เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Log Book ที่รัก♡ployapha.j
โลซิน เกาะที่เล็กที่สุดในประเทศไทย










  • สวัสดี Log book ที่รัก♡




    ห่างหายกันไปเกือบร่วมปีที่ห่างหายจากการเป่าลมหายใจให้กลายเป็นฟองอากาศใต้ทะเล วันนี้เรากลับมาแล้วพร้อมกับเรื่องเล่าจาก เกาะโลซิน ก่อนปิดซีซั่นประจำปี 2019 ค่ะ :)


    และแน่นอนว่าเราจะไปดำน้ำกับใครไม่ได้นอกจากไปกับ LET's Dive Thailand เจ้าเก่าเจ้าเดิม เพิ่มเติมคือทริปนี้เราไปกินหรู อยู่สบาย ใช้ชีวิตชิค ๆ กันบน เรืออิสระ Issara Livaboard ค่า








    และเรื่องราวระหว่างไดฟ์ที่กลายมาเป็นเรื่องเล่าระหว่างบรรทัด
    ในทริป Livaboard ในครั้งนี้จะเป็นอย่างไร


    ตามมาอ่านกันได้เล้ยยยย :D


































  • 3 October 2019









    Day 0 - Let's go to LOSIN




    เราเดินทางมาถึงหาดใหญ่ตอนเวลาประมาณทุ่มนิด ๆ ค่ะ จากสนามบินเราก็นั่งรถตู้ไปที่ท่าเรือ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งระหว่างทางเราก็กดมือถือยับ โทรหาคุณแม่ ส่งข้อความหาเพื่อน อัพทวิตเตอร์ว่าเราจะหายไปจากโลกโซเชียล 3 วันเต็ม ๆ นะจ๊ะ เพราะเนื่องจากสามวันตลอดทริปต่อจากนี้จะไม่มีสัญญาณโทรศัพท์หรืออินเตอร์เน็ตให้ใช้ค่ะ


















    พอขึ้นมาบนเรือปุ๊บ เราก็จัดแจงเอาอุปกรณ์ดำน้ำออกมา ตั้งใจจะว่าจะเอามาต่อกับแท๊งค์ จัดการทุกอย่างด้วยตนเองตามปกติ ปรากฎว่าคุณพี่คนเรือเขาก็พุ่งเข้ามาบอกว่าเดี๋ยวเขาจัดการให้ครับ ให้เราขึ้นไปด้านบนได้เลย เราก็เป็นงงเพราะปกติแล้วเป็นคนจัดการทุกอย่างด้วยตนเอง เชื่อคำที่ใครหลาย ๆ คนเคยบอกมาแล้วว่า ดำน้ำในไทย สบายที่สุด อ้อ...มันเป็นอย่างงี้นี่เองงงง



    และหลังจากที่เราโซ้ยข้าวต้มปลารอบดึกที่ทางเรือเตรียมไว้ให้ไปสองชาม (อร่อยมาก!) เราก็ย้ายตัวต๊อกแต๊กขึ้นไปด้านบนเพื่อฟังการบรีฟจาก พี่โน่ ผู้จัดการเรืออิสระ ที่มากล่าวต้อนรับพวกเราทุกคน และอธิบายเกี่ยวกับเรือให้ฟัง รวมถึงวิธีการปฏิบัติตัวหากเกิดเหตุฉุกเฉิน ตลอดจนข้อควร/ไม่ควรปฏิบัติต่าง ๆ เพื่อให้ทริปการดำน้ำของเราในครั้งนี้ดำเนินไปด้วยความเรียบร้อยและปลอดภัยนั่นเองค่า








    แยกย้ายไปพักผ่อนตามอัธยาศัยฮะ
    รอบนี้เราเป็นรูมเมทกับ เจ้แนท ที่ไปร่วม ทริปมาลาปัสกัว มาด้วยกัน


















  • 4 October 2019









    Dive 1 - กองใน

    Depth: 21.1 m. | Time: 51 mins







    เสียงกระดิ๋งกรุ๊งกริ๊งที่ไม่ได้ยินมานานแสนนานปลุกเราให้ตื่นมารับอรุณตอนเจ็ดโมงเช้าค่ะ เมื่อเปิดม่านและมองออกไปนอกหน้าต่างก็พบกับภาพนี้ที่ชวนให้สุขใจ






    กลางทะเลอ่าวไทย มุ่งหน้าสู่โลซิน










    เราเดินขึ้นไปทาน Light Breakfast (ขนมปังปิ้ง แพนเค้ก กาแฟ กล้วยหอม - เอาจริง ๆ ก็ไม่ light เท่าไรเลยนะเนี่ย) และฟังพี่โน่บรีฟเกี่ยวกับเกาะโลซินและไดฟ์ไซต์ที่นี่ค่ะ













