สุ้มเสียงทุ้มนุ่มเปล่งเนื้อร้องปลุกขวัญ มาร์คัสไม่แน่ใจว่าตนเคยได้ยินเพลงนี้จากที่ไหนเมื่อไร รู้เพียงความหมายของมันบรรยายความรู้สึกของเขาได้ดีนัก เท่าที่ต้องการจากทุกคนเบื้องหลังในตอนนี้ก็แค่นั้น แค่...อดทนกันอีกสักนิด อธิษฐานต่อโชคชะตากันอีกสักหน่อย ยืนหยัดด้วยกันจนวินาทีสุดท้าย ร่วมถักทอรุ้งงามแห่งความหวังว่าท้องฟ้าวันพรุ่งนี้จะสดใส
ว่าทุกอย่างจะไม่เป็นไร
ไซมอนและจอชขยับขึ้นมายืนเคียงข้าง
อาวุธสังหารในมือเจ้าหน้าที่ไหวตกลงต่ำ
กระแสเสียงจากคนอื่นๆ เคลื่อนคล้อยลอยเข้าสอดประสาน รังสรรค์ท่วงทำนองแห่งปณิธานแรงกล้าจากใจอันหาญสู้ จากเจตจำนงอิสระ...มิได้เกิดแต่โปรแกรมที่มนุษย์เขียน จากจิตวิญญาณซึ่งเพียรภาวนาให้ชีวิตของตนได้ออกจากเงามืดที่จองจำมาพบพานแสงสว่าง
"...alright"
เสียงอบอุ่นจบลำนำขับขานอย่างละเมียดละไม ก่อนหลับตาลงราวกับหน้าที่ของตนสิ้นสุดแล้วเพียงเท่านั้น เหลือแค่รอ... หากปลายกระบอกปืนนับสิบจะผันกลับมาสาดกระสุนเข้าใส่ หากอนาคตอันสดใสของพวกเขาจะเป็นเพียงหวังอันลมแล้ง ไม่มีวันเป็นจริง
ทุกอย่างเงียบจนน่าใจหาย
"..."
ไร้ซึ่งเสียงเหนี่ยวไก
สดับได้เพียงสิ่งตรงข้าม
มาร์คัสลืมตาขึ้น
เจ้าหน้าที่พร้อมอาวุธยุทโธปกรณ์ถอนกำลังห่างออกไป แต่เขารู้ดีว่ามิใช่เพราะบทเพลงนั้น ฝ่ายตรงข้ามล่าถอยด้วยหวาดกลัวการกรีธามาถึงของกองทัพอันเกรียงไกรกว่าต่างหาก กองทัพของหุ่นยนต์ซึ่งได้รับการ 'ปลุก' ให้ตื่นขึ้นเพรียงพร้อมกัน กองทัพอันนำโดยนักล่าดีเวียนต์ผู้แปรพักตร์ กองทัพแห่งความหวังสุดท้ายที่เขาเฝ้ารอ
กองทัพของคอนเนอร์
"คุณทำสำเร็จ"
คอนเนอร์เอ่ย แสดงความยินดี
มาร์คัสเกือบจะยกยิ้ม
"เราทำสำเร็จ"
ใครเพียงคนเดียว ไม่อาจโยกย้ายภูผา
ใครเพียงคนเดียว ไม่อาจพลิกโชคชะตา
ต้องรวมใจกันเท่านั้น
ต้องเป็นเรา
.
.
"พวกเขาว่าเราล้ำเส้นเรื่องการนิยาม 'การสืบพันธุ์' ใหม่..."
