เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ส่องไพร่iwannabacktobed
วันที่สิบ "ตัวเองที่หาย"
  • หลังจากผ่านเรื่องวุ่นวายต่างๆมากมายภายในสองสามอาทิตย์ ทั้งวุ่นวายชีวิต วุ่นวายมหา'ลัย วุ่นวายหัวใจ ไอ้วุ่นวายอันหลังสุดเนี่ยแหละที่วายปวงมากที่สุด เคยมีแฟนแต่ไม่เคยมีความรัก เขาบอกชอบเรา เราก็ไม่ได้ทำอะไร ไม่ตอบรับ ไม่ปฏิเสธ ไม่รัก ไม่เกลียด คบ เลิก เท่านั้น

    พอโตขึ้นอะไรหลายอย่างก็เปลี่ยนไป ความรู้สึกโตขึ้น สติปัญญาโตขึ้น แต่สิ่งที่ไม่ว่านานเท่าไหร่ก็คงไม่เจริญไปด้วย คงความปากแข็ง รักก็ไม่พูด เกลียดก็ไม่พูด เพราะเพียงรู้สึกว่าพูดไปอาจทำให้บางอย่างเปลี่ยนไป แปรเปลี่ยนเป็นไปในทางที่ไม่ดี เลวร้าย โศกเศร้าอาดู ดังนั้นเราควรเก็บงำความรู้สึกไว้ให้ลึกที่สุด เก็บเป็นความลับระหว่างตัวเองกับตัวเอง

    เพื่อนในจิตนาการที่ยังคอยให้ความช่วยเหลือด้วยดีตลอดมาตั้งแต่ปัญหาเล็กๆอย่างเพื่อนโป้งตอนเด็ก จนถึงเรื่องใหญ่ๆแบบการเรียนทุกวันนี้ ไม่รู้จะขอบคุณอย่างไร เพราะพูดแล้วก็เหมือนชมตัวเอง แต่นั่นแหละ เราควรให้รางวัลแกตัวเองเสียบ้าง

    อย่างที่บอกไปแล้ว ความวุ่ยวานอันสุดท้ายทำให้ตัวเองหายไป ตัวเราไม่เคยยกเรื่องนี้มาเป็นปัจจัยสำคัซต่อชีวิต มีก็ได้ ไม่มีก็ได้ ชีวิตไม่ได้เปลี่ยนไป เพราะไม่เคยรู้จักสิ่งนั้นอย่างจริงจัง สิ่งนั้นที่เรียกว่า "ความรัก" ขอบคุณคุณคนนั้นที่ทำให้ครั้งหนึ่งเราคนนี้ที่ใคร็ต่างบอกว่าเย็นชา ไร้ความรู้สึกนึกคิดใดใด ได้ร้องห่มร้องไห้ หน้าอัดเต็มหมอน กำผ้าปูที่นอนย่ำยู่ยี่ กัดกลั้นความรู้สึก ตาบวม สิวบุก นอนดึก รอคอยที่จะพูดคุย รอที่จะเจอ ถ้าผ่านมาเจอ เราขอบคุณเธอมากๆนะที่ทำให้เราไม่ได้เย็นชาอย่างที่คนอื่นตัดสิน แต่เราเองก็อ่อนไหวกับเรื่องอย่างนี้เช่นกัน

    แต่ความอ่อนไหวเปลี่ยนแปลงนี่เองที่ทำให้เรารู้สึกเหมือนเติบโต มีความรู้สึกเกิดใหม่ ถ้าจะอธิบายให้เข้าใจง่ายๆเลยก็คงเหมือนเกาะ เกาะใหม่ในเรื่อง inside out มีเกาะแห่งความทรงจำขึ้นมาใหม่

    หลังจากที่ไปจ่ายค่าชมรมให้แก่มหา'ลัย ก็ได้กลับมาทบทวนเรื่องราวต่างให้ชีวิต คิดให้ดี จัดตารางชีวิตใหม่ จากที่ต้องตื่นมาเพื่อตอบ เพื่อที่จะได้คุยกับเธอ เธอที่ตลอดมาไม่เคยเรียกชื่อเรา 
    เราเองที่เกลียดคำเรียก "เธอ" หรือ "แก" กลับยอมให้เรียก เพียงเพื่อยอมตามใจ ทุกๆ "เธอ" ที่ออกมากลับรู้สึกตื่นเต้น และคอยฟังว่าประโยคต่อๆไปคืออะไร 