    มาจะกล่าวบทไปถึง เกาะโลซิน ให้อ่านกันเล็กน้อยนะเออ : )


    ท่านผู้อ่านก็คงจะทราบจากชื่อเรื่องแล้วว่าเกาะโลซินแห่งนี้เป็นเกาะที่เล็กที่สุดในประเทศไทยค่ะ โดยตัวเกาะนั้นเป็นหินปูน มีส่วนที่พ้นน้ำทะเลขึ้นมาไม่ถึง 100 ตารางเมตร ตั้งอยู่เดี่ยว ๆ ท่ามกลางทะเลสีครามในเขตของจังหวัดปัตตานี และเกาะนี้คือเกาะที่อยู่ใต้สุดของประเทศไทยอีกด้วย


    แม้ว่าเกาะจะเล็กม๊ากมากจนหลายคนเรียกว่ากองหิน แต่ที่นี่เป็นหมุดสำคัญในการแบ่งเขตแดนทางทะเลที่เป็นข้อพิพาทระหว่างไทยและมาเลเซียเลยนะคะ เนื่องจากทางมาเลเซียได้ขีดเส้นแบ่งเขตไหล่ทวีปทับซ้อนกับไทยในการจัดสัปทานแหล่งก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย ซึ่งเป็นเหตุให้ไทยเสียเปรียบมาก จนกระทั่งคณะเจรจาจากฝั่งไทยไปพบกับกองหินที่มีส่วนพ้นน้ำขึ้นมาแห่งนี้ จึงใช้อนุสัญญาเจนีวาว่าด้วยกฎหมายทางทะเล ค.ศ. 1958 ทำให้กองหินโลซินมีสถานะเป็นเกาะ ทำให้ไทยเคลมพื้นที่ประกาศสิทธิแนวเขตเศรษฐกิจจำเพาะออกไปเพิ่มได้อีก ซึ่งจุดนี้เองทำให้ครอบคลุมไปถึงแหล่งก๊าซธรรมชาติด้วยนั่นเองจ้า














    เมื่อลงไปใต้น้ำแล้ว เกาะโลซินจะประกอบด้วยกองหิน 2 กองค่ะ คือ กองใน (กองเหนือ/กองประภาคาร) กองนี้นี่แหละที่มีส่วนเกาะพ้นน้ำ เป็นที่ตั้งของประภาคาร และ กองนอก (กองใต้) กองนี้อยู่ใต้น้ำหมดเลย เราก็จะดำวนๆ กันอยู่ในนี้นี่แหละค่ะ




    ด้วยความที่เกาะโลซินอยู่ห่างไกลจากฝั่งเหลือเกิน ทำให้พื้นที่บริเวณนี้ไม่โดนรบกวนจากมนุษย์มากนัก ก็มีแต่เรือประมงขนาดเล็กและนักดำน้ำอย่างเรานี่แหละที่แวะเวียนเข้ามา ทำให้ความสมบูรณ์ทางธรรมชาติใต้ทะเลนั้นยังคงงดงาม มีทุ่งปะการังเขากวางกว้างใหญ่ เรียกได้ว่าเป็นอาณาจักรปะการังเขากวางที่สมบูรณ์ที่สุดในประเทศเลยค่ะ นอกจากนี้โลซินกได้ชื่อว่าเป็น ถิ่นฉลามวาฬ เพราะเจอกันตู้มต้าม โครมครามกันทู้กปี ทางเราก็หวังอยู่ในใจว่าจะได้พบได้เจอน้องจุดกับเขาบ้างละเน้อออ










    กรุ๊ปเรามีครูแพรเป็นหลีดค่ะ
    สมาชิกก็ประกอบด้วยเรา เจ้แนท ปัน ฟรัง และพี่หนิง
    เป็นเกิร์ลกรุ๊ปพลังงานสูง 5555









    ไดฟ์แรกนี้ก็เป็น check dive ตามปกติค่ะ ดูว่าอุปกรณ์ต่าง ๆ โอเคหรือไม่ น้ำหนักเวทพอดีหรือเปล่า ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วเราแอบกังวลว่าชีวิตจะต้องปรับอุปกรณ์ยังไงบ้างเพราะห่างหายจากวงการไปนานพอสมควร ลืมไปแล้วว่าควรใส่เวทกี่ก้อน กลัวจะจม เลยกดไปสาม ถือคติเหลือดีกว่าขาด ลืมไปเลยว่าเมื่อกาลก่อนใช้แค่สองก้อน แถมรอบนี้เอากล้องลงน้ำครั้งแรกในชีวิตอีก