แขวนสูทตัวนอกไว้ที่ผนัง หมุนตัวกลับ ขยับมือแกร่งคลายเนคไทให้หลวมลง กึ่งๆ จะถอดแต่ยังไม่ตัดสินใจ แน่นอน...มันไม่อาจทำให้เขาหายใจลำบากเหมือนอย่างมนุษย์ เพราะเขาไม่จำเป็นต้องหายใจจริงๆ แต่ความอึดอัดยังบีบรัดคอได้ไม่ต่างกัน อาจเป็นแค่ความไม่คุ้นชินของคนที่มักสวมเสื้อคอกว้างสบายเวลาอยู่บ้านเสมอ คงเพราะถูกเลี้ยงมาโดยศิลปินเอกของโลกด้วยส่วนหนึ่ง ความรู้สึกของมาร์คัสจึงซับซ้อนละเอียดอ่อนยิ่งกว่าแอนดรอยด์ตนใด ทุกสิ่งละอันพันละน้อยที่ผ่านเข้ามามีผลกับเขาไม่ต่างจากมนุษย์
"และ...มักมาก โดยเฉพาะเรื่องสิทธิทางการเมือง สิทธิการเลือกผู้แทนของเราเข้าไปในสภา เขาว่ารัฐสภาผสมระหว่างมนุษย์กับแอนดรอยด์ยังเป็นอะไรที่ 'เกินไป' หน่อย ณ จุดนี้"
ทุกคนทำหน้าเหมือนยังประมวลผลไม่ทัน
มีเพียงคอนเนอร์ นั่งจ้องเนคไทตาปริบๆ
มาร์คัสยังยืนค้ำหัวโต๊ะตัวยาว ไม่หาที่นั่ง มันเป็นโต๊ะตัวที่เขาคุ้นเคยกับการจัดอาหารให้เจ้าของบ้านมาเนิ่นนาน คาร์ลรับเขากลับมาอยู่ด้วยกัน และยังใจดีให้ใช้บ้านเป็นสถานที่ประชุมของสภาชั่วคราวอย่างไม่เป็นทางการของกลุ่มแอนดรอยด์ปฏิวัติมาหลายโอกาส จนมันชักเริ่มกลายเป็นประเพณี แน่ละ...พวกเขาจะหาที่พึ่งอื่นใดดีกว่านี้ได้อีก
เขาเพิ่งเข้าพบประธานาธิบดี รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และคณะกรรมการที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ในการเจรจาหารืออย่างไม่เป็นทางการนัดแรก เพื่อกลั่นกรองขั้นต้นในเรื่องข้อเรียกร้องเกี่ยวกับสิทธิที่ฝ่ายแอนดรอยด์มีความประสงค์จะชี้แจงให้รัฐสภาพิจารณา ทุกอย่างเป็นไปได้เกือบดี เว้นแต่...
"อิสรภาพมาพร้อมเงื่อนไขเสมอ เราน่าจะรู้...ฉันควรรู้อยู่แล้ว"
ในประวัติศาสตร์ของโลกเมื่อมนุษย์ปลดแอกตนเองจากเจ้าอาณานิคม —จากกันและกันเอง— ไม่มีจุดเริ่มต้นของอิสรภาพใดที่ไม่ถูกจำกัด ฝ่ายกุมอำนาจล่อลวงผู้ถูกกดขี่ให้โอนอ่อนผ่อนปรนลดความกระด้างกระเดื่องด้วยคำว่าเสรีภาพอันแสนหอมหวาน 'พวกคุณจะได้รับอิสระ' 'อิสรภาพอยู่ตรงหน้าคุณนี่เอง' 'พวกคุณเป็นไทแล้ว'
ทุกคำหวานลงท้ายโดยวลีขึ้นต้นด้วย 'แต่'
'แต่ว่าเราขอสงวนพื้นที่ตรงนี้...' 'แต่ในเบื้องต้น เราจำเป็นต้องธำรงไว้ซึ่ง...' แต่เล็กแต่น้อย ยิบย่อยไม่รู้จบ บางทีเขาอาจกล่อมตัวเองด้วยภาพฝันอันงดงามมากเกินไป จึงต้องแบกความช้ำกลับมาร่วงล้มจมทะเลแห่งความผิดหวังในตัวมนุษย์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
มาร์คัสยืนกอดอกเมื่อทุกคนเงียบ
คลายเนคไทออกอีกครึ่งทาง
"พวกนายคิดว่าไง... ไซมอน?"
