เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Ramp Internairinc
D - 2
  • เช้าวันต่อมาเราก็ต้องฝ่าฟันรถติดออกจากบ้านตั้งแต่หกโมงกว่าเพื่อไปให้ทัน Airport Link เที่ยว 7.26 หรือ 7.38 ถึงจะไปเข้างานให้ทันก่อน9.00 การเดินทางในเมืองโดยเฉพาะอนุสาวรีย์ มันไม่ง่ายเลย ชั่วโมงเร่งด่วนที่คนทุกคนต่างเร่งรีบขนาดนี้ ต้องสตรองเท่านั้น ถึงจะเอาอยู่

    ก้าวเข้าสู่ขบวนแอร์พอร์ตลิงค์ด้วยความไวแสง หาที่นั่งติดกระจกพิงได้ริมสุดอย่างไวระหว่างทาง ตลอด 28 นาทีบนแอร์พอร์ตลิงค์เรานั่งหลับราวกับเมื่อคืนไม่ได้นอน พอแอร์พอร์ตลิงค์เข้าสู่สถานีสุวรรณภูมิเราก็เอาบัตรพนักงานขึ้นมาติดไว้ตรงเสื้อ แล้วก็สะพายกระเป๋าเดินออกจากขบวนพอแสกนบัตรออกจากสถานีแล้วเราก็ต้องขึ้นลิฟต์ไปที่ชั้น 3 ลงบันไดเลื่อน(สำหรับผู้ที่บัตรผ่านเท่านั้น)มาที่ชั้น2 ตรงใกล้ๆประตู 8 จะมีป้ายติดไว้

    เดินไปถึงหน้าประตูก็เปิดกระเป๋าให้กับพนักงานรักษาความปลอดภัยดูก่อนจะแสกนบัตร แล้วเดินเข้าไปพอพ้นประตูด้านใน ก็จะเป็นสายพานรอรับประเป๋า เราก็เลี้ยวขวาเดินไปจนถึงสายพานที่ 19 แล้วก็เลี้ยวซ้ายไปตรงทางเข้าพนักงานทางเดิมที่เราออกมาเมื่อวานวางกระเป๋าอีกครั้งตัวเปล่าเดินผ่านเครื่องแสกนพี่พนักงานดูแลตรงนั้นเค้าก็จะดูบัตรแล้วก็ให้ผ่าน หยิบกระเป๋าเดินเข้า ทางเดินใหญ่มุ่งสู่ Concourse E โดยขึ้น Walk way ปล่อยให้มันทำหน้าที่ของมันไป

    เหมือนเคย เราก็มองซ้ายมองขวามีทั้งฝรั่งหน้าตาดีมีทั้งทัวร์จีนเป็นขบวน มีทั้งครอบครัวแสนน่ารัก เดินสวนมาประปราย เราเดินไปจนถึงทางแยกระหว่าง Concourse D-E-F-G จำไมได้ว่าต้องลงไปทางไหนแต่ก็เห็นพี่พนักงานที่ใส่เสื้อSafety สะท้อนแสงของการบินไทยเดินเลี้ยวซ้าย ไปเข้าประตูลับ

    ใช่แล้วเมื่อวานเราออกมาจากประตูลับบานนั้นนินา ตามๆเค้าไปก่อน เดี๋ยวก็ถึงเองแหล่ะเราเดินตามเค้าไป ลงลิฟต์ตัวเดิมออกมาจากลิฟต์ ก็ยังเดินตามเค้าต่อเปรยเบาๆว่า BFS ไปทางไหนน๊าพี่เค้าคงได้ยิน ก็ใจดีบอกเราว่า E8 เดินไปทางนู้นเลยออฟฟิศของ TG ฝั่งนี้ไปอีก 4 งวงช้าง

    เราก็ขอบคุณพี่เค้าด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจสุดในชีวิต เดินต่อไปคนเดียวลมในเช้าวันนั้นแรงมาก กระโปรงพลีทยาวแทบจะปลิวเดินไปจนถึง E8 พร้อมกับเข้าไปแสกนนิ้วเวลา8.35 โดยประมาณ ออฟฟิศ BFS ตรง E8 ไม่เคยเงียบเหงามีผู้คนต่างหมุนเวียนเปลี่ยนกะทำงานตลอด 24ชม.

