เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Art first (because life can wait)jchang
[Wong's] In the mood for love - An aftertaste

  • เมื่อร่างกายถูกประดับประดาอย่างสวยงามสมบูรณ์แบบด้วยเสื้อผ้าตามธรรมเนียมนิยม เคลื่อนที่ไปตามตรอกแคบๆ ห้องพักแคบๆ ระเบียงบันไดแคบๆของเกาะฮ่องกง และโลดเแล่นไปตามบทบาทที่โลกใบนี้กำหนดไว้แล้ว ภรรยา สามี เลขา นักเขียน และเพื่อนบ้าน 


    In The Mood For Love เล่าถึงเรื่องราวของร่างกายเหล่านี้ในห้วงเวลาที่พวกมันร้องประท้วงและอยากจะหลุดลอยออกไปจากระเบียบและสายตาที่จ้องมอง แต่เมื่ออิสระเกิดขึ้น มันกลับถูกแลกมาด้วยน้ำตา คำบอกลา และความทรงจำแห่งความเศร้าที่จะคงอยู่ไปตลอดกาล 


    *spolier alert*






    เริ่มต้นจากความเหงา ?

    หลังจากรู้ความจริงว่าสามีและภรรยาของตนต่างเป็นชู้รักของกันและกัน คุณเชาและคุณนายชานสัญญาว่าพวกเขาจะไม่ทำผิดซ้ำเหมือนคู่รักของตน ท่ามกลางความโดดเดี่ยวและเตียงนอนที่ว่างเปล่า คุณเชาและคุณนายชานต่างพบว่าตนเองต่างโคจรเข้ามาอยู่ใกล้ชิดกันเรื่อยๆ ความสัมพันธ์เริ่มต้นด้วยมื้ออาหารมื้อหนึ่งที่คุณเชาและคุณนายชานสารภาพต่อกันว่าภรรยาและสามีของตนหนีเป็นเล่นชู้กันไกลถึงญี่ปุ่น คำสารภาพทำให้ทั้งคู่สามารถมองตากันได้ด้วยสถานะที่เท่าเทียม ไม่ใช่ภรรยาหรือสามีของคนอื่นแต่ด้วยสถานะอันเท่าเทียมระหว่างผู้ถูกกระทำ ผู้ถูกละทิ้งและกลายเป็นเหยื่อจากความกล้าหาญของคนรัก 

    ความสัมพันธ์ของคุณเชาและคุณนายชานเริ่มต้นจากความสงสัยใคร่รู้อย่างที่เหยื่อทุกคนล้วนเคยตั้งคำถาม 


     'ทำไมสามีฉันถึงนอกใจ ?' 


    'พวกเขาเริ่มต้นไปมีชู้ได้ยังไง?'


    พวกเขาเริ่มต้นความสัมพันธ์ด้วยความสงสัยอย่างบริสุธิใจจริงๆหรือไม่ ไม่ใช่ประเด็น ด้วยความไร้เดียงสามองไม่เห็นความรักที่อาจปะทุขึ้นหรือไม่ก็ไม่ใช่ประเด็นอีกเช่นเดียวกัน เพราะคำถามและความสงสัยพวกนั้นเป็นเพียงวิธีการเดียวที่พวกเขาจะสามารถรักษาจิตใจอันบอบช้ำจากการถูกทรยศหักหลักจากการนอกใจได้ 

    คุณเชาและคุณนายชานต่างพยายามจะเข้าใจ พยายามมอบเหตุผลให้สิ่งไร้เหตุผลที่สุดบนโลกนี้ ด้วยความหวังที่ว่าถ้าพวกเขาสามารถเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดได้ ความเศร้าอาจจะหายไป ความเจ็บปวดจากความจริง การโทษตัวเอง ความเศร้าและเหงาที่ถูกซ่อนไว้ภายใต้กิจวัตรประจำวันที่ดำเนินไปตามปกติ ความรู้สึกพวกนั้นอาจจะถูกเยียวยาได้จากความเข้าใจ พวกเขาเล่น role play เป็นคู่รักที่ไม่ซื่อสัตย์ของตน จินตนาการวิธีการรับมือกับคู่รักที่อาจจะกลับมาหาในที่สุด พวกเขาพยายามจะจับมือ พยายามจะเข้าใจจุดเริ่มต้นของความรักที่ ณ เวลานั้น ช่างเป็นสิ่งแปลกปลอมที่สุด