โชคดี...อีกฝ่ายไม่ได้เรียกเขา คอนเนอร์ยังจ้องเนคไทที่ถูกรูดออกไม่สุดตาไม่กะพริบ บางส่วนในตัวเขาอยากจะยื่นมือออกไปจัดมันให้เรียบร้อย และเขาไม่เข้าใจมันเลยแม้แต่นิดเดียว จอชซึ่งนั่งอยู่ข้างแอนดรอยด์นักสืบสังเกตเห็นวงแหวนตรงขมับเจ้าตัวสว่างขึ้นเป็นสีเหลืองโดยไร้เหตุผล แต่ไม่พูดอะไร คอนเนอร์เป็นคนเดียวในที่นี้ที่ยังไม่ถอนการติดตั้งของไฟแสดงสถานะการประมวลผลออก
"ฉันว่ามันก็ธรรมดา หมายถึง...เราต่างรู้ดีว่าธรรมชาติของมนุษย์เป็นยังไง หรือไม่ใช่? ยอมไปก่อนอาจไม่แย่เท่าไร เรา..."
"ยอมตั้งแต่ก้าวแรก พวกเขาจะยิ่งย่ามใจว่าเราอ่อนแอน่ะสิ" เทรซีสาวผมฟ้าโพล่งขัด
เสริมทัพด้วยแฟนสาวผมสีน้ำตาลของเธอ "เสรีภาพที่มีข้อจำกัด มันไม่ควรเรียกว่าเสรีภาพอย่างแท้จริง เราไม่ได้ฝ่าฟันทั้งหมดนั่นมาเพื่อเจอกับอะไรแบบนี้นะ"
"ฉันว่าที่ไซมอนจะสื่อก็คือ..." จอชเริ่มเอ่ยปาก "ไม่ใช่ว่าเราจะยอมแพ้ในประเด็นที่พวกเขาปฏิเสธไปเลย แค่อาจต้องใช้เวลาตะล่อมนานสักหน่อย ค่อยๆ สู้ให้ได้ไปทีละขั้น ทีละเรื่อง"
"เจาะจง 'นานสักหน่อย' ของนายได้ไหม ต้องรอจนเราสูญพันธ์ุเพราะรัฐบาลชัตดาวน์ไลน์ผลิตของไซเบอร์ไลฟ์ไปตลอดกาลเลยหรือเปล่า"
"นายไม่จำเป็นต้องประชดเขาแบบนั้นน่า รูเพิร์ต" ไซมอนปรามอย่างใจเย็น
แต่การถกเถียงต่อจากนั้นยิ่งโหมกระพือราวไฟลามทุ่ง
มาร์คัสพยายามดึงความสนใจของทุกคนกลับมาอยู่พักหนึ่ง ทว่าไม่เป็นผล เขาเครียดมาจากการประชุมกับตัวแทนฝ่ายรัฐบาลอยู่แล้ว กลัวว่าคำพูดของใครจะเป็นน้ำมันสาดโหมกองไฟในหัวตนให้ลุกไหม้ตามไปอีกคน ต้องตัดสินใจปลีกตัวออกจากห้องเงียบๆ เลื่อนประตูเปิดและปิดลงโดยไม่มีใครสังเกตด้วยซ้ำ
ยกเว้นหนึ่งคน แทรกตัวตามมาได้ทัน
ยืนจ้องเขาราวเด็กน้อยมีเรื่องจะขอคุณครู
"ว่าไง..." กระซิบถาม น้ำเสียงนุ่มนวล
คอนเนอร์เดินตรงเข้าหา ไม่พูดไม่จา
ยื่นนิ้วขาวๆ มาแกะผ้าผูกคอออกให้
"..."