    ผลคือพอปล่อยลมออกจาก BCD ปุ๊บ ก็จมสิครับรออะไร วืดดดดดดดดดดดดดดดลงไปเลย ครูแพรต้องบอกให้เติมลม เติมอีก อีก เติมเข้าไปอีก เติมอีก เติมไปอีกกกกกกกกก ทางเราก็กดแล้ว เติมแล้ว เติมไปเยอะแล้ว เติมไม่ยั้งแล้วก็ยังจมอยู่ดี แง




    นอกจากนี้ยังไม่ค่อยชินกับฟินใหม่เท่าไร เพราะชีวิตที่ผ่านมาก็ใช้ full foot เล็ก ๆ น่ารักมาตลอด (mew อะแก เล็ก ๆ ปุกปิก) พอชีวิตเจอกับ open heels  ครั้งแรกก็ไปไม่เป็น ไม่รู้ต้องทำยังไงกับน้ำหนักนี้ดี ตีขาท่ากบยังไง ทำไม่เป็น งง คิดถึงฟินเก่า ฮือ








    สวัสดีปลาวััว

    นี่คือภาพแรกจากการเอากล้องจริงจังลงน้ำครั้งแรก
    ฟ้าเชียวล่ะ


    อ้อ ปลาวัวที่นี่ค่อนข้างเป็นมิตรแหะ น้องไม่ปรี่ตัวเข้ามาหวงถิ่นใด ๆ เฉยมาก ชิวที่สุด
    ผิดกับปลาวัวที่เกาะเต่าลิบลับจนอยากให้น้องว่ายขึ้นเหนือไปคุยกับเพื่อนหน่อย
    จูนกันซักนิด ไปสอนมรรยาทดี ๆ ให้ทางเกาะเต่าด้วยเด้อ






















    Dive 2 - กองนอก

    Depth: 27 m. | Time: 45 mins




    รอบนี้เอาเวทที่ติดไว้บนแท็งค์ออก 1 ก้อน ชีวิตก็ดีขึ้นนิดหน่อย แต่ท้ายยังหนักอยู่ดี ครูแพรต้องคอยเตือนให้เราปรับตัวให้ตรงและเตะขากว้าง ๆ ยาว ๆ จะได้ไปข้างหน้า ไม่พุ่งขึ้นด้านบน ฮูเร่!






    น้องปลาปักเป้าหน้าหมา





    การถ่ายภาพในไดฟ์นี้ดีขึ้นนิดดดดดดดดนึง เนื่องจากเราพก ทัพพีตักข้าว ลงน้ำไปด้วยค่ะ เฮ้ยยย อย่าเพิ่งขำกัน เพราะมีแต่คนขำเรามาทั้งเรือแล้วเด้อ เริ่มตั้งแต่พี่ ๆ คนเรือที่เขาแซวว่าเอาไปช่วยพายหรอหนูตั้งแต่ตอนที่เราไปขอเชือกเขาแล้วว่าหนูจะเอาอันนี้ลงไปด้วยค่ะพี่ มาถึงพี่เจที่เข้าชุดอยู่ข้าง ๆ ว่าเอาลงไปตักข้าวหรอน้องพลอยยยย


    คือทุกคน เราขอใช้พื้นที่นี้ในการอธิบายว่าเวลาถ่ายรูปใต้น้ำอะ เราจะไม่ใช้ auto white balance แต่เราจะปรับเอง ทีนี้มันต้องเอาไปปรับกับอะไรก็ได้ที่เป็นสีขาวไง แล้วเราลืมตัดฟิวเจอร์บอร์ดเล็ก ๆ มา เพิ่งจะระลึกชาติได้ว่าต้องใช้ก็ตอนที่มาถึงไทยแล้ว ก็เลยคว้าเอาทัพพีตักข้าวมา มันง่ายดี เพราะมีรูให้รอยเชือกอยู่แล้ว แง อย่าแซวหนู มันเวิร์คมากนะเอาจริ๊งงงงงงงงงงงงงง








    เนี่ย ไม่ฟ้าแล้ว แค่ไม่รู้ว่าต้องเล็งอะไร ถ่ายอะไรเท่านั้นเอง
    พยายามจะมองหาตัวเล็กตัวน้อยก็หาไม่เจอ
    ทำได้แต่ว่ายตามคนนั่นคนนี้ต๊อกแต๊กไปเรื่อย


















    ไม่รู้ว่าดูกันออกรึเปล่า แต่นี่คือปลาไหลมอเรย์นะจ๊ะ








































    Dive 3 - กองนอก

    Depth: 22.1 m. | Time: 44 mins






    ไดฟ์นี้คิดว่าเราโอเคขึ้นนิดนึงจากไดฟ์ที่แล้ว พยายามตีขาให้กว้าง ทำตัวตรงเป็นแนวระนาบไว้ แต่ก็ง่วนอยู่กับการปรับ BCD อยู่ดี ใช้อากาศหมดไปกับการนี้เยอะมากจนท้อใจ แถมไดฟ์นี้แอบเจอกระแสน้ำแรงด้วย ต้องตีฟินอยู่พักนึงเลยแหละ










