เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
เล่าหนังnpuntt
FRENCH DOC DAYS : Face Places
  • บอกไว้ก่อนเลยว่าระหว่างดูไปเราก็จะมาร์คสิ่งที่สะกิดใจเอาไว้ ถ้ามันไม่ปะติดปะต่อเท่าไหร่ก็ขอโทษด้วย ดูหนังจนตาแฉะต่อเลยกับ Face Places



    ร่างกายฉันกำลังผุพัง

    งั้นเราควรทำสิ่งนี้ก่อนที่จะสายไป

    เธอหมายความว่ายังไงฮะ
    บทสนทนาจิกกัดพอประมาณกับการเดินทางที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น


    ส่วนตัวไม่เคยรู้จักทั้งสองคนมาก่อนเลยต้องทำความเข้าใจภูมิหลังนิดนึงถึงได้รู้ว่าเจอาร์เป็นช่างภาพชื่อดัง อายุ 33 ปีในปีนั้นและอานเญสเป็นคนทำหนังอายุ 88-89 ปีในปีนั้นซึ่งดูเป็นคนอายุ 89 ปีที่โคตรจะแข็งแรงและด้วยความที่ชื่อเรื่องมันบอกอยู่แล้วว่า Face Places และทั้งคู่ก็มีความถนัดในการถ่ายภาพ Portrait การเอาคนสอง generation ที่มีความถนัด ความสนใจเหมือนกันมาเดินทางร่วมกันมันน่าสนใจไปหมด


    มัน feel good กว่าที่คิดนะ ค่อนข้างตั้งใจดูตอนคุยกับชาวบ้านเลยแหละ พวกเขาขับไปยังชนบทต่าง ๆ ซึ่งเป็นความตั้งใจของอานเญสที่จะให้เจอาร์ออกจากเมือง


    *Spoil*


    เราประทับใจเหตุการณ์บางอย่างจนต้องบันทึกเอาไว้เหมือนกัน อย่างเช่น


    ชาวไร่ที่ทำไร่คนเดียวกว่า 2000 เอเคอร์ด้วยความช่วยเหลือจากเทคโนโลยีทางการเกษตร โดยที่เขาบอกว่าไร่ 500 เอเคอร์ในอดีตนั้นต้องมีคนงานอย่างน้อย 4-5 คนแต่ปัจจุบันสามารถทำงานทั้งหมดได้ด้วยตัวคนเดียว เขาเรียกตัวเองว่านักเดินทางบนรถแทรกเตอร์


    อาโมรี ชายหนุ่มที่รับผิดชอบดูแลความปลอดภัยและป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุกับผู้คนในโรงงานทำกรดเกลือทัั้งอันตรายจากเครื่องจักรและสารเคมี เขาบอกว่ามันดีนะที่ได้รับผิดชอบงานที่ทรงคุณค่าขนาดนี้

    เรารู้สึกว่ามันแบบ It's good to be a part of something ดีเนอะ

    แล้วตอนที่คนงานบอกว่าเซอร์ไพรส์กับรูปที่ติดตรงผนังทางเดินโรงงาน เจอาร์บอกว่า

    แหม งานศิลปะมีไว้ให้มนุษณ์ประหลาดใจอยู่แล้ว

    ตอนที่ชอบเป็นพิเศษคือตอนที่ทั้งคู่ต้องขึ้นบันไดไปชมผลงานบนแท้งก์น้ำก็เป็นความต่างวัยที่น่ารัก เป็นภาพเจอาร์วิ่งขึ้นบันไดอย่างคล่องแคล่วว่องไวจนหลุดเฟรมกล้อง เฟรมกล้องนิ่งและแช่มุมกล้องนั้นไว้จนอานเญสค่อย ๆ เดินขึ้นบันไดและเข้าเฟรมมาในที่สุด จนตัดสินยืนพักที่บันไดขั้นหนึ่ง ไม่วายโดนเจอาร์กัดว่าคุณจะขึ้นมาไหม ซึ่งอานเญสก็ต่อปากต่อคำกลับไปว่าบันไดมันไม่ดีย่ะ และสักพักเจอาร์ก็เดินลงมาหยุดที่ระดับขั้นเดียวกับอานเญสเพื่อดื่มด่ำผลงานด้วยกัน มันเป็นความต่างวัยที่น่ารักดี แอบคิดว่าเราจับ hint ได้ใช่มั้ยนะ