มาร์คัสก้มมอง นัยน์เนตรต่างเฉดสีจรดจดจ้องการเคลื่อนไหวของมือคู่นั้น และบันทึกภาพทรงจำไปพร้อมกัน ปลายนิ้วสวยค่อยๆ รูดเนคไทซึ่งคลายปมเรียบร้อยออกจากคอเสื้อเชิ้ตของเขา ก่อนบรรจงพาดเส้นผ้าไหมเรียบหรูวางคืนไว้บนไหล่กว้าง แตะประทับย้ำให้แน่ใจว่ามันจะไม่ลื่นหล่นลงมา
หิมะเกล็ดหนึ่งโรยตัวลงบนนั้น
"ขอโทษครับที่ถือวิสาสะ แค่เห็นแล้วมัน..."
คอนเนอร์ถอนมือออก
แต่ถูกมือแกร่งคว้าไว้
ผิวเนื้ออย่างมนุษย์ของทั้งคู่กระเพื่อมไหวสลายเป็นวงวูบหนึ่ง
"ขอบใจ"
มาร์คัสปล่อยมือหลังพูดจบ ชั่ววินาทีที่พวกเขาสัมผัสกัน คอนเนอร์ทันได้เห็นความทรงจำสั้นๆ ที่ไม่มีสาระมากมายอะไรวาบผ่านเข้ามา ก็แค่ภาพมือคู่หนึ่งกำลังผูกเนคไทให้กับอีกฝ่าย แค่เนคไทเส้นนั้นบังเอิญหน้าตาเหมือนกับเส้นนี้ และมือคู่นั้น...ก็มีลักษณะเหมือนกันกับมือคู่ที่เพิ่งถอดมันให้เมื่อครู่นี้
ถือเป็นความทรงจำที่ดีหรือร้ายกัน?
'ขออนุญาตได้ไหมครับ'
เพราะเขาปล่อยให้ผู้นำของแอนดรอยด์ผูกเนคไทไม่สมบูรณ์แบบไปประชุมไม่ได้ จึงถือวิสาสะแก้ให้เสียในเช้าวันนั้น ก่อนเจ้าตัวออกเดินทาง และหากถามว่าเอาเวลาไหนไปเห็น ก็คงต้องตอบว่าเพราะคืนก่อนนั้นพวกเขาอยู่ด้วยกัน แค่...! นั่งดูหิมะตกยามค่ำคืนด้วยกัน เงียบๆ...แค่นั้น...
เพียงเพราะมันทำให้นึกถึงคืนนั้น...ที่พวกเขาได้ร่วมต่อสู้และประกาศอิสรภาพให้กับดีเวียนต์ด้วยกัน
"ทำไมต้องขอโทษด้วยล่ะ เรื่องแค่นี้"
"แค่คิดว่าคุณอาจรำคาญใจ ผมยังไม่ค่อยชอบเลยที่ตัวเองเป็นแบบนี้ โดยไม่รู้ว่าทำไม..."
ระหว่างสาธยาย พระจันทร์เต็มดวงก็ส่องสว่างขึ้นข้างขมับของคอนเนอร์ ใบหน้าคมสันเอียงมองให้ชัด น้ำทะเลในเลนส์ตาข้างขวาของมาร์คัสสะท้อนแสงของมันแวบหนึ่ง
"นายแค่...เริ่มพัฒนารูปแบบพฤติกรรมเฉพาะเพิ่มขึ้นทีละอย่างในทุกๆ วัน นายไม่เข้าใจมันเพราะมันไม่ใช่อะไรที่แสดงออกโดยชุดโปรแกรมคำสั่งจากไซเบอร์ไลฟ์"
"เหมือนกับ...นิสัยมนุษย์น่ะหรือครับ"
พระจันทร์สีเหลืองนวลกลับเย็นลงเป็นโทนสีเดียวกับนัยน์ตาขวาของเขาอีกครั้ง
"อืม ซึ่งในที่นี้แปลได้คร่าวๆ ว่านายเจ้าระเบียบ ชอบจัดทุกสิ่งให้อยู่เป็นที่ทาง พิถีพิถันทุกองศา ชอบสวมเสื้อผ้าชุดเดิมซ้ำๆ..."