    Sea fan coral หรือ กัลปังหา เพียงหนึงเดียวแห่งเกาะโลซิน
    นอกนั้นก็ไม่เจออะไรเป็นพิเศษค่ะ










    ตอนจะทำ safety stop ที่จุดห้าเมตร ครูแพรก็ทำสัญญาณมือบอกว่าจับเชือกนะจ๊ะ จับไว้ เราก็ปลิวไปกับกระแสน้ำ เอื้อมมือจะจับเชือกแต่จับไม่ถึง ดีที่มีฟรัง (คิดว่าน่าจะเป็นฟรังนะ) คว้าข้อมือไว้ทันแล้วลากให้เราเกาะเชือกได้ ซักพักก็รู้สึกว่ามีคนมาจับที่ข้อเท้า หันไปเห็นก็เจอว่าพี่หนิงขอเกาะอยู่ด้วย แล้วครูแพรก็ลอยอยู่ไม่ไกล พวกเราที่เกาะเชือกได้ก็โบกให้ครูแพรมาจับเชือกไว้ด้วยกัน เป็นทีมที่รักกันมาก เป็นห่วงเป็นใยกันและกันที่สุด น่ารักกกกกกกกกก







    ถ้าคิดไม่ออกว่าปลิวไสวอยู่กลางน้ำขนาดไหน
    ก็ขอให้นึกถึงธงปลาคราฟตามภาพด้านบนค่ะ





















    Dive 4 - กองใน

    Depth: 22.1 m. | Time: 44 mins | Night Dive






    ไนท์ไดฟ์แรกของทริปนี้ที่ตอนแรกเราก็แอบชั่งใจว่าจะลงดีไม่ลงดีว้า เพราะกลัวว่าลงไปแล้วจะแพ้แตนทะเลเป็นตุ่มคันยุบยิบเหมือนกับทริปก่อน ๆ แต่ก็ตัดสินใจว่าเอาวะ ลงก็ลง เดี๋ยวค่อยเอาน้ำส้มสายชูราดทีเดียวก็แล้วกัน




    ถ่ายทากปุ่มได้ก็ดีใจแล้วววว ฮือ ยากจัง







    การถ่ายภาพกลางคืนค่อนข้างยากเพราะเราไม่มีไฟ ต้องใช้ไฟฉายเอา แล้วพอใครซักคนเจออะไรซักอย่างแล้วชี้ให้ดู เราจะเป็นคนคอยส่องไฟให้คนอื่นเพื่อให้ทุกคนมองชัดๆและถ่ายรูป แล้วค่อย ๆ กระดึ๊บเข้าไปคนสุดท้าย ซึ่ง... ทุกคนกระจายตัวออกไปแล้วจ้า นี่ก็งงว่าเขาดูอะไร ถ่ายอะไรกันว้า มาไม่ทันอีกแล้วววววว









    น้องปูที่ถ่ายไว้ได้ทัน ฮือ ดีใจ









    พอขึ้นมาก็คันยุบยิบตามคาด ต้องวิ่งไปขอน้ำส้มสายชูจากในครัวมาราดตามแขนและต้นคอ นี่ขนาดปิดทุกอย่างมิดแล้ว อีกนิดจะพันตัวเองเป็นมัมมี่แล้วก็ยังไม่วายโดนแตนทะเล กร่อยจัง มันต้องเลือกคนแน่ๆ!






















  • 5 October 2019








    Dive 5 - กองนอก

    Depth: 19.1 m. | Time: 54 mins





    เราเริ่มวันด้วยความแจ่มใส หวังไว้ในใจว่าเราอาจจะโชคดีเจอน้องจุดก็ได้นะ♡ ก็แหม่... ได้ยินมาว่าที่นี่โลซินถิ่นฉลามวาฬนี่นา คนเราต้องมีศรัทธาสิ!







    สรุปก็เจอจุดจริง แต่เป็นจุดกระพรุนซะงั้นอะ



















    โชคดีนะน้อง ขอให้รอดพ้นจากการโดนปลาวัวเขมือบ



















    ถ่ายคนนู้นคนนี้เล่นไปเรื่อย ๆ
    ฝึกฝนสกิลการควักเอาทัพพีมาปรับ white balance





















    Dive 6 - กองนอก

    Depth: 21.3 m. | Time: 57 mins






    เรากลับมาดำบุ๋ง ๆ กันตรงกองนอกเพราะหวังว่าเผื่อน้องจุดจะเข้ามาเซย์ฮายทักทายกัน หรือถ้าโชคดีก็อาจจะเจอโรนิน โรนันแวะเวียนมาเยี่ยมให้ได้ชมเป็นขวัญตา ซึ่งถามว่าเจอมะ... ก็ไม่อะ จืดจางเหลือเกิน

