    ผ่านเช้าวันที่สองไปด้วยงานเดียวกับเมื่อวาน งานนี้ดูท่าว่าจะไม่เสร็จง่ายๆซะแล้วสิ หึ แต่พี่เค้าอาจจะกลัวว่าเราจะเบื่อ เลยบอกให้เราเดินเอาวิทยุสื่อสารไปซ่อมเป็นเพื่อนพี่วัฒน์ที่อาคารวิทยุการบิน ข้างนอก ตอนแรกพี่วัฒน์บอกว่าจะรอรถเวียน แต่เหมือนมีคนบอกว่ารถเสียเราต้องเดินไปซะแล้ว

    ทางเดินจากE8 ออกไปตึกข้างนอกไกลมากกก ต้องเดินออกทางใต้อาคารทางเดิมผ่านลานจอดรถ ไปอีก ข้ามถนนไปอีกแดดเมืองไทยก็ไม่มีคำว่าปราณี กว่าจะไปถึง เหงื่อเป็นถังเลยทีเดียวเดินไป-กลับก็เกือบๆชั่วโมง กลับมาก็เที่ยงพอดีกินข้าวเสร็จอะไรเสร็จเรียบร้อยพี่คนสวยที่นั่งที่เคาเตอร์ด้านหน้าเปรยว่าข้างนอกเสียงดังขนาดนี้ E5ต้องเอา A380 มาลงแน่ๆ

    เราก็ค่อยๆเดินออกไปดูด้านนอกว่าเค้าทำงานกันยังไง A380 ของสายการบินตะวันออกอย่าง Qatar มาเทียบท่าที่ E5 ลำใหญ่มากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกเรายืนมองพี่ๆพนักงานทุกคนทำงานอย่างว่องไวประหนึ่งโปรแกรมที่ถูกเซ็ตเอาไว้แล้วมองไปมองมาเพลินมาก แปปเดียวก็บ่ายแล้วกลับมาอยู่กับงานเอกสารต่อ

    พอ18.00 ปุ๊บเราก็เด้งปั๊บ ออกไปแสกนนิ้วคว้ากระเป๋า เดินออกไปตามทางเดินเดิมคราวนี้หมายมั่นปั้นมือแล้วว่าจะไม่หลงทางอย่างเคยพยายามทวนทางเดินเดิมไม่ทำหน้าเหรอหรา เดี๋ยวคนอื่นรู้จากลานจอดขึ้นไปยังอาคารผู้โดยสารออกจากประตูลับ สู่ทางเดินหลัก Concourse D เวลาเย็นนั้นทัวร์จีนเยอะมากกกกกกก เต็มWalk way ไปหมดแล้วก็ไม่ชิดซ้ายหรือชิดขวาด้วยยืนเต็มสองเลนเลย ก็ได้แต่รอให้มันเลื่อนไปจนสุดหาทางแซงและไปเดินหน้ากลุ่มนั้นพอมาถึงทางออก ก็ต้องบึ่งลงไปแอร์พอร์ตลิงค์ให้ทันเที่ยว 18.20 อีกไม่งั้นจะรอนานมาก ขบวนนึงรอประมาณ 12 นาทีเลย

    กว่าจะถึงบ้านก็ประมาณ3 ต่อถึงบ้านราวๆทุ่มครึ่งหมดแรงข้าวต้ม สลบ หมดไปอีก1 วัน

    - -

    Writer Message : 
    ตอนนี้เขียนยาวมากกกก และคิดว่าจะยาวขึ้นเรื่อยๆ มีคนอ่านนิดนึงคนเขียนก็ดีใจมากแล้วข่า
    ได้มาแบ่งปันประสบการณ์ดีดี คิดแล้วก็อยากจะกลับไปฝึกงานอีกกกกก :D


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in