"นี่มันเครื่องแบบของผมครับ..."
"ไว้เราค่อยจัดการเรื่องนั้นกันทีหลัง"
มาร์คัสเลิกนอกเรื่อง ยื่นนิ้วยาวๆ ขึ้นไปแตะวงพระจันทร์สีเยือกแข็งข้างขมับคอนเนอร์
"ทำไมนายยังไม่เอามันออกสักทีล่ะ"
เจ้าตัวเอียงคอมองเขา "ผม...ไม่ได้ใส่ใจมันมากกว่าครับ จริงๆ ปล่อยทิ้งไว้ก็ง่ายกับมนุษย์ดี เห็นระดับอารมณ์แล้วจะได้ไม่ต้องมากความกัน"
ตอนท้ายคล้ายเป็นมุกตลกร้ายเบาๆ
หากเขาสนใจเพียงใบหน้าน่ารัก
ซึ่งมักจะราบเรียบอยู่เสมอ
"หัดใช้ให้ชินสิ..." มาร์คัสกระซิบ
ลูกแก้วสีน้ำตาลอ่อนเหลือบมองขึ้นบนเล็กน้อย เมื่อปลายนิ้วชี้ของอีกฝ่ายจรดลงกลางหน้าผากตน
"นายมีทั้งหมดนี้..." นิ้วเยียบเย็นลากไล้ลงมาตามสันจมูกสวย วนขึ้นไปรอบดวงตา อ้อมผ่านพวงแก้มนวลเนียน ทุกส่วนเลือนสลายคลายม่านผิวมนุษย์ออกไวๆ ยามปลายนิ้วของแอนดรอยด์อีกคนลากผ่าน ก่อนสิ้นสุดปลายทางลงตรงริมฝีปากล่างบางลิ้ม
"..."
"...ไว้แสดงออกถึงอารมณ์ได้นับร้อยพันอยู่แล้ว"
แพขนตาบางกะพริบสั่นเพียงครั้ง
หลุบมองนิ้วที่ยังอ้อยอิ่งอยู่กับเรียวปากตน
สัมผัสอ่อนละมุนจากปลายมือแกร่งเลื่อนกลับขึ้นไปข้างขมับเขาอีกครั้ง "จะต้องมีมันไปอีกทำไมกัน..."
กลีบปากนุ่มเป็นอิสระจากนิ้วมือนั้น
แต่ไม่อาจรอดพ้นสัมผัสจากส่วนอื่น
อุ่น...
และเขาไม่ได้หมายถึงอุณหภูมิ
บางอย่างในรอยจูบของมาร์คัสทำให้เขารู้สึกเช่นนั้น มันคือความอบอุ่น น่าไว้วางใจ น่าอยู่ใกล้ แบบที่คอนเนอร์ไม่เคยรู้จัก และมันค่อยๆ รุ่มร้อนขึ้นยามเมื่ออีกฝ่ายสลายผิวหน้าอย่างมนุษย์ออก คอนเนอร์รู้สึกถึงความไม่มั่นคงซึ่งวูบไหวขึ้นในใจอีกครั้ง เหมือนกับความต้องการจัดเนคไทให้เจ้าตัวก่อนหน้านี้
ที่ไม่อาจหาเหตุผลว่าทำไม เพราะมันเกิดจากเขา ไม่ใช่โปรแกรม จะสันนิษฐานว่าเป็นอารมณ์ความรู้สึกอันแท้จริงก็คงไม่ผิดนัก
และคอนเนอร์ต้องการมากกว่านั้น
ต้องการรู้สึก...ถึงมาร์คัส
จึงเปลือยผิวหนังมนุษย์ออกเช่นกัน
และสิ่งเดียวที่เขาสัมผัสได้ต่อจากนั้นก็มีแต่มาร์คัส...มาร์คัส และมาร์คัส ตั้งแต่ยอมรับว่าตนเป็นดีเวียนต์ คอนเนอร์ได้เข้าใจว่าความรู้สึกมากมายที่ตนแสดงออกระหว่างทำภารกิจนั้นคือด้านอันเหมือนมนุษย์ซึ่งไม่ใช่ความผิดพลาดของโปรแกรม เขารู้จักความเห็นอกเห็นใจเมื่อตนปล่อยดีเวียนต์หลบหนีไป ได้เรียนรู้มิตรภาพและความห่วงใยจากผู้หมวดแอนเดอร์สัน ได้ลิ้มรสความมืดมนอับจนหนทางจากความผิดพลาดล้มเหลว ได้สัมผัสความรักตัวกลัวตาย เมื่อรู้สึกว่าตัวเองมีชีวิต
แต่ไม่มีอารมณ์ความรู้สึกใดเหมือนรสจูบนี้
มันคือสิ่งใหม่ที่เขาไม่เคยประสบหรือเข้าใจ
ไม่เคยเป็นแบบนี้กับใครมาก่อน
เหมือนฝัน แต่ก็ไม่ใช่ฝัน
เป็นตัวเอง แต่ก็ไม่เป็นตัวเอง
มนุษย์เรียกมันว่าอะไรนะ?