    หมู่มวลปะการังเขากวางน่ารักกุ๊กกิ๊ก
    น็อตบอกว่าตรงปลายมันเป็นสีขาวงี้แหละเพราะกำลังเจริญเติบโต















    โลซินถิ่นปลานกแก้ว เยอะแยะเหลือเกินคุณเอ๊ย
    และนี่คือพี่ปลานกแก้วหัวโหนกฮะ

















    ความรู้ใหม่ประจำทริป: ปลานกแก้วอร่อยมาก (คอนเฟิร์มโดยเจ้แนทและน็อต)
    แต่อย่ากินเลย เพราะปลานกแก้ว = นักปลูกปะการังใต้ท้องทะเล








    ปลานกแก้ว เป็นปลากินพืชค่ะ และเหล่าปลาชนิดนี้นั้นมีบทบาทสำคัญมาก ๆ ในระบบนิเวศแนวปะการัง เพราะบริเวณที่เหมาะสม มีแหล่งอาหารอุดมสมบูรณ์ที่สุดก็คือแนวปะการ้งต่าง ๆ นี่แหละค่ะ พื้นที่อื่น ๆ กลางทะเลจะเป็นพื้นทรายว่างเปล่า ไม่ค่อยมีสัญญาณชีพของสิ่งมีชีวิตเท่าไรนัก


    ทีนี้พอพื้นที่อุดมสมบูรณ์มีอยู่อย่างจำกัด ก็จะมีการแย่งเคลมพื้นที่ระหว่างสาหร่ายและปะการังอยู่ตลอดเวลา และระยะหลังนี้ปะการังก็ตกเป็นผู้แพ้ ล่าถอยล้มตายไปเยอะแยะมนุษย์อย่างเรา ๆ นี่แหละที่ปล่อยน้ำเสียจากชายฝั่ง ท่องเที่ยวใต้ทะเลแบบไม่รักษา ตลอดจนภาวะโลกร้อนที่ทรัมป์บอกว่ามันไม่จริ๊งที่ทำให้ปะการังฟอกขาวคาตากันแบบเห็น ๆ


    ทีนี้เจ้าปลานกแก้วเนี่ย มันมีแพทเทิร์นการหากินที่มีส่วนช่วยในการฟื้นฟูแนวปะการังขึ้นได้ โดยจุดไหนที่มีปะการังขึ้นเยอะ เจ้าปลาก็จะกินจุบ ๆ จิบ ๆ อยู่ห่างจากปะการัง แต่ตรงไหนที่ปะการังฟอกขาวตาย สาหร่ายขึ้นเพียบ เจ้าปลาก็จะกลับมากินซ้ำ ๆ กินแล้ว กินอีก กินจนแน่ใจว่ามีปะการังตัวอ่อนกลับเข้ามาเจริญเติบโตได้


    แล้วรอยที่ปลานกแก้วใช้ฟันครูดกินพืชน้ำต่าง ๆ มันก็เป็นการเตรียมพื้นที่ให้ปะการังมาเกาะลงได้อย่างพอดิบพอดี เป็นปะการังจิ๋วที่พร้อมจะเจริญเติบโตต่อไป ฮูเร่!







    ปัจจุบันนี้จำนวนของปลานกแก้วลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ
    เพราะมนุษย์อย่างเรา ๆ จับเอามากินนี่แหละจ้า
    (ซวยจริง ซวยจัง ดันเกิดมาอร่อยเนี่ย)

    หากอยากจะอนุรักษ์แนวปะการัง ก็เลิกกินน้องกันนะคะ
    ให้ปลานกแก้วทำงานปลูกปะการัง กำจัดสาหร่ายทะเลต่อไปเนอะ

    จะได้มีทะเลสวย ๆ จะได้อยู่ให้เราลงไปชมความงามได้นาน ๆ

















    เจอเบบี้มอเรย์ตาขาวหนึ่งหน่วย น้องตัวเล็กมากกกกกกกก
    น่ารักจัง แต่ถ้าโดนกัดขึ้นมาคือนิ้วขาดแน่นอน


















    เจออะไรก็ถ่าย ทากปุ่มก็เอาวะ




















    บ้านปลาน่ารักปุกปิก

















    ไดฟ์นี้พี่โน่ลงมาด้วย เลยได้ภาพสวย ๆ กับเขาบ้าง ฮิฮิ
    ขอบคุณพี่โน่มาก ๆ ไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะค้าาาาา