    ถ้าความปรารถนาถูกแสดงออกมาผ่านความสงสัยและความเห็นอกเห็นใจระหว่างกันมันก็ช่างฉาบฉวย และถ้าความเหงาถูกซ่อนอยู่ในนั้นมันถูกปกปิดไว้อย่างมิดชิด ความปรารถนาปรากฎให้เห็นเพียงน้อยนิดผ่านข้ออ้างที่จะใช้เวลาร่วมกันเพื่อเขียนนิยายกำลังภายใน ปรากฎผ่านร่างกายที่เคลื่อนผ่านกันในตรอกแคบๆ ผ่านซุปงาที่คุณนายชาน 'บังเอิญ'ทำให้คุณเชาที่นอนป่วยและผ่านปลายนิ้วของคุณเชาที่สัมผัสคุณนายชานก่อนจะโดนสะบัดทิ้ง เลื่อนลอยแต่ในขณะเดียวกันก็ช่างเอ่อล้น


     ความปรารถนา ความเหงา ความเศร้า ความสงสัย ความหวังดี  - คุณเชาและคุณชานเป็นตัวละครที่เต็มไปด้วยความรู้สึก ทุกอย่างซ้อนทับ ผสม ปะปน จนไม่สามารถจะแยกความรู้สึกใดความรู้สึกหนึ่งออกมาได้ แต่สิ่งที่พวกเขาแสดงออกมาให้อีกฝ่ายได้เห็น ให้โลกที่แสนคับแคบใบนี้ได้เห็น มีเพียงสายตาที่สบกัน คำพูดไม่กี่ประโยค และความว่างเปล่ามากมายระหว่างกันและกัน 


    ความสัมพันธ์ของพวกเขาเริ่มต้นจากความเหงา ? 


    ถ้าใช่ ความเหงาที่ว่านั้นคงไม่ใช่ความเหงาที่แปลว่าความเบื่อหน่าย แต่เป็นความเหงาที่สลับซับซ้อนราวกับมีเลือดเนื้อและจิตวิญญาณ ความเหงาที่เคลื่อนที่ไปภายใต้แสงสีส้มหม่นของไฟถนนในยามราตรี ความเหงาอันลึกซึ้งตอนที่คุณนายชานในชุดรัดรูป ในห้องครัวคับแคบนั่งดื่มชาและหายไปจากตรงนั้นชั่วขณะ ความเหงาของคุณเชาที่มองผ่านหม้อหุงขาวในมือไปบนผนังโล่งๆ หรือ ความเหงาเมื่อทั้งคู่อยู่ด้วยกันแต่กลับพยายามหันมองไปทางอื่น.....



     ความเหงาที่เปรียบเสมือนความลับที่แสนเงียบงันในท้องทะเลบ้าคลั่งแห่งความรู้สึก.











    โลกส่วนตัว


     

    แต่ในเมืองเล็กที่เต็มไปด้วยผู้คนอย่างฮ่องกง เมืองที่เบียดเสียดจนเรื่องราวชีวิตของคนหนึ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะซ้อนทับโลกใบเล็กของคนอื่น ความลับที่แม้แต่คนสองคนที่เก็บมันไว้ยังไม่รู้ ก็สามารถถูกเปิดเผยออกมาได้ 


    'เราจะไม่เป็นเหมือนพวกเขา'


    คุณนายชานยืนยันหนักแน่นอีกครั้ง ใบหน้าเชิดสูง เธอมองคุณเชาที่ย้ายออกมาพักในโรงแรมแทนห้องพักเดิมที่อยู่ในตึกเดียวกัน  เธอรู้ดีว่าภายในห้องพักแคบๆนี้พวกเขาจะแอบมาเจอกันได้โดยไม่ต้องตกเป็นที่ติฉินนินทาของคนรอบตัว เธอใส่เสื้อคลุมสีแดงสดแต่กลับลังเลในการตัดสินใจมาแอบพบคุณชานที่ห้อง 2046 ของโรงแรม นี่เป็นก้าวแรกที่พวกเขาเดินออกมาจากสายตาที่คอยจับจอง เดินออกมาจากความถูกต้องเหมาะสมที่แม้จะมองเห็นแต่เข้ามากำหนดชีวิตพวกเขาในทุกระเบียบ 