มาร์คัสถอนจูบ เมื่อดึงวงแหวนไฟประมวลผลออกจากขมับคอนเนอร์ได้แล้วโดยเจ้าตัวไม่ทันรู้ มือแกร่งล้วงกระเป๋ากางเกงแสล็กของตน แอบหย่อนมันลงไปนอนนิ่งในนั้นเงียบๆ คอนเนอร์ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาบ้างเล็กน้อย แต่ไม่นานความวิตกกังวลก็กลับเข้าเกาะกุมความคิดอีกครั้ง ทั้งนึกได้ว่าคอนเนอร์นั่งเงียบตลอดการประชุม...
"แล้ว...นายคิดว่ายังไง?"
คอนเนอร์โคลงศีรษะ "...ชอบ...ครับ"
ตอบตรงจนน่าเอ็นดู
ติดแต่เขาไม่ได้หมายถึงจูบ
มาร์คัสอดหลุดยิ้มน้อยๆ ไม่ได้ "คอนเนอร์ ฉันหมายถึงเรื่องในที่ประชุม"
"อ้อ..." ภาพตรงหน้าทำให้เขาคิดช้าลง ไม่แน่ใจว่าเคยเห็นอีกฝ่ายยิ้มแบบนี้บ่อยนัก อยากบันทึกและทำสำเนาแบบจับต้องได้เก็บไว้ดูซ้ำสักหน่อย แฮงค์จะมีกล้องถ่ายรูปให้ยืมไหมนะ?
"มนุษย์กลัวสิ่งที่แตกต่างจากตัวเองอยู่แล้วครับ ยิ่งสิ่งที่มีศักยภาพเหนือกว่าในทุกด้าน หากปล่อยให้เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างเกือบอิสระ พวกเขายิ่งกลัวว่าจะนำมาซึ่งการสูญสิ้นของเผ่าพันธุ์ตนในอนาคต โดยหลักการแล้ว ข้อเรียกร้องเกี่ยวเนื่องกับการดำรงเผ่าพันธุ์ของแอนดรอยด์จะมีน้ำหนักและฟังดูไม่น่าหวาดวิตกก็ต่อเมื่อเราพิสูจน์ให้เห็นในระยะเวลาหนึ่ง ว่าการมีอยู่ของเราร่วมกับสังคมมนุษย์ไม่ได้เป็นภัย"
"มีเหตุผล"
"ส่วนเรื่องผู้แทน ผมพูดแบบนี้แล้วกัน คุณรู้ใช่ไหมว่าสังคมมนุษย์ประกอบด้วยกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศมากแค่ไหน และจนถึงทุกวันนี้สัดส่วนผู้แทนของพวกเขาในสภาก็ยังไม่สอดคล้องกับโลกความเป็นจริงเท่าไรเลย แต่พวกเขาก็ไม่ได้หยุดเรียกร้อง และมันก็ค่อยๆ ดีขึ้น คุณเข้าใจใช่ไหม"
"ทุกอย่างมีเวลาของมัน"
คอนเนอร์พยักหน้า "คุณพูดในวันนั้นว่าเราต้องร่วมกันสร้างอนาคตด้วยความอดทน ผมเองก็เชื่ออย่างนั้นเหมือนกัน แต่ไม่ว่าคุณตัดสินใจยังไง ผมก็ยังจะสนับสนุนและยอมรับผลของมันไปพร้อมกับคุณอยู่ดี"