    อีกสิ่งที่น่ารักคืออานเญสมีปัญหาด้านสายตา

    เจอาร์บอกว่าคุณมองเห็นอะไรไม่ชัดแต่ดูมีความสุขดีนะ

    อานเญสบอกกลับไปว่าเธอก็เห็นอะไร ๆ มืดไปหมดก็ยังดูมีความสุขไม่ใช่หรือ


    ประเด็นเรื่องแพะเป็นอีกอย่างที่น่าคิด ทั้งสองคนไปที่ฟาร์มแพะ ฟาร์มหนึ่งเป็นแพะที่ไม่มีเขา เพราะเจ้าของฟาร์มสะบั้นเขาพวกมันทิ้งตั้งแต่ยังเล็ก ๆ โดยบอกว่ามันเป็นการป้องกันการบาดเจ็บจากการสู้กันของแพะที่เป็นอัตรายถึงที่ขนาดที่อาจจะทำซี่โครงของตัวใดตัวหนึ่งหักได้ เขาบอกว่าตอนที่เขาสะบั้นเขาของแพะนั้นมันไม่เจ็บหรอก ขั้นตอนทุกอย่างจะเสร็จสิ้นในยี่สิบนาที

    เรานั่งฟังก็ยังสงสัยว่าเขารู้ได้อย่างไร เขาไม่ใช่แพะเสียหน่อย

    ในขณะที่อีกฟาร์มเขาเลี้ยงแพะกลางทุ่งหลายร้อยเอเคอร์โดยที่แพะยังมีเขาครบทุกตัว เจ้าของฟาร์มนี้บอกว่าการตัดเขาแพะมันไร้ตรรกะสิ้นดี นอกเสียจากว่าคุณจะเห็นพวกมันเป็นแค่วัตถุดิบหรือสิ่งที่สามารถทำกำไรให้ได้คุณถึงต้องกำจัดทุกปัจจัยที่ก่อให้เกิดความเสียหายทำให้กำไรของคุณลดลง ถ้าคุณมีความเคารพสัตว์บ้างจะปล่อยให้มันอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ พวกแพะมันจะสู้กันแน่นอนล่ะ แต่คนก็เหมือนกันนี่

    อันนี้ก็แอบเห็นด้วยเหมือนกัน เราไม่รู้หรอกว่าตัดเขาแพะหรือไม่ตัดดี แต่มนุษย์ก็ต่อสู้กันเช่นกัน ไม่เห็นมีใครมาตัดสินใจแทนด้วยการตัดแขนตัดขาเพื่อไม่ให้เกิดการต่อสู้เลย แต่การเคลมแทนว่าแพะไม่เจ็บหรอกนี่แอบแปลกเหมือนกันนะ



    อีกสิ่งหนึ่งที่เพิ่งเห็นคือความลำบากในการทำงานของแต่ละสถานที่ทั้งขนาด วัสดุ เทคนิค ภูมิอากาศและภูมิประเทศ อย่างการติดภาพของกีย์ โบแต็งบนซากป้อมปราการที่ตกลงมาปักเอียงกับพื้นชายหาด พวกเขาต้องศึกษาตอนน้ำขึ้น น้ำลง ขนาดองศา การทำงานที่ต้องต่อสู้กับเวลาและสภาพแวดล้อม การขนส่งอุปกรณ์ติดตั้งที่รถเข้าไม่ถึงอย่างยากลำบาก เช้ามาผลงานก็ถูกน้ำทะเลพัดพาไปไกล หายวับไปเหมือนไม่เคยตั้งอยู่


    เจอาร์ถามอานเญสว่ากลัวความตายไหม อานเญสตอบว่า

    ฉันไม่คึิดว่าฉันกลัวนะ ฉันคิดถึงความตายบ่อย ๆ ใกล้จะสุดทางแล้วล่ะ เหมือนมีชีวิตอยู่เพื่อรอความตาย

    เจอาร์ถามว่าทำไมเป็นเช่นนั้นล่ะ

    อานเญสตอบว่าเพราะมันเป็นเช่นนั้นไงล่ะ


    อีกเรื่องก็ตอนที่ทั้งคู่ตัดสินใจขึ้นภาพภรรยาของคนงานในท่าเรือสามคนบนตู้คอนเทนเนอร์ยักษ์ ภรรยาคนหนึ่งเล่าให้อานเญสฟังว่าเธอคอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลังของสามีเสมอ อานเญสถามว่า ทำไมคุณไม่อยู่เคียงข้างเขาล่ะ ทำไมถึงอยู่เบื้องหลัง ภรรยาคนนั้นตอบกลับมาว่าใช่ เธออยู่เคียงข้างเขาเสมอ

    สุดเท่ Femenist since 1930 เท่ข้ามศตวรรษ


    โดยรวมคือ feel good มาก เราอิ่มเอมกับการพูดคุยมากกว่าการเสพภาพถ่ายเสียอีก และตอนท้ายมันแสนจะน่ารัก เจอาร์อ่อนโยนกว่าที่คิด และอานเญสมักจะมีปัญหากับแว่นตาของเจอาร์เสียจริง


    ต่อไปเราขอทำใจก่อนที่จะดูเรื่องถัดไปหน่อยแล้วกัน

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in