    เรืออิสระ ไม่มาไม่ได้แล้วนะพวกเธอ




























    หลังจบไดฟ์นี้เราก็ควรที่จะกลับไปทานอาหารกลางวันกัน แต่แก๊งบ้าพลังอย่างพวกเราเกิดอยากออกไปถ่ายรูปกับประภาคารขึ้นมา เลยไปหยิบยืมเอาสน็อกเกิลจากบนเรือใหญ่ โดดขึ้นเรือดิงกี้ ให้พี่หนึ่งขับออกไปส่งหน่อย
































    หน้าตาของคนพลังงานเหลือล้น

    ความพีคคืออยากถ่ายรูปจากกล้องที่มีโดม
    เลยเชิญ (ที่จริงๆแล้วค่อนไปทางบังคับ) พี่โน่ให้ออกมากับพวกเราด้วยจ้า
    (และก็ให้พี่โน่ถ่ายรูปนี้ให้ด้วยจ้าาาาาาาา)























    พี่หนึ่งสุดเท่










    ตอนแรกก็ดี๊ด๊าอยากไป อยากถ่ายรูปเพราะพลังงานเหลือ

    แล้วไงล่ะแก... อยู่ไม่ถึงสิบนาที




    กลับ!





    คลื่นแรงมาก ไม่ไหว พอออออออออ!!








    ให้ภาพมันเล่าเรื่องฮะ

























    Dive 7 - กองใน

    Depth: 15.9 m. | Time: 66 mins






    เนี่ย กองหินมีอยู่สองกอง ก็ดำวนกันอยู่เท่านี้แหละ ใน นอก นอก ใน ใน นอก ซึ่งเช้าไปกองนอกมาสองรอบแล้ว ไดฟ์นี้เลยกลับมากองในบ้างฮะ



















    ไดฟ์นี้มีความหลากหลาย มีอะไรให้ดูเยอะแยะพอสมควร เริ่มชินกับอุปกรณ์และชินกับการใช้กล้องแล้ว พยายามเปลี่ยนมาลองโหมด macro กับเขาบ้าง ฮุฮิ











    ก็ได้เท่านี้แหละ...





















    เจ้าปลาตัวนี้ จบไดฟ์ก็ได้ไปเปิดหนังสือปลาหากันกับน็อตว่ามันควรเป็นปลาอะไรกันหนอ
    ก็ได้ความรู้จากเขามาว่าปลาที่อยู่กลางน้ำจะมีหางแบบนี้ ปลาที่อยู่แนวปะการังจะเป็นอีกแบบ
    รูปแบบของปากก็ต่างกัน ทำให้เราเดาได้ว่าควรจะเป็นปลาชนิดใด

    และนี่ก็คือ Blacktip Grouper นะครับโผ้มมม
    ใครไม่เก๋า ปลาเก๋านะเว้ย



















    เหล่าปลากลางน้ำ จะมีหางแฉก ๆ แบบนี้นะจ๊ะ


































































    โลซินถิ่นปลานกแก้ววววววว ประชากรหนาแน่นมากเหลือเกิน หันไปทางไหนก็เจอ
























    เจอเต่ากันตอนท้ายไดฟ์ ดีใจมากกกกกกกกกกกก






















    ตัวใหญ่มากเลยนะ :)



























    Dive 8 - กองใน

    Depth: 14.6 m. | Time: 35 mins | Night Dive






    ไดฟ์นี้เราได้ลงน้ำกันตอนเกือบ ๆ สองทุ่ม เพราะมีปัญหาเรื่องเครื่องอัดอากาศเข้าแท็งค์นิด ๆ หน่อย ๆ ระหว่างที่รอก็ขึ้นไปรับลม ชมดาวกันบนดาดฟ้าเรือ จับกลุ่มคุยกันหลายเรื่องที่มีประโยชน์ประเทืองปัญญา ตั้งแต่เรื่องปัญหาขยะพลาสติกไปจนกระทั่งเรื่องแท่นขุดเจาะน้ำมันกลางทะเล เอาจริง ๆ ทริปนี้เป็นทริปที่ความรู้แน่นมาก หัวข้อที่หยิบยกขึ้นมานั่งคุยกันมันควรเอาไปลิสต์ประเด็นแล้วจัดงานเสวนา ดีมากจริง ๆ :D









    ดีใจที่ไนท์ไดฟ์ก็ได้เห็นอะไรกับเขาบ้าง เย่
    วันนี้น้ำใส เห็นอะไรชัดเจนกว่าเมื่อวาน
    แต่กระแสน้ำแรงมาก ต้องอยู่ต่ำ ๆ เอาหินบังไว้
    แต่ตอนขึ้นนี่ชุลมุนอยู่กลางน้ำประมาณนึง ตัวปลิวลอยไปตลอดเวลา