    เกลียดการนอนดึก กลับนอนตีสอง หรือไม่นอนเลย 

    เกลียดการเล่นโทรศัพท์จนร้อน กลับเล่นจนแบตขึ้นขีดแดง 

    เกลียดแจ้งเตือนที่เด้งตลอดเวลา กลับดีใจทุกครั้งที่มือถือสั่น 

    เกลียดความรัก กลับลืมความเกลียดนั้นและสุขแทน 

    เกลียดสีเหลือง เกลียดสับปะรด กลับซื้อเสื้อมีเหลืองลายสับปะรด 

    เกลียดที่จะตั้งคำถาม เกลียดการต้องคุยกับใครยาวเกินสองสามประโยค หรือตั้งคำถามใคร กลับนั่งนึกว่าอยากจะพูดอะไร ถามอะไรให้บทสนทนาต่อยาวได้ 

    ความคิดล่องลอยอยู่กระจัดกระจายแตกแยก เพื่อนในจิตนาการแบ่งออกเป็นสองฝั่ง ฝั่งหนึ่งบอกว่า 

    "หยุดนะ! หยุดได้แล้ว หยุดวัฎจักรงี่เง่านี่เสีย ปล่อยโทรศัพท์ลงซะ! กลับมานอนเร็วให้ได้ หยุดคิดถึง!!"

    อีกฝั่งหนึ่งบอกว่า "การคิดถึงไม่ใช่เรื่องผิด ทักไปสิเดี๋ยวก็ตอบกละบมา อยากคุยไม่ใช่เหรอไง"

    "จะทักไปทำไมอีก ทางนั้นไม่เคยสนใจเลยนะ เคยรู้ความรู้สึกเราที่ไหนกัน หยุดเสียทีเถอะน่า ตัดใจซะ ตลอดชีวิตอยู่คนเดียวได้ และมีความสุขมาก การที่คนๆหนึ่งเข้ามาแล้ว ใช่ อาจจะมีความสุข แต่ลอฃถามตัวเองให้ดีสิ อะไรมากกว่ากัน น้ำตาแห่งความสุข หรือน้ำตาแห่งความทุกข์ ตัดใจซะ! กลับมาเป็นตัวเองอย่างที่เป็น"

    ในขนาดที่ข้างในกำลังสับสน ทะเลาะกับตัวเอง เปิดเพลงจากเพลย์ลิสต์ "วันที่เราจากกัน" ในฟังใจคลอบิ้วอารมณ์ อยากร้องไห้เป็นครั้งสุดท้าย อยากรู้สึกอ่อนแอเป็นครั้งสุดท้าย อยากจะคิดถึงเป็นครั้งสุดท้าย โทรศัพท์ดึงสติมาอยู่เครื่องมือทุ่นแรงในมือ สายตาเหล่อ่าน เพียงสายตามองเห็นชื่อแอคเคาน์เจ้าของข้อความ

    "อยู่ไหม"

    น้ำตาก็ไหลพรั่งพรู สะกดกลั้นใจ ฝืนยิ้มพิมพ์ตอบเสมือนคนที่ร่าเริง

    "อื้อ อยู่เด้อ ว่าจ่ะได๋"

    ได้แต่สถบว่า โง่จริงๆ หลังจากคุยได้สองสามประโยค ประโยคที่พิมพ์มานั้น ก็แทบทำให้หัวใจหยุดเคลื่อนไหว ต่อมน้ำตาที่หยุดทำการ ได้เปิดทำการอีกครั้ง ความรู้สึกกระอักกระอวนพุ่งแหลมตรงมา อ่านข้อความตรงหน้าอย่างเลื่อนลางเพราะน้ำตาเอ่อล้นบดบังภาพต่างๆ ข้อความที่ทำให้เจ็บปนดีใจกลับคำเลื่อนลอย ประโยคที่ว่า

    "แค่อยู่ตรงนี้ก็พอแล้ว"
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in