เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Ramp Internairinc
วิทยุสื่อสาร
  • ในวันแรกที่ไม่มีพี่Planner ประจำอยู่ในห้องนี้ พี่ๆ Marshaller วุ่นวายมากเนื่องจากไม่มีคนคอยบอกตารางงานเช่นเคย แล้วจู่ๆเราก็จับพลัดจับผลูไปนั่งแทนที่ เพราะเป็นคนที่ว่างที่สุดในห้องนั้น

    วันแรกที่โดนเรียกไปนั่ง เกิดจาก ตอนนั้นในห้องมี Supervisor คนเดียว เค้าต้องออกไปรับเครื่องตามตารางเวลา หันซ้ายหันขวา เห็นเรานั่งหาวอยู่เลยเรียกมา "น้องอาย มาเฝ้าโต๊ะให้พี่แปปนึง เดี๋ยวพี่ขอออกไปตามหาความฝันก่อน" พร้อมกับยื่นวิทยุสื่อสารมาให้เรา 2 อัน เราก็รับไว้อย่าง งงๆ

    หน้าที่ของเราจากเดิมทำแค่งานเอกสาร ก็เปลี่ยนไปกลายไปเป็นผู้ช่วย Supervisor ในการดูหลุมจอดอากาศยาน รวมถึงเวลาขึ้นลงจากทางแผนกใหญ่ ที่จะคอยให้ข้อมูลรวมถึงต้องคอยฟังวิทยุสื่อสาร เพื่อที่จะแจ้งหารถไปรับพนักงานที่ไปทำงานตามหลุมจอดอากาศยานต่างๆ

    ความสนุกมาเริ่มที่ตรงนี้ ในตอนแรกเราเองไม่กล้าคุยผ่านวิทยุสื่อสารเลย อายเสียงตัวเอง 55555 แต่ก็คอยสังเกตพี่ซุปและทำตาม เรารู้สึกว่าเราหัวไวมากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เรียนรู้งานแบบครูพักลักจำอย่างรวดเร็ว เริ่มจากสิ่งเล็กๆก่อน เช่น การจำตัว alphabet (ex. A-alpha B-Bravo C-Charlie D-Delta E-Echo) เพื่อบันทึกหลุมจอดเวลาที่ทาง CCC เค้าแจ้งเครื่องแลนดิ้ง และก็ยังคอยแจ้งตารางงานของพี่ๆMarshaller แต่ละคนตามที่ Planner เค้ามอบหมายมา

    (แค่คิดถึงงานนั้นหัวใจก็เต้นรัวอีกครั้งอยากกลับไปทำ แต่ก็คงย้อนเวลาไม่ได้)

    หน้าที่ของเราเป็นเพียงหน้าที่ชั่วคราวเท่านั้น พี่ Manager เค้าบอกว่าต้องมี Supervisor คอยดูน้องด้วยอย่าปล่อยให้น้องดูคนเดียว ถ้าเครื่องหลุดขึ้นมาล่ะเรื่องใหญ่แน่

    เรื่องอาหารการกินที่แผนกนี้แบบว่าอยู่ดีกินดีมากๆเพราะว่า ทางออกช่องทาง 1 ใกล้กับ A5 นี้เป็นทางเดินไป“ตลาดนัดท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ”มากที่สุด แรกๆทุกวันตอนเที่ยงเราก็จะเดินไปซื้อข้าวกับพี่แอดมินที่ทำงานด้วยกัน โดยพี่ Marshaller ในแผนกที่ต้องทำงานตามหลุมจอด เค้าไม่มีเวลาไปซื้อของกินก็จะฝากๆๆๆ หิ้วกันทีเต็มสองมือเลย

    ด้วยความมีน้ำใจของแอดมิน ก็รับฝากเค้าจนหลังๆแทบจะจำได้เลยว่าพี่คนไหนชอบกินอะไร เพราะฝากบ่อยมาก 5555ของกินที่ตลาดนัดก็ไม่แพงแถมอร่อยมากอีกตะหาก ดีงามฝุดๆขนมที่ซื้อมาก็เอามาแบ่งๆกันกินกินคนเดียวไม่อร่อยได้กินหลากหลายมากน้ำหนักไม่เพิ่มก็แปลกล้ะ

    แต่พอเราย้ายตำแหน่งชั่วคราวมาทำงานกับพี่ซุป เราก็แทบจะไม่ได้เดินออกไปตลาดบ่อยเหมือนก่อนเพราะว่าช่วงเที่ยงเป็นช่วงที่มีอากาศยานขึ้น-ลงถี่กว่าเวลาอื่น เราต้องคอยประจำที่โต๊ะบางทีต้องกินข้าวที่โต๊ะนั่นแหล่ะ จะไปเข้าห้องน้ำทีก็ต้องหาใครมาเฝ้าวิทยุสื่อสารแทน เผื่อมีใครเรียกรถหรือแจ้งเวลาเครื่องลง 

