญหาเกิดขึ้น(เราไม่ขอลงดีเทลนะคะ) หลังจากนั้นพี่Planner ก็ถูกย้ายไปทำงานอยู่ตึกนอกตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา ทำให้โต๊ะ Planner ว่างลง...

- -

เรื่องไปฝึกงานหลายๆคน(รวมถึงเราด้วย)คิดว่าการไปฝึกงานสนามบินเราจะต้องเรียนภาษา
เรียนการโรงแรมท่องเที่ยว อะไรแบบนี้ใช่ไม๊คะเราก็คิดแบบนั้น แต่ว่าเราก็ไม่ยอมแพ้
งานที่สนามบินนั้นมีหลากหลายมากต้องการคนจากทุกสาขาวิชาเลยจริงๆ
ลองหาตำแหน่งที่เกี่ยวข้องกับการเรียนของเราก่อนแล้วลองดูว่าบริษัทนั้นรับเด็กฝึกงานหรือไม่
หรือลองเดินwalk-in เข้าไปสอบถามพี่ๆHR ดูก็ได้ว่าอยากฝึกงานตำแหน่งประมาณนี้พอจะเป็นไปได้ไม๊
ถ้ายังไม่กล้าก็ลองเปิดอินเตอร์เน็ตดูก่อนก็ได้แล้วค่อยตัดสินใจเราเองเป็นคนนึงไปทิ้งใบสมัครเอาไว้เลยแล้วพี่เค้าก็โทรมาตามไปสัมภาษณ์ตอนสัมภาษณ์ ตอนแรกเกร็งมากแต่ก็พยายามเป็นตัวเราร่าเริงไว้ ยิ้มเยอะๆ ไรงี้เค้าให้ลองแนะนำตัวเป็นภาษาอังกฤษแล้วก็ถามว่าทำไมถึงอยากมาทำงานที่นี่แล้วก็มีให้ทดสอบจับเวลาพิมพ์ดีดด้วยนะเตรียมตัวไปดีดี อายรอนานมากกกไปถึงก่อนบ่ายโมง ได้สัมภาษณ์บ่ายสาม คนสุดท้ายเพราะตำแหน่งไม่เหมือนชาวบ้านชาวช่องเค้า55555 ใครอยากไปฝึกงานก็ขอให้ทุกคนโชคดีนะคะ

อาย