ขอบคุณอีกกี่คำก็ยังไม่พอ
คอนเนอร์ชอบทำให้เขารู้สึกแบบนั้น
"เราน่าจะกลับเข้าไปได้แล้ว..." มาร์คัสพยักเพยิดไปทางประตู
คอนเนอร์เห็นด้วย แต่ว่า... "ผมถามอะไรอย่างได้ไหม"
"กี่อย่างก็ได้ครับ"
ไม่ว่าสีของใบไม้หรือท้องฟ้าก็ดูอบอุ่นไม่ต่าง
แววตาของมาร์คัสอ่อนโยนใจดีกับเขาเสมอ
"คุณจูบผมทำไมเหรอ..."
มือแกร่งยื่นออกมาตรงหน้า ขอมือของเขา
คอนเนอร์ถ่วงเวลา จนกว่าจะได้ยินสักคำ
เจ้าตัวเหมือนจะตอบ แต่ก็ไม่เป็นคำตอบ
"นายรู้ว่าทำไม"
อาจจริงอย่างมาร์คัสว่าก็ได้
"มาเถอะ"
เขารู้อยู่แล้วว่าทำไม
.
.
บรรยากาศในห้องประชุมเย็นลงแล้ว
มาร์คัสไม่รู้สึกเลยว่าตนหลบไปนานขนาดนั้น แต่ใครสักคนถึงกับหนีไปนั่งเล่นหมากรุกจับเวลาอยู่คนเดียวในมุมมืด ที่เหลือยังนั่งอยู่กับโต๊ะ เงียบ รอให้เขาเข้าไป ไซมอนเงยหน้าขึ้นมาเห็นเขาเป็นคนแรก ตามด้วยจอช และคนอื่นๆ คอนเนอร์หน่วงจังหวะย่างก้าวของตนลงเล็กน้อย ให้ผู้นำไปถึงทุกคนก่อน
"เราโหวตกันแล้ว"
"และ...?"
จอชเม้มปาก "คะแนนเสียงเท่ากัน"
"นายต้องเลือกให้เราแล้วละ มาร์คัส" ไซมอนว่า
จะโอนอ่อนผ่อนปรนไปก่อน หรือยืนยันความต้องการพื้นฐานทั้งหมดที่แอนดรอยด์ควรได้? อีกครั้ง...การตัดสินใจครั้งใหญ่ซึ่งกุมชะตาแอนดรอยด์ทั้งหมดตกอยู่ในมือของเขา หลายครั้งนำไปสู่ความสำเร็จอันเป็นบันไดในการต่อสู้ขั้นถัดไป แต่หลายคราว...เลือดสีน้ำเงินก็หลั่งนองพื้นดิน สาดเปื้อนหิมะขาวซึ่งห่มคลุมเมืองดีทรอยต์ ย้อมมือและหัวใจอันรวดร้าวของเขาอย่างไม่อาจลบเลือน
มาร์คัสไล่สายตามองแต่ละใบหน้ารอบโต๊ะ
ชำเลืองข้ามไหล่ไปถึงคนยืนเยื้องอยู่ข้างหลัง
คอนเนอร์พยักหน้าให้เขาน้อยๆ
'...ไม่ว่าคุณตัดสินใจยังไง ผมก็ยังจะสนับสนุน...'
"ฉัน..."
มาร์คัสตัดสินใจว่าจะ...
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in