    ถึงแม้จะลำบากไปนิดนึงแต่เราก็ชอบงานนี้มากมากกกกมากมากมากมากมากมากมาก พี่ซุปฯทุกคนใจดี มากจริงๆ มีพี่ซุปฯคนนึง รูปร่างอ้วนท้วนอารมณ์ดีมากทำให้เราขำท้องแข็ง วันละหลายหนเค้าจะมีมุกมาเล่นตลอดเวลาเราเลยเอนจอยมากกับแผนกนี้ ตอนเย็นก่อนจะเลิกงาน เราก็จะจดเวลาเครื่องลง Rush Hour ตอนเย็นให้เสร็จก่อน แล้วค่อยกลับบ้าน หลายครั้งพี่ซุปฯก็จะบอกว่า "น้องอายทำโอทีไม๊ คนขาด" แต่ด้วยระเบียบและเวลางานแล้วเราก็ต้องกลับอยู่ดี

    แม้ว่าตอนนั้นจะเป็นเดือนมีนาคมฤดูร้อนของประเทศไทย แต่ก็มีบางวันที่อากาศแปรปรวนฝนตกลงมาห่าใหญ่ วันนั้นเราแสกนนิ้วที่ E5รถเวียนก็ยังไม่มาไม่รู้จะไป A5 ยังไงได้แต่ยืนรอให้ฝนหยุดอยู่ตรงนั้นแต่แล้ว ก็มีพี่คนนึงจากแผนกOperation เค้ามาได้ยินเราบ่นงุ้งงิ้งเค้าก็ใจดี หารถไปส่งเราที่A5 จนได้

    วันนั้นฟ้ามืดตึ๊ดตื๊อ จำได้ว่าทาง CCC ประกาศสภาพอากาศอยู่ในระดับ2 และ 3สลับกัน ตามแรงลมฝน เจ้าหน้าที่ต้องหยุดการปฏิบัติงานบริเวณข้างเครื่องหาที่หลบฝนบริเวณใกล้เคียงทำให้ห้อง Marshaller โล่งไปถนัดตาทุกสายการบินเกิดความล่าช้า ตารางที่ว่างแพลนเอาไว้ซ้อนทับตีกันไปหมด ต้องปรับเปลี่ยนกันตามช่วงเวลาทำให้พนักงานบางคนเลยอาจจะไม่ได้พักเลยก็ได้

    กว่าฝนจะหยุดตกก็เกือบเที่ยง พอฝนหยุดเราก็เดินออกไปดูด้านนอก เปียกชุ่ม เห็นสายรุ้งลิบๆ พี่ๆแต่ละคนค่อยๆทยอยกลับเข้ามาในแผนกอย่างเปียกปอน เสื้อคลุมกันฝนของทุกคนต่างกลับไปกองอยู่ที่เดิม และแทบไม่ได้เอาออกมาใช้อีกตลอดฤดูร้อนนี้

    ในส่วนของตอนเย็นที่เราจะต้องไปแสกนนิ้วเลิกงานที่ออฟฟิศฝั่งE5 พี่เมเนเจอร์กับพี่ซุปเค้าก็ใจดี เค้าก็จะถามกันว่ามีใครไปทำงานหลุมใกล้ๆมั๊ยเอาน้องไปส่งด้วยตลอดเลย ชีวิตเราก็ง่ายขึ้นเยอะเพราะพี่เค้าไปส่งเราใกล้ๆเวลารอเราแสกนนิ้ว แล้วก็เอาเราไปส่งตรงทางขึ้นอาคารผู้โดยสาร ไม่ต้องเดินไกลให้เมื่อยอีกต่อไป ฮิฮิ

    และถึงแม้ว่าเราจะอยากยืดเวลาตรงนี้ออกไปอีกนานมากเท่าไหร่ เวลามันก็ผ่านไปเร็ว ก่อนที่เราจะรู้ตัววันที่เราต้องย้ายไปอีกแผนกก็วนมาถึง...ในวันสุดท้ายที่เราทำงานที่แผนกนี้ พี่ๆซุปที่เราคอยช่วยงานต่างบอกว่าเสียดายที่ได้น้องที่เป็นงาน แต่ด้วยหน้าที่ของเด็กฝึกงานเราก็ต้องย้ายแผนกอีกครั้ง

    - -

    ตอนไปฝึกเราไม่รู้นะว่าบริษัทอื่นเค้ามีเด็กฝึกงานมารึเปล่าแต่ BFS มีเด็กฝึกงานแค่2 นะ ทั้งRamp ผู้ชาย1คนฝึกDispatch เราฝึกAdmin ส่วนคนที่มาพร้อมกันก็อย่างที่บอกในตอนแรกเค้าฝึกกันบนอาคารผู้โดยสารกันหมดไม่ค่อยมีใครลงมาฝึกข้างล่างหรอกถือเป็นประสบการณ์แปลกใหม่ไปอีกแบบใครอยากลองก็ลองดู :)

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in