    ก็เห็นอยู่สองอย่างตามภาพเท่านั้น
    เพราะลงไปเหมือนเป็นคนสายตาสั้น 500
    เขาดูอะไรกันก็เข้าไปดูด้วยนะ แต่มองไม่เห็น แง























  • 6 October 2019








    Dive 9 - กองนอก

    Depth: 22.7 m. | Time: 54 mins




    วันนี้เป็นวันสุดท้ายของทริปโลซินก่อนปิดซีซั่นแล้วจ้า หลังจากสองวันที่ผ่านมาไร้วี่แววของน้องจุด ความหวังในใจก็ชักจะริบหรี่ ก็อย่างที่พี่โน่บอกไว้ว่า ปลามีหาง จะมาหรือจะไม่มาก็แล้วแต่ตามใจเขาละเน้อ แต่มาเถ๊อะ อยากเจอนะจ๊ะ








    โลซินตอนหกโมงเช้าที่น้ำนิ่งราวกับกระจก
    จนตกใจว่าโลซินที่เราเคยได้ยินมามันไม่ใช่แบบนี้นี่หว่า















    ไดฟ์นี้ก็เป็นอีกไดฟ์นึงที่เป็นการวอร์มอัพร่างกาย ออกกำลังกายยืดเส้นยืดสายยามเช้าค่ะ ไม่เจออะไรเลย เงียบเชียวแหละ ก็ได้แต่เก็บภาพคนนู้นคนนี้ เหมือนดำลงไปถ่ายรูปเล่นกันแหละ





    ปันผู้กำลังโฟกัสกับปลาเล็กปลาน้อย


















    ฟรัง ที่รักการตามหานูดี้เล็ก กุ้งน้อย




















    เจ้แนท




































    เจอคุณเต่าแวะเวียนมาอรุณสวัสดิ์














    มหกรรมชักภาพร่วมกันเป็นที่ระลึก
    ขอบคุณกล้องพี่โจค่ะ




















    ความอลม่านล่องลอยเป็นกลุ่มใหญ่จากทางด้านหลัง
    ขอบคุณภาพจากครูกบด้วยค่ะ

















    ขึ้นมาก็ยังไม่เลิกถ่ายรูปนะฮะ สนุกสนานนนนนนน♡
    แล้วด้วยความที่วันนี้น้ำนิ่ง ไม่มีคลื่น
    เราก็ออกเรือกันไปที่ประภาคารกันอีกรอบนึงค่ะ



















    ได้เข้ามาเห็นใกล้ ๆ แล้ววววววว




























    เอาพี่โจไปปล่อยเกาะ
    ขึ้นได้คนเดียวเพราะใส่บูทมา คนอื่นโดนห้ามเพราะเพรียงเยอะ
    พี่หนึ่งเป็นห่วงกลัวจะโดนบาดเลือดซิบ






















    ทีมนักสำรวจที่ไม่ยอมไปกินข้าวนะคะ เฮ!
    ถ่ายภาพโดยครูแมท






















    Dive 10 - กองใน

    Depth: 23.2 m. | Time: 51 mins






    เปลี่ยนกลับมากองในเหมือนเดิม ถ่ายอนุบาลปลาการ์ตูนปุ๊กปิ๊กน่ารัก เป็นไดฟ์ที่เรื่อย ๆ มาเรียง ๆ เราก็ยังมีมิชชั่นในการหัดเตะฟินท่ากบเหมือนเดิม และพยายามเป่าลม ทำฟองอากาศให้เป็นวงกลมสวยงาม







    น้ำใสไหลเย็นเห็นตัวปลา แหวกว่ายไปมาน่าเอ็นดู








































































    จง เติบ โต และ งด งาม




















    น้องหน้าตาบอกบุญไม่รับมากจ้ะ












































    ความพีคคือระหว่างที่เรากำลังเอนจอยกับการถ่ายภาพในพุ่มปะการังด้วยความเพลิดเพลิน ก็ได้ยินเสียง แก๊ง! มีใครซักคนแถวนั้นเคาะแท็งค์ขึ้นมา (สืบทราบในภายหลังว่าเป็นครูแพร) ทางเราก็เหลียวซ้ายแลขวาพยายามดูว่าใครเคาะและเกิดอะไรขึ้น เห็นเขาทำท่ากระเบนกันมา ก็เฮ้ยยยยยย อยู่ไหนนน ดูด้วยสิ ก็พยายามสับฟินตาม ๆ เขาไป ได้เห็นแค่ปลายหางก่อนที่จะกระเบนนกตัวนั้นจะหลบหายไปในน้ำทะเลสีฟ้า