    การสร้างโลกส่วนตัวของกันและกันทำให้คุณนายชานหวาดกลัว  ในโลกที่สามีเธอหนีตามชู้รักไปญี่ปุ่น เจ้านายที่ทำงานขอให้เธอจัดการดูแลบ้านใหญ่บ้านเล็กให้ ราวกับโลกกำลังสร้างเหตุผล ข้ออ้างหรืออย่างน้อยมอบคำอนุญาตให้เธอสามารถรักคุณเชาได้ดั่งที่ใจปรารถนา ให้ความลับของพวกเขาถูกกระซิบให้แก่กันและกัน แต่คุณนายชานไม่ปล่อยให้ตัวเองหมุนไปตามใจต้องการ เธอภูมิใจในความถูกต้องและแลกมันด้วยความเจ็บปวด ในทุกตารางนิ้วบนเกาะฮ่องกงที่เต็มไปด้วยผู้คน เธอขยับร่างกายในชุดกี่เพ้ารัดแน่นแล้วเปิดประตูห้อง 2046 แล้วก้าวเข้าไปหาคุณเชา แต่ในห้องที่เธอควรมีอิสระ ร่างกายกลับเลือกจะประท้วงด้วยปราการที่แน่นหนากว่าเดิม ถ้าคุณนายยิ้มในห้อง 2046 รอยยิ้มจะปรากฎเป็นเพียงภาพสะท้อนในกระจก ถ้าพวกเขากอดกันในนั้น ถ้าความปรารถนาสว่างวาบและความเหงาถูกหยิบขึ้นมาจัดวาง พวกมันปรากฎขึ้นมาในสถานทีที่คับแคบยิ่งกว่าเดิม 





    แต่ในโลกที่ความลับเริ่มปรากฎขึ้นแล้ว มันเป็นไปไม่ได้ที่ความลับนั้นจะถูกเก็บกลับไปลงไปเป็นครั้งสอง 


    ในอดีต ถ้าใครมีความลับและไม่อยากจะบอกมันคนอื่น 

    เขาขึ้นไปบนภูเขา ตามหาต้นไม้ต้นหนึ่ง เจาะโพรงบนต้นไม้ 

    กระซิบความลับลงไปก่อนจะปิดตายด้วยโคลน และความลับจะเป็นความลับไปตลอดกาล 


    เหมือนควันบุหรี่ที่พ่วยพุ่งทิ้งคราบไว้บนอากาศ คุณเชาไม่ใช่คนที่จะเก็บความรู้สึกของตัวเองไว้ได้อย่างรัดกุมเหมือนคุณนายชาน เมื่อความลับในความสัมพันธ์ของคุณเชาและคุณนายชานค่อยๆเผยตัวเองออกมา คุณเชามีทางเลือกเพียงแค่เดินขึ้นภูเขาและเก็บความลับนั้นไว้ในโพรง หรือกระซิบบอกมันให้คนที่เขาอยากจะบอกให้รับรู้มากที่สุด 


    แต่ความลับของคุณเชา คือ ความรัก ความรักปนความเหงาที่เคลือบด้วยความปรารถนา



    ดังนั้นมันเลยไม่มีทางเลือกอื่น 





    อิสระคือความรักและการบอกลา


    ในฉากที่ความลับระหว่างคุณเชาและคุณนายชานถูกเปิดเผย ในวันที่คำว่ารักที่อยู่ตรงนั้นมาแสนเนิ่นนานถูกพูดออกไป วันที่ร่างกายพยายามที่จะวิ่งไล่ตามหัวใจที่โบยบินออกไปล่วงหน้า ความจริงกับความฝัน โลกข้างในกับโลกข้างนอก ทุกอย่างผสมปนเปกันจนแยกไม่ออกว่ากำลังหลับหรือตื่น ในวันนั้นทุกอย่างเกิดในหลังลูกกรงที่แยกคุณเชาและคุณนายชานออกจากฮ่องกง ออกจากทุกอย่างและก้าวไปอยู่ในโลกส่วนตัวที่พวกเขาสร้างขึ้นมาอย่างสมบูรณ์ 





    และ



    พวกเขากอดกัน 



    ด้วยความเต็มใจ ด้วยอิสระ .. 





    มันเป็นกอดแรก 


    และในขณะเดียวกันก็อาจจะเป็นกอดสุดท้าย 



    ภายใต้ร่างกายที่ถูกควบคุม บทบาทที่ถูกกำหนด พื้นที่ส่วนตัวที่พร้อมถูกรุกล้ำได้ทุกเมื่อ เมื่อความลับถูกเปิดเผยพร้อมสายฝนที่เทกระหน่ำ ทุกอย่างที่พวกเขาเคยปฏิเสธและเก็บซ่อนไว้ไหลรวมเข้ากับโลกแห่งความเป็นจริงที่กฎทุกข้อถูกวางไว้อย่างไม่มีทางปฏิเสธ พวกเขาขยับร่างกายเข้าหากันโดยไม่หวาดกลัว แต่ในขณะเดียวกันพวกเขาก็รู้ว่าโลกใบนี้ไม่มีพื้นที่ให้กับความลับของพวกเขา ความลับของพวกเขาสมควรจะเป็นเพียงความลับเพราะเมื่อไหร่ที่มันถูกเปิดออก โลกภายนอก กิจวัตรประจำวัน ทุกอย่างจะพังลงในคราวเดียว 


    ความรัก ที่พวกเขานิยามมันด้วยภาษาอื่น ด้วยคำอื่น เมื่อถูกเปิดเผยออกมา เมื่อปล่อยให้วันเวลาสถานทีได้สัมผัสกับควารักความมลับที่พวกเขาซ่อนไว้ ฮ่องกงในปี 1960s ก็สรุปว่ามันไม่ได้แตกต่าง ....


    สุดท้าย พวกเขาก็ไม่ต่างอะไรกับสามีและภรรยาของตัวเองที่นอกใจไปมีชู้ 


    ความสงสัยในตอนแรก พวกเขาได้คำตอบโดยที่ไม่ต้องใช้เหตุผล แต่ในขณะเดียวกันมันก็เป็นคำตอบที่พวกเขาไม่สามารถยอมรับได้ 


    สำหรับโลกที่แตกสลายไปแล้ว คุณเชาและคุณนายชานมีทางเลือกเพียงอย่างเดียว - พวกเขาต้องหนี หนีไปจากฮ่องกง หนีไปสร้างโลกใบใหม่ที่มีพื้นที่พอให้กับความลับของพวกเขา 


    คำถามสุดท้ายที่เหลืออยู่ 



    พวกเขาจะหนีไปด้วยกันหรือหนีกันไปคนละทาง ... 






    ในความเงียบที่แทนคำตอบ .... ทั้งคู่หอบความลับและจากกันตลอดกาล.






    ผู้แอบมอง 

    ถ้า In the mood for love เริ่มต้นจากความเหงาที่เคลื่อนที่ใต้แสงไฟถนนสีส้ม มันจบลงด้วยความเหงาในรูปแบบอื่น ความเหงาที่จะไม่กลายเป็นความลับ ความเหงาของคนที่เดินทางไปสุดขอบโลก เข้าใจลิมิตของความรู้สึก มันอาจจะเป็นความเหงาหลังการเรียนรู้ทุกอย่างทะลุปรุโปร่ง ความเหงาที่ฉลาดและรู้ทันตัวเอง ความเหงาที่สุดท้ายก็เป็นความเหงาไม่ว่าอย่างไรก็ตาม 

    ผู้ชมในโรงหนังต่างทะยอยลุกขึ้นเมื่อ End Credit ปรากฎบนจอ ตลอดระยะเวลาเกือบสองชั่วโมงที่ผ่านมา ผู้ชมเป็นได้เพียงผู้ที่ลอบมองผ่านเข้าไปในโลกส่วนตัวของคุณเชาและคุณนายชาน มองผ่านกระจก ผ่านกรอบประตู ผ่านเงาจางๆหน้าต่าง ค่อยๆเฝ้ามองความลับของพวกเขาที่ถูกแผ่ออกมาช้าๆ มองเจ้าของความลับที่กลายเป็นคนสุดท้ายที่ได้รับรู้ความลับเหล่านั้น ผู้ชมกลายเป็นหนึ่งในเพื่อนบ้านที่คอยจับตามองพฤติกรรมของพวกเขา ในขณะที่รับรู้ความเป็นไปทั้งหมดก็ถูกผลักออกมาจากโลกส่วนตัวของพวกเขาเช่นกัน รู้สึกราวมีพลังในการควบคุมชีวิตของพวกเขาแต่ในขณะเดียวกันก็ทำอะไรไม่ได้เมื่อพวกเขาแตกสลายและเดินจากกันไป ... บางทีนี่อาจจะเป็นสายตาของพระเจ้า ของโชคชะตา ของส่ิงที่มนุษย์พยายามที่จะวิ่งหนี พยายามที่จะเก็บซ่อนความลับของเขาไว้ไม่ให้โชคชะตาที่ไร้หัวใจได้รับรู้ 


    ผู้ชมลุกขึ้นและเดินออกจากโรงหนัง พวกเขาไม่ได้มองภาพตัวเองซ้อนทับกับตัวละคร แต่ในชั่วขณะนั้น คุณเชาและคุณนายชานกลับมีชีวิตจิตใจที่เด่นชัดยิ่งกว่าตัวตนของพวกเขาเอง. 


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in