    โชคดีที่อ้อมถ่ายไว้ทัน ขอบคุณมากนะค้าาาา
    รูปเดียววนลงกันลงกันทั้งลำนะคะ

    จุดใหญ่ไม่มา ก็มีจุดเล็กมาปลอบใจเนอะ




















    Dive 11 - กองใน

    Depth: 14.4 m. | Time: 60 mins








    ไดฟ์สุดท้าย ทิ้งท้ายโลซินก่อนปิดซีซั่น ที่ไม่ได้ทำอะไรมากนอกจากลงไปถ่ายรูป เล่นตลก เป่าฟองอากาศแล้วทำให้เป็นวงกลม (พัฒนาทำเป็นวงเล็ก ๆ จาง ๆ ได้แล้วนะจ๊ะ)









    วนเวียนอยู่กับปลาเล็กปลาน้อย


















    หัดใช้ macro ไปเรื่อย ๆ






























































    น้องบอกว่าไปกออื่นบ้างเถอะ รำค๊าญญญ



















    ไปดูการถ่ายภาพแบบ advance



















    ไปถ่ายรูปที่เกือบดีแล้วถ้าไม่โดนโฟโต้บอมด้านหลัง (หึ!)



















    หน้าดูง่วงมาก ฮือออออ



















    พอขึ้นมาแล้วก็จัดแจงอาบน้ำแต่งตัว มาฟังพี่โน่บรีฟเกี่ยวกับการเก็บอุปกรณ์และนัดหมายเรื่องรถตู้ในวันรุ่งขึ้น จากนั้นก็ถ่ายภาพรวมไว้เป็นที่ระลึก เย้!






























    ทริปโลซินถิ่นปลานกแก้วเพราะแห้วน้องจุดในครั้งนี้ ทำให้เรานึกถึงวลีที่ว่า Disconnect to connect แหละ เพราะตลอดสามวันที่ไม่มีเน็ตใช้เพื่อที่จะติดต่อใครผ่านจอสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ทำให้เรามีเวลาที่จะอยู่กับตัวเองมากขึ้น มีช่วงให้คิด ได้ไตร่ตรองและตกตะกอนอะไรที่อยู่ในใจ เห็นภาพสิ่งที่ค้างคาอยู่ในสมองได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้นผ่านความเงียบสงบของท้องทะเล ตลอดจนเราได้คุยกับคนรอบตัวจริง ๆ โฟกัสกับคนรอบตัวและอยู่กับบทสนทนาที่เต็มไปด้วยสาระความรู้และข้อคิดต่าง ๆ (หรือหาเวลาเหมาะ ๆ ที่จะตบมุก) โดยที่ไม่มีโนติจากมือถือมารบกวนจิตใจ









    การดำน้ำก็เหมือนการมากดปุ่มรีเซตตัวเองใหม่นั่นแหละ
    ได้รับพลังงานดี ๆ จากธรรมชาติ จากคนรอบตัว และได้เติมกำลังใจให้ตัวเอง











    สุดท้ายนี้เราขอขอบคุณ LET's Dive Thailand ที่จัดทริปโลซินปิดซีซั่น
    มากับทีมนี้ยังไงก็สนุกกกกกกกกก


    ขอบคุณพี่โน่และเรืออิสระที่ให้การต้อนรับพวกเราเป็นอย่างดี
    บริการยอดเยี่ยม อาหารอร่อยมากมากมากมากมากทุกมื้อ
    ถ้าอยู่นานเกินกว่านี้อาจเป็นง่อยได้เพราะพี่ ๆ คนเรือทำให้ทุกอย่างเล้ย
    ตั้งแต่จัดอุปกรณ์ ใส่ฟินให้ ขออะไรพี่ทำให้ได้หมดทู้กอย่าง



    ขอบคุณ ครูกบ ครูแพร ครูแมท พี่โจ พี่แคท
    พี่บิลลี่ พี่เหม่ย พี่นิค พี่ต้น พี่แก้ว พี่เกด พี่เจ พี่ป้อ พี่อาม พี่หนิง
    เจ้แนท ฟรัง ปัน แอม ฝ้าย อ้อม โจ้ เอิ๊ค นุกนิค น็อต
    ที่คอยสร้างเสียงหัวเราะครื้นเครงตลอดระยะเวลาสี่วันสามคืนตลอดทริปนี้นะคะ







    แล้วพบกันใหม่คราวหน้า
    จะไปดำน้ำบุ๋ง ๆ ที่ไหน โปรดติดตามตอนต่อไปด้วยนะเออ











    น้องพลอยคนดีคนเดิม
    เพิ่มเติมคือพกทัพพีมาดำน้ำเจ้าค่าาาาาาาา
















    See you again LOSIN











    ตามไปอ่านบันทึกการเดินทางอื่นๆได้ที่..
    .www.facebook.com/withlovefromthedesert
    IG: Ployapha.j
    #ด้วยรักจากทะเลทราย
    #withlovefromthedesert




Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in